2 พ.ค. เวลา 01:05 • ประวัติศาสตร์
เรื่องมนุษย์ ต่างดาวนั้น เหมือนเรื่องราวในสี่ชมพูทวีป เค้าคล้ายๆคนธรรพ์คนลับแล ที่อยู่ใกล้ชิดโลกมนุษย์ แต่ต่างกันด้วยมิติของธาตุ ..ที่มีความละเอียดที่แตกต่างกัน มนุษย์ต่างดาว เค้าไปไหนมาไหนได้ เค้ามีความเจริญ ..มากกว่าโลกมนุษย์ ตัวเค้าโปร่งแสง เค้าจะให้เห็นก็ได้ไม่ให้เห็นก็ได้ ..เมื่อเค้ามาลอยตรงหน้า ..เราก็ ..ตามนุษย์ก็มองไม่เห็น
ส่วนเรื่องภาษา เค้าก็มีของเค้า เหมือนในโลกใบนี้ ก็มีภาษาอยู่มากมายก่ายกอง เรื่องราวภาษา นั้นก็มีเรื่องราวที่แปลก เหมือนเดี๋ยวนี้ มนุษย์ยังทำเครื่องแปลภาษา อะไรต่างๆได้ มีผู้ที่เล่าให้ฟังว่า ที่ศีรษะของมนุษย์ต่างดาว เค้าก็มีเครื่องแปลอยู่ .ติดที่ศีรษะของเค้า เค้าก็มาโลกมนุษย์กันบ่อยๆ มาจากหลายดวงดาว ..สิ่งที่เค้าสนใจ มาดูเรียนรู้ มีพระท่านเล่าให้ฟัง ฉันเห็นเค้ามาเดิรดูคนที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ..นั่งสมาธิ ..ตาของเค้าเห็น ไปที่จิต จิดดวงไหน มีแสงมีสี สว่างไสว อะไรเกิดขึ้น
..มนุษย์ต่างดาว เค้าก็มาเรียนรู้เรื่องโลกมนุษย์ เพราะเมื่อกายนั้นหมดไปวันหนึ่งวันใด เค้าก็ต้องมาอาศัยกายมนุษย์สร้างบุญกุศลบารมี .หากพลาดไป ก็ลงนรกได้ เหมือนกัน
..จิต..ที่เป็นลักษณะอยู่กับสิ่งที่เป็นสภาพเหมือนนามธรรม เค้าเห็นมนุษย์ ที่กายหรือที่จิต .คราวนี้ เราลองมาดู ..คำว่า นิโรธสมาบัติ ..ที่เรียกว่า เข้านิโรธ .ร่างกายก็อยู่นิ่งเฉยๆ มีบมเข้าออกแทบจำไม่ได้ ไปเลี้นงเร่อนกายอยู่ ..พอเข้านิโรธ ..จิตก็ออกจากกาย ..ไปศึกษาเรื่องราวต่างๆ ที่นั้นที่นี้ ..แล้วแต่ความสามารถของจิตที่สะสม เรื่องราวนิโรธสมาบัติ ก็ยังหายากที่จะมีผู้ที่ จ้ตมีความสามารถ ที่จะกระทำได้ ..ยิ่งในยุคสมัยนี้ แทบไม่มีใครทำได้เลย หากมีผู้ที่ทำได้ ท่านก็อยู่ป่ากัน ..
.แล้วก็ยังมีเรื่องราว ที่เรียกว่า พระมาลัยโปรดสัตว์ ..ผู้ที่มีจิตมีความสามารถ สะสมบุญกุศลบารมี ท่านก็มีเรื่องราวไปไปโปรดสัตว์ ..ที่เป็นเรื่อวราวที่ว่า รูปธรรมนามธรรม ที่เป็นเรื่องราวมิติที่จิตนั้งไปอาศัย สถานที่ทุกข์ หรือสุข
.นั้นก็เป็นการเรียนรู้ของจิต ในเรื่องราวที่ว่า จิตไปเกิดที่นั้นที่นี้ได้ ด้วยเหตุผลอะไรกัน เมื่อจิตนั้นออกจากร่าง .. บางคนไป คิดว่าไปชั่วขณะหนึ่ง แต่กลับมา ร่างกายใช้การไม่ได้ ก็ต้องรอเริ่มต้นใหม่ รอเกิดใหม่ เรียนรู้ใหม่..เพราเมีกายมนุษย์ ก็ต้องเริ่มฝึกหัด หัดกิน หัดเดินกันใหม่
แล้วสถานที่ไหนเกิดมีแสงรัตนะ ที่กระจายไปในดินฟ้าอากาศ เค้าก็รับรู้ได้ ..เค้าก็มาดู .มนุษย์ต่างดาว ก็เหมือนมนุษย์ บางคนก็สนในศึกษา เรื่องราวของจิต เรื่องราว ศีลสมาธิปัญญาเพราะเค้าก็เคยเกิดเป็นมนุษย์ เวียนว่ายตายเกิด ในวัฏฏะเหมือนกัน เคยเห็น ..เแ็นเหมือรโคมลอย ค่อยๆ เคลื่อนตามกันมา เป็นระยะทางยาว เรียงแถว เป็นเส้นตรง ลอนไม่สูงมาก ในคืนวันวิสาขะบูชา ..
มนุษย์ต่างดาส เค้าก็เป็นจิตดวงหนึ่ง ที่ว่าไปเกิดที่นั้นที่นี้ .เหมือนคนเรานี้แหละ ที่ว่า วันหนึ่ง ที่มีกายเดินไปเดินมา พอถึงวันหนึ่ง กายที่เดินไปมา ก็ไม่มีในโลก ต้องไปหากายใหม่ เรื่องเทพเจ้ามนุษย์นั้นชั่งจิจินตนาการ ที่จริงแล้ว ก็เป็นเรื่องราวของจิต..ที่เคลื่อนที่ ไปด้วยคำว่า บุญกุศล กุศลาธัมมา อกุฃสลาธัมมา อัพพยากคาธัมมา ..
..ว่าแต่ว่า เราเคยรู้ตักจิตตัสเองมั้น ที่อาศัยอยู่ในกายมนุษย์ มนุษย์ต่างดาว เค้าก็เป็นจิตอาศัยอยู่ในกายมนุษย์ต่าวดาว แล้วกายมนุษย์นั้น ทำอะไรได้มากกว่า มนุษย์ต่างดาว ในเรื่องราวการสร้างบุญกุศลบารมีของจิต แล้วเราจัก คำว่า จิคของตัวเองที่อาศัยในกายนี้ขั่วขณะหนึ่งได้มั้ย ..เดี๋ยว ก็ต้องออกเดินทางต่อ เมื่อไม่มีกาย ..แต่นั้นแหละ ..สมัยนี้ มันยุควิทยาการทางวัตถุ ..เรื่องราวของคำว่า จิต.. จิตแต่ละดวง เค้ามุ่งมั่นไม่หมือนกันเลย
..เรื่องใกล้ตัว เราก็ยังมองไม่เห็น ..มนุษย์ที่ว่าไปส่งอะไรไปดวงจันทร์ดาวอังคาร เค้าก็หาไม่เจอหรอก ขนาดคนธรรพ์คนลับแล อยู่ใกล้เรา แล้วยังมีมืติโลกวิญญาณใกล้เรา เช่น เปรตอสุรกาย ..เราก็ยังมิงไม่เห็นเค้าเลย แล้วสิ่งเหล่านี้ แหละที่ไปหลงใหลเรียกกันว่า พระเจ้า
เรื่องราวของจิตแต่ละดวง ที่สะสมเวรกรรมมากับ ธาตุทั้งสี่ ที่ประกอบเป็นกายให้จิตได้อาศัย..มีมากมายในจักรวาล แล้วความสามารถของจิตแต่ละดวง ที่จะสามารถแก้ไข ..เรื่องราวของธาตทั้งสี่ของจิต..ก็เรียนรู้จักได้ ยากเย็นแสนเข็น ..ไม่สามารถที่จะ ยุติการเวียนว่ายตายเกิด ในวงวัฎฎะนี้ได้เลน
.แล้วจิตมนุษย์นั้น ..พอทุกข์หน่อย ก็เรียกร้อง ..ช่วยด้วยๆๆ พระเจ้า ..มีความอยากไปเสียทั้งหมด..แล้ววจะทำยังไงดีเนี่ย..เค้าเรียกว่า เกิดได้กายมนุษย์ แก้ไขอะไรไม่ได้เลย ..ในเรื่องราวของคำว่าจิต..ที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ที่สะสมมาก คือ อยู่กับกรรม ก็ไม่รู้จักกรรม อยู่กัยอารมณ์โลภโกรธหลง ก็ไม่รู้อารมณ์โลภโกรธหลง แล้วยังมีอารมณ์นึกคิดอะไรต่างมากมาย นึกคิดกันไปทั้งชีวิต จนหาจิตของตนเองไม่พบเลย
แล้วแต่ละยุคในประวัติศาสตร์ มันก็เจริญ ..บางยุควัตถุเจริญ จิตใจไม่เจริญ .บางยุคก็มี ศีลธรรม ศาสนารุ่งเรือง เจริญทางจิตใจ เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูล ..ไม่เห็นใครเป็นศัตรู ..ก็เจริญด้วยพรหมวิหาร สร้างกุศล มีกิริยากายวาจาใจที่ดี บางยุคกโหดร้าย เข่นฆ่าทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง แก่งแย่งชิดีขิงเด่น ทะเยอทะยาน เอารัดเอาเปรียบ แรงกายผู้อื่น ..โลกจะน่าอยู่อาศัย หรือ ไม่น่าอยู่อาศัย ก็มนุษย์ด้วยกันทำกันเอง..พระเจ้าทีไหนมาทำให้
.. ยุคสมัยนี้ ..โลกก็เดินทางเข้าไปกลียุค ..เราก็ดูกันได้ . ..ในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ยิ่งยุคมีดิจิตอล นี่จะไป AI อีก เราก็เห็นไดชัดเจน ..ว่ากลียุค .แล้วผู้คน สุขสำราญ จริงมั้ยหนอ .จิตใจเคยสงบบ้างมั้ยหนอ..แล้วร่างกาย มันจะทนได้มั้ย ที่จะไม่แก่เจ็บตาย .ได้อะไรไปกับจิต ที่ต้องเดินทาง..
ที่เขียมมานั่น ต้องไม่เชื่อ..ถึงจะดี ..เพราะผู้ที่อ่านต่างมีสติปัญญา เฉลียวฉลาด ที่ได้..ได้โอกาส มีกายเป็นมนุษย์ รู้จักดีชั่วได้ ..อย่าเชื่อเลย ..แล้วกายนี้ ก็สามารถใช้เรียนรู้จักเรื่ิองราวต่างๆได้มากมาย ขึ้นอยู่กับกับว่า เราจะใช้ไปทางไหน มีเวลาไม่นาน ที่เค้าว่า เด็กก็ตายได้ หนุ่มสาว ก็ตายได้ ยิ่งแก่เฒ่า ก็ใกล้ตาย ..หายไปจากโลก.. กายนี้ ต้องไปเป็นขี้เถ้า แต่เมื่อยังไม่เป็นขี้เถ้า อาการครบสามสิบ .จะใช้อย่างไรดี ให้เกิดเป็นคุณแก่จิตที่มาอาศัยชั่วขณะหนึ่ง .
โฆษณา