Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สันติ ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
•
ติดตาม
5 ชั่วโมงที่แล้ว • ครอบครัว & เด็ก
เมฟีโบเชทคือเราเอง
2 ซามูเอล 9:1-13 TH1971
[1] ดาวิดรับสั่งว่า <<พงศ์พันธุ์ของซาอูลนั้นมีเหลืออยู่บ้างหรือ เพื่อเราจะสำแดงสัจกรุณาแก่ผู้นั้นโดยเห็นแก่โยนาธาน>> [2] มีมหาดเล็กในวงศ์ซาอูลคนหนึ่งชื่อศิบา เขาก็เรียกให้มาเฝ้าดาวิดและพระราชาตรัสกับเขาว่า <<เจ้าคือศิบาหรือ>> เขาทูลตอบว่า <<ข้าพระบาทคือศิบาพ่ะย่ะค่ะ>>
[3] พระราชาจึงตรัสว่า <<ไม่มีใครในวงศ์ซาอูลยังเหลืออยู่บ้างหรือ เพื่อเราจะได้แสดงความรักมั่นคงของพระเจ้าต่อเขา>> ศิบากราบทูลพระราชาว่า <<ยังมีโอรสของโยนาธานเหลืออยู่คนหนึ่ง เท้าของเขาเป็นง่อยพ่ะย่ะค่ะ>> [4] พระราชาตรัสถามเขาว่า <<เขาอยู่ที่ไหน>> ศิบาจึงกราบทูลพระราชาว่า <<เขาอยู่ในเรือนของมาคีร์บุตรอัมมีเอลในเมือง โลเดบาร์พ่ะย่ะค่ะ>>
[5] แล้วกษัตริย์ดาวิดรับสั่งให้คนไปนำเขามาจากเรือนของ มาคีร์บุตรอัมมีเอลที่โลเดบาร์ [6] เมฟีโบเชทโอรสของโยนาธานราชโอรสของซาอูลได้ มาเฝ้าดาวิดและซบหน้าลงกราบถวายบังคม และดาวิดตรัสว่า <<เมฟีโบเชทเอ๋ย>> เขาทูลตอบว่า <<ดูเถิด ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท>> [7] และดาวิดตรัสกับท่านว่า <<อย่ากลัวเลย เพราะเราจะสำแดงสัจกรุณาต่อท่าน เพื่อเห็นแก่โยนาธานบิดาของท่าน และเราจะมอบที่ดินทั้งหมดของซาอูลราชบิดาของ ท่านคืนแก่ท่าน และท่านจงรับประทานอาหารอยู่ที่โต๊ะของเราเสมอไป>>
[8] และเขาก็กราบถวายบังคมและทูลว่า <<ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นผู้ใดเล่า ซึ่งฝ่าพระบาทจะทอดพระเนตรสุนัขตายอย่างข้าพระบาทนี้>> [9] แล้วพระราชาตรัสเรียกศิบามหาดเล็กของซาอูล และตรัสแก่เขาว่า <<บรรดาสิ่งของที่เป็นของซาอูลและของวงศ์ทั้งสิ้นของท่าน เราได้มอบให้แก่โอรสเจ้านายของเจ้าแล้ว
[10] ตัวเจ้าและพวกบุตรของเจ้าและเหล่าคนใช้ ของเจ้าต้องทำนาให้เขา และนำผลพืชที่ได้นั้นเข้ามาเพื่อโอรสแห่ง เจ้านายของเจ้าจะได้มีอาหารรับประทาน แต่เมฟีโบเชทโอรสแห่งเจ้านายของเจ้านั้น จะรับประทานอาหารที่โต๊ะของเราเสมอไป>> ฝ่ายศิบามีบุตรชายสิบห้าคนกับคนใช้ยี่สิบคน
[11] แล้วศิบาจึงกราบทูลพระราชาว่า <<ตามที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทบัญชา ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทนั้น ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะกระทำ>> เมฟีโบเชทจึงรับประทานที่โต๊ะเสวยของดาวิด อย่างกับเป็นโอรสของกษัตริย์ [12] เมฟีโบเชทมีบุตรชายเล็กคนหนึ่งชื่อมีคา ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเรือนของศิบาก็ได้ เป็นมหาดเล็กของเมฟีโบเชท [13] ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงอยู่ใน เยรูซาเล็มเพราะท่านรับประทานที่โต๊ะของกษัตริย์เสมอ เท้าของท่านเป็นง่อยทั้งสองข้าง
https://bible.com/bible/275/2sa.9.1-13.TH1971
เรื่องนี้กำลังสะท้อนชีวิตของมนุษย์เราทุกคนครับ ก่อนผมได้พบกับพระเยซูก็เหมือนกับตอนที่เมฟีโบเชทอยู่ที่โลเดบาร์ครับ ซึ่งโลเดบาห์ความหมายคือที่ๆแห้งแล้ง แบบสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ไม่ได้ครับ
แต่ไปอยู่ที่นั่นเพราะมารซาตานวิญญาณชั่วได้พาแยกออกไปจากพระเจ้าครับ ตั้งแต่ยุคสมัยแรกเริ่มกำเนิดพงศ์พันธ์มนุษย์เลยครับ เหมือนตอนที่เมฟีโบเชทอายุห้าขวบ พี่เลี้ยงของเมฟีโบเชทพาเขาหนีออกจากวังตอนรู้ว่าดาวิดกำลังมาหลังซาอูลตาย แต่เพราะความรีบก็อุ้มและทำเมฟีโบเชทหล่นจนขาเป็นง่อยครับ ไม่ได้รับการดูแลรักษาเพราะพาไปอยู่ที่โลเดบาห์นี้ครับ
ก็อยู่ที่นั่นด้วยความทุกข์ยากลำบากและมีใจที่หวาดระแวงกับดาวิดตลอดมาเพราะพี่เลี้ยงก็สอนให้มาโดยตลอดว่าดาวิดไม่ดี เป็นศัตรูของปู่ของพ่อ เหมือนที่มารซาตานทำกับผมครับคือทำให้ไม่เชื่อพระเจ้า ทำให้มีใจต่อต้านปฏิเสธกับพระเจ้า ทำให้เชื่อว่าการเชื่อมั่นตัวเองนี้แหล่ะคือคำตอบครับ
ผมเกือบจะฆ่าตัวตายไปแล้วนะครับก่อนมาพบพระเยซู เพราะมันเบื่อหน่ายครับกับสภาพสังคมชีวิตมนุษย์ มันต้องดิ้นรนต่อสู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด ใครดีใครอยู่ใช้เล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบกันเมื่อเริ่มต้นก้าวออกมาสู่สังคม เหมือนสัตว์เลยครับ แต่มันหนักมันชั่วกว่าสัตว์ เพราะสัตว์มันไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมากมายเหมือนมนุษย์ ชั่วร้ายอุบาทมากกว่ากันเยอะครับ
สุภาษิต 20:14 TH1971
[14] ผู้ซื้อพูดว่า <<เลว เลว>> แต่เมื่อเขาไปแล้วเขาจึงอวด
https://bible.com/bible/275/pro.20.14.TH1971
คือมองตัวเองดีกว่าคนอื่นหมด พยายามทำยังไงให้คนอื่นคิดแบบนั้นเพื่อตัวเองจะมีชีวิตรอดนี้ครับ แต้ถ้าใครจับได้ก็เกลียดโกรธอยากจะฆ่าเขา ไม่อยากปล่อยเขาไว้เพราะจะไปทำให้คนอื่นรู้ความจริงไปด้วยว่าตัวเองโกหกหลอกลวง แต่เพราะบ้านเมืองมีกฏหมาย ควบคุมไม่ให้ฆ่าใครโดยง่ายก็เลยได้แต่แช่งสาปอยู่ในใจและพยายามออกห่างหรือหนีให้ไกลไปเลยและนินทาให้ร้ายกับคนนั้นกับคนอื่นเมื่อมีโอกาส
เราไม่ทำก็ไม่ได้ ถ้าจะมีชีวิตอยู่รอดในสังคม ใช้เล่ห์เพทุบาย ทำตัวว่าดี เก่ง ฉลาด หลอกลวงทั้งนั้นครับ สำหรับผมการปลีกตัวเองหรือหนีไปบวชก็ไม่ได้ช่วยครับ เพราะผมอยากหายไปเลย ไม่อยากรับรู้ แต่เพราะได้ยินคำสอนที่บอกฆ่าตัวตายไปนรก ผมก็เลยยับยั้งและเริ่มค้นหาคำตอบของชีวิตจนกระทั้งได้มาพบในพระเยซูนี้ครับ
พอได้มาพบเจอกับพระเยซูมันถึงได้พบคำตอบของชีวิตครับ ทุกเรื่องมันไม่คลุมเครือเกิดมายังไง เพื่ออะไร ตายแล้วจะไปไหนต่อ จะรอดจากนรกยังไง ชีวิตบนโลกดำเนินอย่างไรฯลฯ มีคำตอบให้หมดเลยครับ
ผมดีใจและขอบคุณกับพระเจ้ามากครับ ขอบคุณที่มีเรื่องแบบนี้ ไม่งั้นมันหยุดคิดเรื่องฆ่าตัวตายหนีไม่ได้ครับ ปัจจุบันผมเลยมุ่งเรื่องการประกาศความจริงนี้ให้กับทุกคนเป็นเรื่องหลักของชีวิตเลยครับ เพราะมันมีพระเจ้าที่คอยคุ้มภัยใครจะมาคิดร้ายอะไรกับผมก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว และพระเจ้าก็ดูแลเรื่องปากท้องเนื้อหนังกินอยู่ยังไงให้หมดแล้วด้วย พระเจ้าก็อยากให้คนที่ได้รู้ความจริงแล้วได้บอกต่อกับคนอื่นที่ยังไม่รู้ด้วยแบบนี้ครับ
แต่ก่อนต้องมาสาละวนอยู่แต่กับรับผิดชอบดูแลตัวเองยังไง ยิ่งมีครอบครัวด้วยก็หนักขึ้นไปอีก จะหาช่วงเวลาได้หลับพักผ่อนสนิทยากมาก มันมีเรื่องให้กังวลเยอะมากครับ บ่อยครั้งเก็บไปฝันต่อ รู้ว่าควรปล่อยวาง แต่ปล่อยให้ใครล่ะครับ? มันจะต้องมีผู้อื่นมาแบกแทนให้ครับ พอมาเจอกับพระเจ้าพระเยซูมันปล่อยได้จริงครับ หลับสนิทได้จริงครับ เพราะไม่ต้องมาคอยปกป้องรับผิดชอบเองเลยสักเรื่องกับชีวิตแบบนี้ครับ
เหมือนภาพของเมฟีโบเชทตอนได้มาอยู่กับพระเยซูแล้ว การเป็นง่อยจึงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป กับความอ่อนแอ โง่เขลา ไม่มีเงินทอง ไม่หล่อ ไม่สมารท ไม่มีคนรัก ไม่รวย มันก็เลยไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแบบนี้ครับ แต่ก่อนก็หมดเวลาไปกับการพยายามหลอกคนอื่นว่าตัวเองมี ทั้งๆที่ไม่มี แต่ก็ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้มี ไปกู้ไปยืมหรือเช่ามาก็ต้องยอม
เพราะสังคมมันอยู่กันด้วยสิ่งจอมปลอมเหล่านี้เหมือนสวมหน้ากากใส่หัวโขนเข้าหากันตลอดเวลาแบบนี้ครับ คนจริงใจตรงไปตรงมาอยู่ไม่ได้ครับ สังคมมันบีบให้ผู้คนต้องล่อลวงกัน หลายคนก็ซึมเศร้าเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายหนีเลยก็มีให้ได้ยินทุกวัน
แต่ถ้าคุณไม่ถอนตัวกลับมาหาพระเยซู ข้างหน้ากับสิ่งที่มารซาตานกำลังเตรียมไว้ให้คุณกับครอบครัวนั้นน่ากลัวครับ รีบถอนตัว เลิกเชื่อวางใจตัวเองกลับมาหาพระเยซูกันนะครับ พระเจ้าส่งพระเยซูลงมายังโลกเพื่อเป็นช่องทางเข้าถึงพระองค์ครับ พระเยซูจึงเปรียบเหมือนประตูเหมือนสะพานที่จะช่วยนำกลับไปหาพระเจ้าได้
มนุษย์เข้าถึงพระเจ้าตรงๆ ไม่ได้ครับ มันมีความบาปกั้นอยู่ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าและพระเยซูเป็นตัวกลาง การที่เราจะเข้าถึงพระเจ้าได้จึงต้องผ่านพระเยซูครับ มารซาตานก็กำลังหลอกหลายคนกับเรื่องนี้ ทำให้ผู้คนเชื่อว่าสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้โดยตรง เช่น เมื่อทำความดี เมื่ออธิษฐานบ่อยๆ จึงถูกมารซาตานล่อลวงต่อไป สุดท้ายก็จะมีความตายความวิบัติเข้ามาในชีวิตในครอบครัว หลายคนที่เชื่อว่ามีพระเจ้าแต่ชีวิตก็ยังเจอแต่เรื่องวิบัติก็มาจากปัญหานี้
ช่วงนี้ผมไปพบกับผู้นำชุมชนบ่อยๆเล่าให้ฟังหนักใจมากกับลูกหลานเรื่องยาเสพติดครับ ไม่รู้จะแก้ยังไง แม้แต่คนในกลุ่มศาสนาที่เชื่อว่ามีพระเจ้าด้วยนะครับ แต่พวกเขาพยายามเข้าหาพระเจ้าด้วยวิถีทางอื่นที่ไม่ใช่พระเยซูครับ ก็เลยเข้าไม่ถึงพระเจ้า ปัญหาจึงไม่ถูกแก้ครับ
ผมก่อนมาถึงพระเยซูก็ถูกเขาหลอกไปติดอยู่กับกลุ่มนึงที่ยังเชื่อว่ามนุษย์ทำความดีได้ครับ สอนละเอียดเลยจะทำดียังไงบ้าง แต่ก็เรียกตัวเองเป็นคริสเตียนอ้างพระเจ้าพระเยซูหรืออ้างพระคัมภีร์ฯเหมือนกัน ตอนนั้นผมแยกแยะไม่ได้เลยครับว่าผิดยังไง ตราบจนผมได้มาพบกับคริสตจักรของพระเจ้าจริงๆ ก็สามารถอธิบายแยกแยะให้ฟังได้ครับว่าผิดถูกยังไง คริสตจักรมุ่งสอนเรื่องโลกของจิตใจ ไม่ได้มุ่งสอนเรื่องการประพฤตินะครับ
มัทธิว 7:21-23 TH1971
[21] <<มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า <พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า> จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
[22] เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า <พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ>
[23] เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า <เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา>
https://bible.com/bible/275/mat.7.21-23.TH1971
เพราะพวกเขาพยายามจะทำให้พระเจ้ายอมรับด้วยวิถีทางอื่นที่เป็นการประพฤติแต่ไม่ใช่แค่ทางพระเยซูนี้ครับ ผลคือไปนรกด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่วิบัติบนโลกนี้
ความรู้รอบตัว
ข่าวรอบโลก
ประวัติศาสตร์
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย