เมื่อวาน เวลา 09:42 • ธุรกิจ

สรุปดีเทลแอป “Meta AI” เป็น ChatGPT เวอร์ชันโซเชียลมีเดีย มีฟีด Discover ดูไอเดียใช้ AI จากคนอื่น

- เกือบ 1,000 ล้านบัญชี คือตัวเลขที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Meta เจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram บอกว่า เป็นจำนวนผู้ใช้งาน Meta AI ต่อเดือน
ซึ่งเดิมที Meta AI เป็น AI ที่แฝงตัวอยู่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้งานตามที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กบอก จึงเป็นเหตุผลให้ทางบริษัทออกแอปพลิเคชัน “Meta AI” แยกออกมา
แล้ว Meta AI ทำอะไรได้บ้าง ? MarketThink สรุปดีเทลมาให้ในโพสต์นี้
1. Meta AI วางตัวเป็น “Personal AI” หรือ AI ผู้ช่วยส่วนตัว
Meta AI เป็น AI ที่สร้างด้วยโมเดล Llama 4 ซึ่งจะเป็นผู้ส่วนตัวในทุก ๆ ด้าน
ทาง Meta บอกว่า การใช้งานของ Meta AI ก็เหมือนกับ AI ทั่ว ๆ ไป ที่สามารถถาม-ตอบ หรือว่าสร้างรูปภาพได้ตามคำสั่ง
แต่ที่น่าสนใจคือมีโหมด Voice Conversation หรือการพูดคุยผ่านเสียง
ซึ่งทาง Meta ระบุว่า Meta AI จะเป็น AI ที่สามารถพูดคุยได้แบบเป็นธรรมชาติ โดยมาพร้อมกับโหมด “Full-Duplex Speech”
ซึ่งเป็นโหมดที่ช่วยให้การพูดคุยไหลลื่น คือ ผู้ใช้งานสามารถพูดและตอบกลับได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอให้ AI พูดจบ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นโหมดนี้จะเปิดให้ใช้งานแค่สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เท่านั้น
2. ชูจุดเด่นเป็น AI ที่ Personalized
หนึ่งในจุดแข็งของ Meta ที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วก็คือ การฟีดคอนเทนต์ได้ตรงใจกับผู้ใช้งาน หรือเรียกว่าการ Personalized
ซึ่ง Meta ก็ได้นำจุดแข็งตรงนี้ ไปเป็นจุดแข็งของ Meta AI ด้วย
อธิบายง่าย ๆ คือ เราสามารถ Prompt บอก Meta AI ได้ว่า เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร กำลังสนใจอะไร เมื่อเราถาม-ตอบ Meta AI จะตอบโดยเชื่อมโยงความชอบหรือความสนใจของเรา
นอกจากนี้ ในกรณีที่เปิดตั้งค่าอนุญาต Meta AI ยังสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ บนหน้าโปรไฟล์ของเรา ทั้งอายุ เพศ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เรากดไลก์ ก็จะถูกนำไปใช้ให้ Meta AI เรียนรู้ เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ใจเราที่สุดอีกด้วย
3. มีฟีเชอร์ “Discover” เพื่อดูว่าผู้อื่นใช้งาน AI อย่างไรบ้าง
ฟีเชอร์นี้ จะทำให้ Meta AI เปรียบเสมือน “โซเชียลมีเดีย” มากยิ่งขึ้น
เพราะมีพื้นที่ที่ให้เราสามารถดูวิธีการใช้งาน AI ของคนอื่น ๆ ทั่วโลกได้ ผ่านหน้าต่าง Discover เพื่อเรียนรู้วิธีการสั่งงาน หรือเข้าไปถามต่อในชุดคำสั่งของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ต้องกังวลว่า ข้อมูลการใช้งานของเราจะไปโผล่บนหน้า Discover เพราะข้อมูลของเราจะขึ้นไปที่ฟีด Discover ได้ ก็ต่อเมื่อเรากดเลือก “โพสต์” การพูดคุยนั้น ๆ
4. Meta AI รองรับการใช้งานแว่นตา Ray-Ban Meta glasses
ที่ผ่านมา หลายคนอาจเคยเห็นข่าวคราวเรื่อง Meta ประกาศขายแว่นกันมาบ้าง ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพ, อัดวิดีโอ, ฟังเพลง-พอดแคสต์ และคุยโทรศัพท์
รวมถึงแชร์ภาพและวิดีโอไปยังโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ Instagram ได้ผ่านแว่นตา
โดย Meta AI ก็จะรองรับการใช้งานแว่นตา 2 รุ่นด้วย ได้แก่ แว่น Ray-Ban Meta และ แว่น Ray-Ban Stories
ซึ่งเมื่อนำมาใช้งานร่วมกับแอป Meta AI แล้ว จะทำให้ผู้ช่วย AI สามารถเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์
5. การใช้งาน Meta AI
ตอนนี้ Meta AI สามารถใช้งานผ่านสมาร์ตโฟน iOS และ Android ได้แล้ว โดยมีขั้นตอนดังนี้
- โหลดแอปพลิเคชันจาก App Store หรือ PlayStore
- Log in ด้วยบัญชี Facebook หรือ Instagram
- เริ่มต้นใช้งานได้เลย
หรือจะใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์ ผ่านหน้าเว็บ meta.ai โดยสามารถเลือกใช้งานได้เลยว่าจะ Login หรือไม่ก็ได้ แต่หาก Login แล้วเข้าใช้งาน จะทำให้ AI ที่ตอบคำถามสามารถทำความเข้าใจเราได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ Meta ยังรองรับการใช้งานผ่านการ Prompt ข้อความลงไปเท่านั้น แต่ยังไม่รองรับการสนทนาด้วยเสียง
6. สรุปความสามารถโดยรวมของ Meta AI
แน่นอนว่า AI สมัยนี้สามารถเข้าใจลักษณะทางกายภาพ และสามารถค้นหาข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็ว
โดย Meta AI สามารถประมวลผลออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การสร้างรูปภาพสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายทอดแสงเงาที่กระทบ, การเข้าใจลักษณะของสัตว์อย่างสมบูรณ์, การถ่ายทอดการกระทำของสัตว์ได้อย่างแม่นยำ
ที่น่าสนใจคือใช้เวลาในประมวลผลไม่ถึง 3 วินาที และสามารถสร้างรูปภาพออกมาได้ถึง 4 รูป
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะพอเห็นภาพรวมได้ว่า Meta AI ที่เพิ่งเปิดตัวมานี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่แช็ตบอต AI ช่วยเหลือเหมือนแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่เราเคยใช้งาน
แต่ Meta AI เป็นเหมือนสังคม และพื้นที่แบ่งปันวิธีการใช้งาน AI เพื่อให้ผู้คนที่เพิ่งเริ่มใช้งาน AI ใหม่ ๆ สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
โฆษณา