Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
•
ติดตาม
2 พ.ค. เวลา 11:53 • ท่องเที่ยว
เทือกเขาหิมาลัย
ทริปเทือกเขาหิมาลัยแสนสวยและสูงที่สุดในโลก โดยไม่ต้องเหนื่อยกับการเดิน ไต่หรือปีนขึ้นเขาแต่อย่างใด
เทือกเขาหิมาลัย
พฤษภาคมปีนี้ พอจะมีเวลาว่างปลีกตัวจากงานประจำที่แน่นขนัด ประกอบกับมีไมล์สะสมของการบินไทยอยู่จำนวนหนึ่ง
จึงตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวเทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล ซึ่งเป็นสถานที่ยังไม่เคยไปเที่ยวมาก่อนเลย
ความสวยงามของประเทศ Nepal
หลังจากนั้นก็ทำการบ้าน โดยการดูรีวิวทั้งของไทยและของเทศ ที่ได้ไปเที่ยวเขาหิมาลัย ทำให้ได้ตระหนักว่าเนปาลแม้จะเป็นประเทศด้อยพัฒนาที่ยังไม่เจริญ
แต่น่าเที่ยวน่าสนใจมาก โดยเฉพาะสถานที่เที่ยวบริเวณเทือกเขาหิมาลัยและยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงมากถึง 8848 เมตรหรือเกือบ 9 กิโลเมตร สูงกว่าดอยอินทนนท์บ้านเราเกือบสี่เท่าตัว
อาหารบนเครื่องของการบินไทย
เราออกเดินทางจากกรุงเทพในเที่ยวบินตอนสายสาย 10.15 น. เพียง 3 ชั่วโมงก็เดินทางมาถึงกรุงกาฏมาณฑุ ของเนปาล โดยเวลาที่เนปาลจะช้ากว่าประเทศไทยอยู่ 1 ชั่วโมง 15 นาที
พฤษภาคมของเนปาล เป็นเดือนที่กำลังขยับตัวเข้าสู่ฤดูร้อน ต้นไม้ยังคงเขียวขจี อากาศต้องถือว่าเย็นสบายดีตามสมควร แม้จะค่อนข้างร้อนในตอนกลางวัน แต่ตอนเย็นและกลางคืนเย็นสบายมาก จนอาจถือว่าหนาวในบริเวณภูเขา
เราได้ติดต่อกับคนเนปาลซึ่งพูดไทยได้ชื่ออาบิน เพราะเคยมาจำพรรษาบวชเป็นพระอยู่ที่นครศรีธรรมราชหลายปี ทำให้พูดไทยได้คล่องแคล่ว
อาบินมารับเราที่สนามบิน แล้วก็ขับรถพาเราสองคนตรงไปยังเมือง Nagarkot ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่บนภูเขาชื่อเดียวกัน
และเราจะเข้าพักในโรงแรมที่มีวิวสวยที่สุดของเมืองนี้คือ คันทรี่วิลล่าโฮเต็ล(Country Villa) ซึ่งทุกห้องได้ถูกออกแบบมาให้เห็นวิวภูเขาหิมาลัยทั้งสิ้น
แม้ระยะห่างของเมืองจากเมืองหลวงเพียง 30 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง เนื่องจากถนนไม่ค่อยดี ขับเร็วไม่ได้
ทราบจากอาบินว่า มีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นเกี่ยวกับการก่อสร้าง คงไม่แตกต่างจากประเทศไทยมากนัก
แต่ในระหว่างทางที่ขับไปช้าๆ มีความสวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทิวเขา ภูเขา เนินเขา หุบเขา บ้านสีลูกกวาด สวยน่าสนใจมาก
ข้าวบาเล่ย์
และยังมีนาขั้นบันได ซึ่งไม่ได้ปลูกข้าวเจ้าแบบบ้านเรา หากแต่เป็นการปลูกข้าวบาร์เล่ย์ ซึ่งกำลังออกรวงเหลืองอร่ามไปทั่วท้องทุ่ง
ทำให้เราต้องตัดสินใจจอดแวะ เพื่อ บันทึกภาพแสนสวยดังกล่าวเอาไว้
จากนั้นเราก็ขับรถเดินทางต่อ เมื่อมาถึงภูเขาสูงสองลูก ซึ่งมีหุบเขาเป็นลักษณะหุบเหวอยู่ตรงกลาง จึงมีสะพานแขวนซึ่งทำไว้สำหรับคนเดิน
สะพานแขวนที่สูงและสวยมาก
สูงมากมาก เพราะเป็นการเชื่อมภูเขาสูงสองลูกเข้าหากัน แต่การก่อสร้างต้องถือว่าดีมาก ทำให้มั่นใจในเวลาเดิน ว่ามีความแข็งแรงทนทาน
จุดสุดท้ายของวันแรกก็คือ โรงแรมแสนสวยที่พักของเรานั่นเอง เป็นโรงแรมขนาดกลางอยู่บนภูเขาที่เลยยอดเขาลงไปนิดนึง เพื่อที่จะหันหน้าเข้าประชันกับทิวเขาหรือเทือกเขาหิมาลัยโดยตรง
ห้องพักโรงแรม
ค่าโรงแรมก็ต้องถือว่าไม่แพงเลย คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3000 บาท ได้ห้องที่มีขนาดสองเตียง มีห้องน้ำในตัว ที่สำคัญมากคือ มีระเบียงกว้างพร้อมเก้าอี้
Country Villa Hotel
เพื่อให้มานั่งชื่นชมวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมาลัยแบบพาโนราม่า เต็มตาเต็มใจกันเต็มอิ่มเลย
และเราโชคดีมาก ที่แม้โรงแรมแห่งนี้ทุกห้องจะเห็นหิมาลัยอยู่แล้ว แต่ก็จะมีบางห้องและบางชั้น มีมุมและความสูงที่จะเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ดีเยี่ยมเป็นพิเศษ
โดยอาบินซึ่งสนิทกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเป็นอย่างดี ได้ทำการแจ้งและเปลี่ยนให้เราไปอยู่ห้องที่ดีที่สุดในการชื่นชมหิมาลัยในครั้งนี้
เราออกมาอยู่ที่ระเบียงห้องตั้งแต่ 4 โมงเย็น โดยพระอาทิตย์จะตกเวลา 6 โมงครึ่ง
ทีแรกคิดว่าเราโชคไม่ดี เพราะเมฆมาบังหิมาลัยทั้งหมด จนทางโรงแรมและอาบินถึงกับปลอบใจเราว่า แม้วันนี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นหิมาลัย แต่พรุ่งนี้คาดว่าฟ้าจะเปิด และน่าจะได้เห็นพร้อมพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้นด้วย
แต่แล้วก็ผิดคาดไปถนัด เพราะเมฆค่อยค่อยขยับตัวออกไปเรื่อยเรื่อย ในที่สุดก็เปิดให้เราเห็นยอดเขาหิมาลัย ทีละยอด ทีละยอด เรียงกันไปตลอดเทือกเขาหิมาลัย
จนเราได้เห็นเกือบครบทุกยอด รวมทั้งยอดเอเวอเรสต์ซึ่งอยู่ไกลลิบลิบ น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ
ยอดเขาที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัยย่านนี้ มีความสูงในระดับ 5.0-8.8 กิโลเมตร จัดเป็นเทือกเขาที่มีระดับความสูงที่สุดในโลก
เลยจากเทือกเขาหิมาลัยขึ้นไปทางเหนือ ก็จะกลายเป็นประเทศจีน ในส่วนที่เป็นหลังคาของโลกคือทิเบตนั่นเอง
หลังจากเราทานอาหารเย็นของทางโรงแรม ซึ่งต้องถือว่าอร่อยใช้ได้ และบรรยากาศดีมาก ราคาก็ถูก ทานจนอิ่มไม่กี่ร้อยบาทเอง
แล้วเราก็กลับมาที่ระเบียง เพื่อที่จะดูหรือชมวิวภูเขาหิมาลัยอีกครั้ง แต่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
2
เมื่อเปิดประตูห้องออกไปสู่ระเบียง เราเห็นจุดสว่างเล็กๆระยิบระยับนับ 100 นับ 1000 เหมือนดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
แต่จุดเหล่านี้ กลับอยู่ในระดับสายตาและต่ำลงไป ซึ่งก็คือหุบเขานั่นเอง
ดาวศุกร์หรือวีนัส
และเรายังมีโอกาสได้เห็นดาวประจำเมืองซึ่งสว่างสุกใสเป็นพิเศษเพราะอากาศที่นี่บริสุทธิ์สะอาดมาก ก็คือดาวดาวศุกร์หรือ Venus ที่สว่างโดดเด่นเหนือยอดเขาหิมาลัย เคียงข้างกับดาวเสาร์
เรียกว่าสวยสุดคุ้มสำหรับคืนแรกกันเลยทีเดียว
เช้าพระอาทิตย์ขึ้นประมาณตีห้า 22 นาที แต่เราตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่งแล้ว พอมองออกไป ก็เริ่มเห็นทิวเขาบ้างแล้ว ควบคู่กับทะเลหมอก
เราจึงอยู่ต่อเนื่องไปเรื่อยเรื่อย ตรงระเบียงมุมโปรดของเรานั่นเอง ค่อยค่อยเห็นฟ้าสว่างขึ้นเป็นลำดับ
จนพระเอกของเราก็โผล่หน้าออกมาจากยอดเขาหิมาลัยในเวลาประมาณตีห้าครึ่ง สวยงามจับใจจริงๆ
ได้เห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นเทือกเขาสูงที่สุดในโลก และยังมีภูเขาซ้อนกันหลากหลายชั้น หลายลูก พร้อมกับมีทะเลหมอก ทำให้เส้นสายของแนวภูเขาแต่ละลูกมีเสน่ห์ชวนหลงใหลมากทีเดียว
หลังจากเต็มอิ่มจากภาพทิวทัศน์ที่ระเบียงแล้ว เราก็ลงไปทานอาหารเช้า ที่ในส่วนนอกห้องอาหารจะมีระเบียงกว้างขนาดใหญ่ เพื่อให้ทานอาหารไป ชมวิวภูเขาหิมาลัยไปด้วย
วิวมุมทานอาหารเช้า
ได้ขอให้เชฟเด็กสาวชาวเนปาลช่วยเจียวไข่ให้เราด้วย เธอบอกว่าทำไม่เป็น ก็เลยแนะนำตัวเองว่าเป็นคนไทย แล้วคนไทยทุกคนชอบไข่เจียวมากๆ
ขออนุญาตสอนให้จะได้ไหม เธอบอกว่าได้เลย และยินดีมากๆด้วย
ตกลงเช้านี้ ก็เลยได้ทานไข่เจียวแสนอร่อย ฝีมือตนเอง (อยู่ที่บ้านก็ทำบ่อยบ่อย เพราะทำกับข้าวอื่นไม่ค่อยเป็น)
แล้วตบท้ายด้วยไอศครีม ซึ่งอร่อยมากหวานหอมกำลังดี เนื้อไอศครีมแข็งและเนียนมากๆ เมื่อนำมาทานกับขนมปังก็กลายเป็นไอศครีมขนมปังแบบไทยไทยในบรรยากาศวิวเทือกเขาหิมาลัยที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส ฟินสุดสุดเลยครับ
วันนี้เราจะย้ายไปนอนอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละเมืองกัน แล้วจะเห็นวิวภูเขาหิมาลัยในอีกมุมมองหนึ่ง ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า จะสวยบาดตาบาดใจเพียงใด
เป็นโรงแรมของคนไทยครับคือ ดุสิตธานี หิมาลายัน รีสอร์ท
ท่องเที่ยว
ไลฟ์สไตล์
สุขภาพ
5 บันทึก
17
2
9
5
17
2
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย