- เกือบ 1,000 ล้านบัญชี คือตัวเลขที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Meta เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram บอกว่า เป็นจำนวนผู้ใช้งาน Meta AI ต่อเดือน
ซึ่งเดิมที Meta AI เป็น AI ที่แฝงตัวอยู่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้งานตามที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กบอก จึงเป็นเหตุผลให้ทางบริษัทออกแอปพลิเคชัน “Meta AI” แยกออกมา
แล้ว Meta AI ทำอะไรได้บ้าง ? MarketThink สรุปดีเทลมาให้ในโพสต์นี้
1. Meta AI วางตัวเป็น “Personal AI” หรือ AI ผู้ช่วยส่วนตัว
Meta AI เป็น AI ที่สร้างด้วยโมเดล Llama 4 ซึ่งจะเป็นผู้ส่วนตัวในทุก ๆ ด้าน
ทาง Meta บอกว่า การใช้งานของ Meta AI ก็เหมือนกับ AI ทั่ว ๆ ไป ที่สามารถถาม-ตอบ หรือว่าสร้างรูปภาพได้ตามคำสั่ง
หนึ่งในจุดแข็งของ Meta ที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วก็คือ การฟีดคอนเทนต์ได้ตรงใจกับผู้ใช้งาน หรือเรียกว่าการ Personalized
ซึ่ง Meta ก็ได้นำจุดแข็งตรงนี้ ไปเป็นจุดแข็งของ Meta AI ด้วย
อธิบายง่าย ๆ คือ เราสามารถ Prompt บอก Meta AI ได้ว่า เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร กำลังสนใจอะไร เมื่อเราถาม-ตอบ Meta AI จะตอบโดยเชื่อมโยงความชอบหรือความสนใจของเรา
นอกจากนี้ ในกรณีที่เปิดตั้งค่าอนุญาต Meta AI ยังสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ บนหน้าโปรไฟล์ของเรา ทั้งอายุ เพศ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เรากดไลก์ ก็จะถูกนำไปใช้ให้ Meta AI เรียนรู้ เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ใจเราที่สุดอีกด้วย
3. มีฟีเชอร์ “Discover” เพื่อดูว่าผู้อื่นใช้งาน AI อย่างไรบ้าง
ฟีเชอร์นี้ จะทำให้ Meta AI เปรียบเสมือน “โซเชียลมีเดีย” มากยิ่งขึ้น