2 พ.ค. เวลา 05:30 • หนังสือ

รีวิวหนังสือพูดเรื่องบวกเรียกโชคดีพูดเรื่องดีเรียกความสุข

ผู้เขียนเริ่มต้นบทนำด้วยประโยคที่ทรงพลังทำให้รู้สึกอยากพูดแต่สิ่งดีๆ นั่นคือ ผู้เขียนบอกว่า “ที่ญี่ปุ่นมีคำว่าโคะโตะดะมะแสดงถึงความเชื่อโบราณว่าในถ้อยคำมีจิตวิญญาณสถิตอยู่ซึ่งหมายความว่าในคำพูดมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเราได้”
จากนั้นผู้เขียนจึงค่อยค่อยโน้มน้าวให้เราเป็นคนที่มีความคิดบวกและพูดแต่เรื่องดีๆ โดยผู้เขียนบอกว่า “คนที่ใช้คำพูดเชิงบวกเป็นประจำและทำให้สภาพจิตใจอยู่ในสภาวะบวกจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาหา อีกแง่หนึ่งคนที่ใช้แต่พูดเชิงลบก็จะดึงดูดเรื่องไม่ดีเข้ามาแทน” ส่วนนี้ตรงกับที่ Vex King และ Kaushal กล่าวไว้ในหนังสือ The Greatest Manifestation Book ว่า “คำพูดมีพลังเหนือความรู้สึกของเราอย่างมาก”
เล่มที่ 47
ผู้เขียนยังบอกว่า “เมื่อคนเรานึกขึ้นมาอย่างแรงกล้าว่าอยากเป็นแบบนี้อยากทำแบบนี้จะเป็นการดึงดูดซึ่งเหตุการณ์ที่เป็นไปตามที่ร้องขอให้เข้ามาก็คือปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่ากฎแรงดึงดูดนั่นเอง” ส่วนนี้ตรงกับในหนังสือ The Greatest Manifestation Book เช่นกัน
รู้สึกจี้ใจดำตรงที่ผู้เขียนบอกว่า “ตอนที่เราบ่นคนเรามักเกิดอารมณ์ด้านลบ เช่น ความโกรธหรือเกลียดชังขึ้นในใจ การบ่นหรือเอาแต่คร่ำครวญถึงสิ่งที่ตนไม่พอใจจะเป็นการปลูกฝังรากลึกของคำพูดในเชิงลบลงไปในจิตใต้สำนึกของตนเอง จึงมักไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้น” มันก็จริงนะรู้สึกอารมณ์ด้านลบมาเต็มมาก คงต้องเริ่มบ่นให้น้อยลงแล้ว
การแนะนำของผู้เขียนจะเน้นการให้พูดแต่เรื่องดี โดยยกตัวอย่างการพูดในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ชี้ให้เห็นวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่มักจะถ่อมตน เกรงใจผู้อื่นโทษตัวเอง ตำหนิตัวเอง ซึ่งผู้เขียนก็บอกว่า “การถ่อมตนเป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ไม่ควรพูดโดยโทษตัวเอง ควรเปลี่ยนเป็นคำพูดที่เป็นเชิงบวกมากกว่าจะทำให้จิตใจรู้สึกดีขึ้น”
ผู้เขียนบอกว่า “หากเวลาทำอะไรซักอย่างแล้วเอาแต่ใส่ใจในจุดที่ผิดพลาดหรือในส่วนที่ทำไม่ได้จะยิ่งไม่สามารถยกโทษให้ตนเองได้ และไม่ใช่เฉพาะกับตนเองแต่เป็นไปได้ว่าจะเรียกร้องหาความสมบูรณ์แบบจากคนรอบข้างหรือหาเรื่องตำหนิคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว จึงควรยกโทษให้ตนเองที่ทำไม่ได้”
ผู้เขียนบอกว่า “คนส่วนใหญ่มักจะเรียกร้องหาสิ่งที่อยู่นอกกายหรือไม่ก็สิ่งที่ตนไม่มีในปัจจุบัน แต่ความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่มาจากภายนอกเสมอไป แม้ไม่รู้สึกตัวแต่ก็มีความสุขมากมายอยู่ใกล้ตัวเราอยู่แล้ว” ซึ่งผู้เขียนก็ยกตัวอย่างเช่น ได้กินอาหารครบสามมื้อทุกวันนอนหลับสนิททุกวัน
พร้อมทั้งบอกว่า “ต่อให้เป็นเพียงสิ่งละอันพันละน้อยแต่นั่นคือความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สมควรสำนึกถึง หากเราต้องการความสุขเราก็สามารถหาสิ่งที่คิดว่าเป็นความสุขได้มากมายแน่นอนลองมองดูเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน”
เรื่องนี้ผมเห็นด้วยครับผมเคยสังเกตุเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเธอดูมีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำอยู่มาก เธอกำลังกระโดดสลับตำแหน่งไปบนพื้นกระเบื้องที่มีสีต่างกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผมจึงฉุกคิดได้ว่าความสุขของคนเราบางครั้งมันก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เอง เพียงแต่เมื่อเราโตขึ้นเรากลับลืมที่จะมองหาความสุขจากสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ ทำให้เรามีความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว
ผู้เขียนแนะนำว่า “ให้เขียนความฝันที่อยากให้เป็นจริงหรือเป้าหมายที่อยากไปให้ถึงลงในกระดาษโน้ตเล็กๆ ทุกวันและอ่านออกเสียงสิ่งที่จดไว้ทุกวันจะช่วยให้พลังงานบวกเกิดในใจและช่วยให้เราเข้าใกล้ความฝันมากขึ้น” ส่วนนี้ผมเห็นว่าจดแค่ครั้งเดียวก็น่าจะพอนะ ให้จดหลายแผ่นไว้ก็ไม่ได้ทำให้ความฝันเป็นจริงได้นะถ้าไม่ลงมือทำตามแผนที่วางไว้
ส่วนจะอ่านออกเสียงทุกวันก็น่าลองทำตามครับเพราะอาจจะเป็นหลักจิตวิทยาที่ช่วยหลอกสมองให้เรากระตุ้นตนเองในการทำตามความฝันมากขึ้น
ผู้เขียนยังแนะนำให้จดไดอารี่ที่บันทึกแต่เรื่องดีดีเพื่อฝึกมองโลกในแง่บวกซึ่งสอดคล้องกับในหนังสือ The Greatest Manifestation Book ที่ทำเป็นไดอารี่สำหรับเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะแล้ว หากใครสนใจก็ลองไปหามาจดได้ครับ
แถมยังแนะนำให้หาเพลงที่มีเนื้อเพลงเชิงบวกมาฟังซึ่งเป็นแนวทางเดียวในหนังสือ The Greatest Manifestation Book เช่นกัน เพราะดนตรีมีพลังทำให้หัวใจคนเราสั่นไหวการได้ฟังเพลงที่มีเนื้อเพลงดีดีจะช่วยปลอบโยนเยียวยาความทุกข์ได้
ผู้เขียนบอกว่า “มีคนประเภทที่คุยด้วยแล้วรู้สึกดีจังเลยกับคนที่คุยด้วยแล้วรู้สึกหดหู่อยู่ หากต้องการเป็นคนประเภทแรกเวลาคุยกับคนอื่นต้องใช้คำพูดในเชิงบวกให้เยอะเข้าไว้ ไม่ว่าใครก็ต้องการพูดกับคนที่พูดจาในเชิงบวกกันทั้งนั้น”
หนังสือมีทั้งหมด 75 หัวข้อ ผู้เขียนตั้งใจให้แต่ละหัวข้อมีเพียง 2 หน้า ดังนั้นหากไม่ค่อยมีเวลาอ่านก็สามารถอ่านจบแต่ละหัวข้อได้โดยเร็ว แต่ส่วนตัวยังคิดว่าสไตล์การเขียนยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ และเนื้อหาก็ไม่ค่อยน่าสนใจ เพียงแค่กระตุ้นให้เรารู้สึกอยากพูดแต่เรื่องดีๆ ในครั้งแรกที่อ่าน ไม่ได้รู้สึกอยากจะหยิบมาอ่านซ้ำ คงอ่านเฉพาะที่สรุปไว้เพื่อเตือนตัวเองให้พูดเรื่องดีคิดแง่บวกเท่านั้น
ผมจะนำคำแนะนำของผู้เขียนไปปฏิบัติดังนี้
1.ใช้คำพูดดีดีกับอีกฝ่ายโดยมีความเชื่อว่าสักวันนึงคำพูดดีดีของอีกฝ่ายก็จะกลับมาหาเราเช่นกัน
2.บ่นให้น้อยลงเพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากเข้าใกล้คนที่ปล่อยพลังงานลบออกมาทั้งนั้น
3.เวลาที่รู้สึกกังวลใจจะหายใจลึกลึกและนึกถึงคำว่าไม่เป็นไรและช่างมันเถอะ
4.ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนหากมีคนทำอะไรให้จะกล่าวคำว่าขอบคุณเสมอ
สรุปให้ 3 ดาว ⭐️⭐️⭐️
ผู้เขียน : อุเอะนิชิ อะคิระ
ผู้แปล : ปาวัน การสมใจ
สำนักพิมพ์ : อมิรินทร์ Howto
หมวด : จิตวิทยาพัฒนาตนเอง
ขนาดรูปเล่ม : 145 x 211 x 10 มม.
น้ำหนัก : 226 กรัม
จำนวนหน้า : 180 หน้า ปกอ่อน
ISBN : 9786161871918
หนังสือราคา 275 บาท มี 180 หน้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา