เมื่อวาน เวลา 10:38 • ข่าวรอบโลก

สองแขก กับมือที่สาม…

ก็อย่างที่ทราบกัน ว่าอินเดียกับปากีสถาน
สองชาติที่มีนิวเคลียร์ในเอเชียใต้กำลังมีปัญหากันอยู่
จนหลายคนก็กังวลว่าจะมีสงครามใหญ่
ซึ่งสมมุติในกรณีเลวร้าย ตีกันขึ้นมาจริงๆ
มันจะมีอยู่ชาติหนึ่ง ที่เก็บผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง
และจะพอใจมาก…
งานนี้ไม่ใช่สหรัฐ แต่เป็น จีน….
หลายปีที่ผ่านมา หลังสหรัฐเริ่มเสื่อมอำนาจในปากีสถาน
พวกเขาก็วิ่งเข้าหาจีนแบบแนบแน่นมาก
แม้สหรัฐจะยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง แต่ก็เทียบกับจีนไม่ได้ในปัจจุบัน
ถ้าพูดถึงการเมือง และการทหารภายในปากีสถาน
ในทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ปากีสถานกับจีน
ถือว่าอินเดียคือภัยร่วมทั้งคู่ จึงไม่น่าแปลกใจอะไรนัก
ที่พวกเขาจะร่วมมือกันดี เป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้
อินเดียกับปากีสถานนั้น ไม่ต้องพูดถึง คับแค้นกันมาอย่าง
ยาวนาน หรือถ้าพูดให้ถูกต้องกว่านั้น มันตั้งแต่ก่อนมี
ประเทศชื่อปากีสถานด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นความขัดแย้ง
ที่มีผลมาจากศาสนามากกว่าอย่างอื่น
ฮินดูอินเดียนั้นเกลียดอินเดียมุสลิมเข้าไส้
มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมกุล ซึ่งเป็นอิสลาม
และค่อนข้างกดพวกเขามาตลอด เป็นร้อยปี
มันก็เลยมีปัญหากันมาตลอด จนไม่มีใครแก้ไขได้
ก่อนที่อังกฤษจะแก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดิน
ด้วยการจับแยกมันซะเลย แต่เรื่องมันก็ไม่จบอยู่ดี
การโทษว่าอังกฤษวางยา เป็นมุมมองที่ไม่ถูกต้องนัก
และค่อนข้างตัดตอนประวัติศาสตร์เสียมากกว่า
เพราะถึงไม่จับแยก มันก็จะกลายเป็นสงครามกลางเมือง
เพื่อขอแยกตัวของชาวมุสลิมอยู่ดี และอาจแย่กว่านี้ด้วยซ้ำไป
มันเป็นปัญหาเชิงศาสนา ความเชื่อ อคติทางความคิด
เป็นพื้นฐาน ไม่ใช่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากพรมแดนเป็นหลัก
ในอินเดีย มีปัญหาการตีกันของชาว ฮินดู-มุสลิม ตลอดแหละ
ทุกวันนี้ก็ยังมี เนื่องจากผู้นำอินเดียคนปัจจุบัน อย่าง โมห์ดี
ก็ใช้ศาสนาฮินดู เป็นเครื่องมือทางการเมือง เขามีประวัติ
ในการสนับสนุนฮินดูหัวรุนแรงมาตลอด
และเวลาชาวมุสลิมก่อเหตุในอินเดีย สิ่งแรกที่คนอินเดียคิด
ก็คือปากีสถานอยู่เบื่องหลัง โดยมีประเด็นศาสนาเป็นตัวตั้ง
มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว
ที่จริง ในแนวคิดโมห์ดี เขามีปัญหากับต่างศาสนิกหมดแหละ
ไม่ใช่แค่มุสลิม กระทั่งชาวซิกส์ก็โดน มันเป็นวิถีทางการเมือง
เพื่อรักษาฐานเสียง โดยอิงศาสนาเอาไว้ของเขาและพรรค
รอบนี้ หลายคนจึงกังวลมาก เนื่องจากกลุ่มฐานเสียงของ
โมห์ดี ออกมาสนับสนุนให้เปิดศึกกับปากีสถานกันค่อนข้างมาก
เนื่องจาก ปากคำของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีการพูดถึงว่า
คนร้ายถามถึงศาสนาของเหยื่อ เป็นมุสลิมคือรอดหมด
ถ้าเป็นฮินดู คือ ตาย
ซึ่งนั่น ทำให้ชาวอินเดียฮินดู โกรธเอามากๆ
จนมีรายงานการทำร้ายชาวมุสลิมในอินเดียหลายพื้นที่
แน่นอน ทางปากีสถานก็ย่อมไม่พอใจกับสิ่งนี้เช่นกัน
หลายคนจึงกลัวมาก ว่ามันจะบานปลาย
…ตอนนี้ทั้งสองฝ่าย มีการเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดในกองทัพ
ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่มีอะไร และตกลงกันได้ในที่สุด …
โมห์ดี ใช้ศาสนานำการเมืองมาตลอด ในภาพ คือวันเปิดวัดพระราม ชาวฮินดูฉลอง แต่ในอีกทาง อินเดียก็จัดการกับผู้ประท้วงชาวมุสลิม อย่างหนักหน่วง
อินเดียกับจีน ปัญหาอายุหลายพันปี ….
สองอารยธรรมเก่าแก่แห่งเอเชีย
ต่างไม่เคยยอมรับนับถือกันมาตลอดประวัติศาสตร์
เนื่องจากต่างฝ่ายต่างเชื่อ ว่าตัวเองคือศูนย์กลาง
ในโลกยุคโบราณ ฝั่งตะวันออกนี้
การแข่งกันเผยแพร่แนวคิด ตามแนวทางออกมาทั่วเอเชีย
เพื่อหวังผลทางการค้าและอิทธิพลทางความคิด
มีมาเป็นพันปีแล้ว และผลประโยชน์มันไม่เคยลงตัวเลย
แม้ไม่มีสงครามใหญ่ระหว่างกันให้เล่าขาน
และจีนก็รับศาสนาพุทธจากอินเดียไป
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ต่างมองอีกฝ่ายเป็นมิตร
ที่จริงมันตรงข้ามเลยต่างหาก
เพียงแต่ด้วยว่าในอดีตทั้งสอง ไม่มีเอกภาพมากพอ
ที่จะทำสงครามใหญ่ๆต่อกันได้ และมีชัยภูมิ
ที่ต่างฝ่ายต่างรบไม่เป็นขวางทางอยู่ต่างหาก
กล่าวคือ ในจีนยุคโบราณนั้น พวกเขาวุ่นวายในดินแดน
ที่เป็นจีนปัจจุบันมากอยู่แล้ว
เนื่องจากในสมัยราชวงศ์มันไม่ได้นิ่งอะไร มีกลุ่ม
เผ่าต่างๆ คอยป่วนอาณาจักรชาวฮั่นหรือแม้แต่แมนจูเสมอ
(ซึ่งแมนจูก็ไม่ใช่ชาวฮั่นแต่เป็นหนี่เจินที่มายึดจีนไป)
จึงไม่มีเวลาออกไปซ่าที่ไหน นอกจากเรียกเก็บส่วยเอากับ
อาณาจักรอื่นๆ ที่เล็กกว่า เช่น อยุธยา , ญี่ปุ่น อะไรทำนองนั้น
แม้แต่ช่วงพีคที่สุดของจีน ในยุคของเจิ้งเหอ และคังซีก็ตาม
กับจีนแล้ว ที่ซวยโดนหนักสุดคือเกาหลี กับอันนัม
หรือเวียดนามปัจจุบัน นอกนั้นแค่ส่งส่วยก็จบ
และนั่นแหละ กลุ่มรอบบ้านที่ไม่ส่งส่วยจีนแถวนี้ที่เดียว
ก็คือ แขกอินเดียนั่นแหละ เจ๋งป่ะละ
เพราะแม้แต่รัสเซียในอดีต ยังไม่รอดเงื้อมือจีนเลย
ไอ้วลาดิวอสตอก ทะเลสาบไบคาล ดินแดนอะไรแถวนั้นนี่
จริงๆของจีนหมดนะ รัสเซียมามั่วเอาไป ตอนอังกฤษตีแมนจู
แตกแล้วอ่อนแอ แค่นั้นเอง สมัยก่อนก็ส่งส่วยจีนอีกต่างหาก
( และเชื่อเหอะ สักวันจีนจะทวงมันคืนจากรัสเซีย
เมื่อปูตินหมดประโยชน์กับพวกเขา โดยการอ้างหนี้
มหาศาลที่รัสเซียก่อขึ้นเองจากสงคราม )
ส่วนอินเดียนั้น ก็ไม่ใช่ว่ามีเอกภาพอะไรเหมือนกัน
พวกเขามีปัญหาภายใน เป็นรัฐเล็กรัฐน้อยมากกว่าจีนอีก
ดังนั้น ไอ้เรื่องจะรวมหัวกันไปตีจีนมันถึงไม่เกิดขึ้น
ในขณะที่วิธีการรบ ในชัยภูมิที่ต่างกันมากก็มีส่วน
ที่ทำให้สองยักษ์เอเชียไม่เคยตีกันหนักๆ
เนื่องจากจีน รบในป่าดิบชื้นไม่เป็น ส่วนอินเดียก็ไม่ถนัด
การรบบนที่โล่งมากเท่าจีน
ทำให้เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงต่างคนต่างอยู่
เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหน้า และสูญเสียจะดีที่สุด
เพราะฝ่ายเริ่มบุกรุกราน จะไม่มีทางชนะเลย ย่อยยับแน่นอน
อินเดียนั้น ถ้าไม่นับอังกฤษ พวกเขาคือชาติที่ตีไม่แตก
อย่างแท้จริงชาติเดียวในโลกยุคโบราณ*
เนื่องจาก รัสเซียและจีนที่โม้เรื่องนี้เหมือนกัน
พวกเขาก็ไม่รอด จากเงื้อมมือกองทัพมองโกล
โดนยึดอยู่ซะตั้งหลายปี จีนนี่โดนยึดแล้วตั้งราชวงศ์เลย
ในขณะที่พวกมองโกลเลี่ยงอินเดียตลอดเวลา
เนื่องจากเข้าไปก็ตาย พวกเขารบไม่เป็น
ในภูมิประเทศแบบป่าทึบ หรือเขาสลับซับซ้อน
อันนี้เคยมีหลักฐานว่ามองโกลมาถึงพม่า ล้านนาแล้วแพ้ยับ
ต้องหนีตายกลับไป อันนี้น่าจะชัดเจน ว่ามองโกลรบใน
พื้นที่ลักษณะนี้ไม่เป็น
ถ้าไปอินเดียที่พื้นที่คล้ายกัน แต่กำลังรบเยอะกว่ามาก
คือ ตายสถานเดียว เลยไม่เอาดีกว่า กับภูมิประเทศแบบนี้
(* ความจริงอังกฤษก็ไม่ได้ยึดอินเดียทั้งหมดนะ มันใหญ่เกิน
พวกเขาต้องการแต่เมืองท่าในตอนแรก แต่ด้วยการสนับสนุน
ของชาวฮินดู เพื่อโค่นราชวงศ์โมกุล จึงกลายเป็นว่า อังกฤษ
มีกำลังในมือ และพันธมิตรท้องถิ่นมากพอ จนมีอิทธิพลไปทั่ว
ชมพูทวีป ผ่านพันธมิตรชาวฮินดูเหล่านี้นี่เอง )
แต่จีนกับอินเดีย ยุคโบราณ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญหากันเลย
พวกเขาทำสงครามตัวแทนกันอยู่หลายที่
ซึ่งรัฐที่ว่าและจุดแรงที่สุดนั้น ก็คือ ทิเบตในปัจจุบัน
เนื่องจากที่ราบสูงทิเบต เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำหลายสาย
ทั้งในจีนและอินเดีย มันเลยยอมกันไม่ได้
ซึ่งปัจจุบันปัญหานี้ก็ยังคงอยู่ ไม่เปลี่ยนไปเลย
จีนกล่าวหาอินเดียมาตั้งแต่โบราณว่าอยู่เบื้องหลังทิเบต
ในเรื่องต่างๆ จนสมัยก่อนทิเบตมีความแข็งแกร่งมากพอ
มีอาณาเขตใหญ่โต จนกล้าซ่ากับจีนได้ตลอด
การรีบเข้าครอบครองทิเบตของจีนหลังสงครามโลก
ครั้งที่สอง ก็เนื่องจากปมปัญหานี้เช่นกัน
และอินเดียก็ไม่พอใจทแต่ก็ได้แต่เงียบ
เนื่องจากจีนถือเป็นชาติผู้ชนะด้วยในตอนนั้น
ยังไม่นับประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกัน ที่มากที่สุดในโลก
ของทั้งสองฝ่ายอีก สิ่งนี้ทำให้พวกเขายากมาก
ที่จะแนบสนิท และเชื่อใจกันได้
…แม้ในการประชุม BRICS จะมีภาพสวยงาม
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชายแดนจีน อินเดีย และทิเบต
ยังคงเป็นจุดร้อนที่รอวันระเบิดของสองมหาอำนาจเอเชีย
ที่มีแต่จะตึงเครียดขึ้น ทุกวันๆเสียมากกว่า…
…ยังมีประเด็นยิบย่อยอีกมาก อย่างพม่า บังคลาเทศ
ในปัจจุบันอีก สองชาตินี้จึงไม่เคยไว้ใจกันเลย….
…ยิ้มซ่อนมีดใส่กันตลอดนั่นแหละ
ย้อนมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน….
หลายคนอาจไม่ทราบ ว่าปากีสถานเปลี่ยนอาวุธแบบหลัก
จากค่ายตะวันตกผสมรัสเซีย มาเป็นจีนล้วนมาได้ร่วม
20 ปีแล้ว หลังการไปของมูชาราฟ
รถถัง เครื่องบินรบ ไปจนถึงอาวุธประจำกายทหารราบ
ปัจจุบัน ปากีสถานรับมาจากจีนทั้งหมด
รวมถึงจีนเองก็เข้าไปตั้งโรงงานผลิตอาวุธในปากีสถาน
จัดว่าเป็นโรงงานอาวุธนอกประเทศของจีน ที่เดียวในโลก
เช่น ในกรณีของรถถัง รุ่นเดียวกับไทยที่ซื้อจากจีน
อันนี้คือจีนเข้าไปตั้งโรงงานผลิตป้อนให้ปากีสถานตรงๆเลย
และยังมีอาวุธอีกหลายรายการ ที่จีนทำแบบนั้น
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะจีนต้องการให้ปากีสถาน
ช่วยขนาบอินเดียเอาไว้นั่นเอง
ปากีสถาน อาจไม่ใช่ประเทศร่ำรวย
แต่ถ้าพูดถึงกองทัพ พวกเขามีกองทัพขนาดใหญ่
และเหนืออื่นใด พวกเขามีนิวเคลียร์
มันจึงไม่แปลกอะไร ที่จีนจะเข้าไปสนับสนุนแบบสุดลิ่ม
ให้ปากีสถาน แบบที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน
และแน่นอน ว่าอินเดียนั้นรู้ และย่อมไม่พอใจ
การเข้าร่วมกับสหรัฐและออสเตรเลีย ญี่ปุ่น
ในกลุ่ม QUADS มันก็เพื่อคานกับจีนปิดล้อมจีนเช่นกัน
มันเป็นการตอบโต้กันไปมาที่รุนแรง แม้จะไม่รบกันก็ตาม…
สถานการณ์ในปากีสถานปัจจุบัน มีข่าวว่าจีนเร่งส่ง
อาวุธจำนวนมากไปที่ปากีสถานตามคำร้องขอ
โดยเฉพาะจรวดติดเครื่องบิน ที่ถือว่าเป็นอาวุธหนักมาก
จรวดที่ว่า คือ PL-15E ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดที่จีนมี
ซึ่งจะติดตั้งบนเครื่องบินรบสัญชาติจีนรุ่นใหม่ๆทุกรุ่น
ในกรณีปากีสถาน ก็คือ JF-17-3
( ส่วนของจีนนั้น นิยมติดตั้งบน J-20 ขึ้นไปมากกว่า)
มันเป็นขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศพิสัยไกล
และจัดเป็นอาวุธหนักมาก
มากในขนาดที่ว่า สหรัฐและยุโรป ไม่กล้าส่งอาวุธแบบนี้
ให้ยูเครนใช้ เนื่องจากเกรงใจรัสเซียนี่แหละ
แต่จีนกล้าส่งให้อินเดีย แล้วจะให้อินเดียคิดยังไงล่ะ ?
มันค่อนข้างชัดเจน ว่าจีนเองไม่ได้กังวลมากนัก
หากสงครามระหว่างสองแขกเอเชียใต้จะเกิดขึ้น
และถ้าดูจากพฤติกรรม จีนดูจะอยากให้มันเกิด
หรือยั่วยุเสียด้วยซ้ำไป ถึงได้บอกว่าจีนนี่แหละมือที่สาม
กับปากีสถาน อินเดียถ้าต้องรบ ยังไงก็ชนะแน่
ปัญหาคือ อินเดียอาจตกอยู่ในสภาพเดียวกับรัสเซียได้
คือ ชนะได้ แต่ไม่ง่าย และยืดเยื้อ ติดพัน สิ้นเปลืองมาก
เนื่องจากมันไม่ได้ง่ายอะไรนัก
ถ้าถามว่า แล้วจีนได้อะไรจากการทำแบบนี้ ?
คำตอบมันก็มีอยู่แล้ว คือ อย่างแรกพวกเขาไม่เชื่อใจอินเดีย
ทั้งปมในอดีต และ ปัจจุบันที่อินเดียยังพร้อมพลิกไปทางไหน
ก็ได้ ในความขัดแย้งโลก
อย่างที่สอง ก็คือท่าทีจีนเอง ที่มีต่อไต้หวันและกรณีพิพาท
ในทะเลจีนใต้ จีนจำเป็นต้องหนีการถูกขนาบจากอินเดีย
การให้ปากีสถานมาดึงอินเดียออกไปนั้น เป็นเรื่องที่ดีกว่า
สำหรับจีน ถ้ามองกันในทางยุทธศาสตร์
และถ้าถามต่อว่า จีนไม่ห่วงเหรอกับพันธมิตร BRICS
และโครงการแถบเส้นทาง ?
ผมตอบแทนจีนได้เลยว่า พวกเขาไม่ห่วงแน่ๆ
เพราะมันไม่ใช่วาระเร่งรีบในตอนนี้ เท่าสถานการณ์
ทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ที่ใกล้จะร้อนถึงขีดสุดแล้ว
พวกเขาจะมองด้านความมั่นคง และประเด็นไต้หวันไว้ก่อน
เรื่องการค้าจะมาทีหลัง
อีกอย่าง คือจีนนั้น เริ่มรู้ตัวมาพักใหญ่แล้ว
ว่า BRICS เกิดยากและแทบไม่มีความหมายอะไรกับพวกเขา
อีกต่อไป เมื่อพันธมิตรดูแล้วไม่เข้าท่าสักชาติเดียว
แถมแขกตะวันออกกลาง ก็ทำท่าไม่เอาด้วย ถ้ามีอิหร่าน
ไม่ได้กลุ่มตะวันออกกลาง BRICS ก็แท้ง เกิดก็ไม่มีพลัง
แต่รัสเซียก็พยายามเหลือเกิน ในการลากอิหร่านเข้ามา
จนล่าสุด ซาอุดีอาระเบียถอยไปเรียบร้อย แบบนี้จบเห่
กับ BRICS จีนไม่อยากเป็น “เดอะ แบก” จ่ายอยู่คนเดียว
พวกเขาเลยถอดใจมาพักใหญ่แล้ว
รัสเซีย แอฟริกาใต้ มีเศรษฐกิจที่ถอยหลังหนักพึ่งไม่ได้
มีแต่มาขอพึ่งจีน
บราซิล อินเดีย เหยียบเรือสองแคม จีนไว้ใจไม่ได้
อาหรับตีกันเองพวกมึงพวกกูขาดเอกภาพ วงแตก
ส่วนแอฟริกามันของตายสำหรับจีน BRICS
ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยในแอฟริกาทุกวันนี้หยวนเพียบ
ในระบบเศรษฐกิจแอฟริกา ใช้เยอะกว่าดอลลาร์อีก
แล้วงี้จีนจะเอา BRICS ไปทำอะไรให้เปลืองเงินล่ะ ?
มันก็ง่ายๆแค่นั้น ที่พูดๆทุกวันนี้ ก็แค่เลี้ยงกระแส
แต่ไม่ได้หวังผลอะไรมากนัก
จีนไม่ห่วง BRICS อะไรนักหรอก พังได้สิดี จะได้จบๆ
ตัดรำคาญ ตัดภาระไปเลยดีกว่า
ไม่งั้นพวกเขาไม่กล้าทำกับอีกฟันเฟืองที่สำคัญมาก
ของกลุ่มอย่างอินเดียแบบนี้หรอก….
สถานการณ์โลกปัจจุบัน ถูกเร่งขึ้นโดยมีผลจากสงคราม
ในยูเครนเป็นจุดเริ่มหลัก
เพราะมันทำให้เห็นว่าสหรัฐเองก็ไม่ใช่แบบสมัยก่อน
ยุโรปก็ต้องคิดถึงตัวเองมากที่สุดตอนนี้
กฎโลกเก่าเสื่อมถอย เข้าสู่โลกยุคใช้กำลังแบบเสรี
ป่าเถื่อน ตามที่รัสเซียได้วางบรรทัดฐานเอาไว้
กลุ่มก้อนต่างๆ จึงอาศัยจังหวะนี้ โหมกระพือสถานการณ์
ไปทั่วโลก จนเข้าใกล้จุดเดือดมากขึ้นทุกทีๆ
ไม่ว่าสุดท้าย อินเดียกับปากีสถาน จะจบแบบไหน
มีสงครามจริงๆหรือไม่…
แต่มันมีอยู่อย่างนึงที่แน่นอน คือ เหตุการณ์ความขัดแย้ง
ของชาติต่างๆ ทั่วโลกจะมากขึ้นเรื่อยๆ
…และสุดท้ายเราอาจหนี WW III ไม่พ้นจริงๆ…
…ก็มีอย่างเดียวแหละ ที่จะทำให้โลกสงบลงอีกสักพัก…
…ถ้าพรุ่งนี้ ปูติน ทรัมป์ สี่ นัดกันตกส้วมตาย โลกก็รอดครับ….
…มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ในโลกยุคที่ขวาแก่ๆที่ครองโลกอยู่
จะบ้าให้สุด เพื่อสนองควมฝัน ก่อนเวลาเข้าโลงของพวกมัน…
อ้างอิง
โฆษณา