7 พ.ค. เวลา 04:18 • สัตว์เลี้ยง

การฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง: เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและตามหาสัตว์เลี้ยงพลัดหลง

การฝังไมโครชิพ (Microchipping) ให้สัตว์เลี้ยงเป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการระบุตัวตนและเพิ่มโอกาสในการตามหาสัตว์เลี้ยงที่พลัดหลงกลับคืนสู่เจ้าของได้อย่างปลอดภัย แล้วการฝังไมโครชิพคืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อย่างละเอียด
ไมโครชิพคืออะไร?
ไมโครชิพสำหรับสัตว์เลี้ยงมีขนาดเล็กมาก ประมาณเท่าเมล็ดข้าว ภายในบรรจุข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวเฉพาะของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว ไมโครชิพไม่มีแบตเตอรี่และไม่มีแหล่งพลังงานในตัวเอง จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีเครื่องสแกนเนอร์ส่งคลื่นวิทยุความถี่ต่ำ (Radio-Frequency Identification - RFID) มากระตุ้นเท่านั้น
ขั้นตอนการฝังไมโครชิพ
การฝังไมโครชิพเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วและโดยทั่วไปไม่เจ็บปวดมากนัก โดยสัตวแพทย์จะเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:
  • การตรวจสอบ: สัตวแพทย์จะตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงยังไม่เคยได้รับการฝังไมโครชิพมาก่อน
  • การเตรียม: บริเวณที่จะฝังไมโครชิพ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณใต้ผิวหนังระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองข้าง (บริเวณต้นคอ) จะถูกทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
  • การฝัง: ไมโครชิพจะถูกบรรจุอยู่ในเข็มฉีดยาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สัตวแพทย์จะฉีดไมโครชิพเข้าไปใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยงอย่างรวดเร็ว
  • การสแกน: หลังจากฝังแล้ว สัตวแพทย์จะใช้เครื่องสแกนเนอร์อ่านหมายเลขประจำตัวจากไมโครชิพ เพื่อตรวจสอบว่าการฝังสำเร็จเรียบร้อย
  • การลงทะเบียน: หมายเลขประจำตัวของไมโครชิพ พร้อมด้วยข้อมูลของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ (ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์) จะถูกบันทึกลงในฐานข้อมูลกลาง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้สามารถติดต่อเจ้าของได้เมื่อพบสัตว์เลี้ยงพลัดหลง
ประโยชน์ของการฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง
  • ระบุตัวตนได้อย่างแม่นยำ: ไมโครชิพเป็นเหมือนบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่สามารถปลอมแปลงหรือลบเลือนได้ ทำให้การระบุตัวตนของสัตว์เลี้ยงมีความแม่นยำสูง
  • เพิ่มโอกาสในการตามหาสัตว์เลี้ยงพลัดหลง: หากสัตว์เลี้ยงของคุณพลัดหลงและถูกพบเจอ ผู้ที่พบสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปสแกนหาไมโครชิพได้ที่สถานพยาบาลสัตว์ ศูนย์พักพิงสัตว์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อสแกนพบหมายเลข ก็จะสามารถนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลเพื่อติดต่อเจ้าของได้
  • เป็นหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ: ในกรณีที่มีข้อพิพาทเรื่องความเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง ไมโครชิพที่ลงทะเบียนไว้สามารถใช้เป็นหลักฐานสำคัญได้
  • จำเป็นสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ: หลายประเทศกำหนดให้สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการฝังไมโครชิพก่อนที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้
  • ช่วยในการจัดการสัตว์เลี้ยงในศูนย์พักพิง: ทำให้การติดตามและจัดการสัตว์เลี้ยงในศูนย์พักพิงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยป้องกันการสวมรอย: ทำให้มั่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่พบและส่งคืนนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงตัวจริงของคุณ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฝังไมโครชิพ
  • ไม่ใช่ระบบ GPS: ไมโครชิพไม่ได้มีระบบติดตามตำแหน่งแบบ GPS ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ติดตามสัตว์เลี้ยงแบบเรียลไทม์ได้
  • ต้องมีการลงทะเบียนข้อมูล: การฝังไมโครชิพเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ข้อมูลของสัตว์เลี้ยงและเจ้าของจะต้องถูกลงทะเบียนในฐานข้อมูลอย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น ย้ายบ้าน เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เจ้าของต้องแจ้งแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลด้วย
  • การอ่านข้อมูลต้องใช้เครื่องสแกนเนอร์: ข้อมูลในไมโครชิพไม่สามารถอ่านได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้เครื่องสแกนเนอร์ RFID ที่มีความถี่ตรงกันในการอ่านข้อมูล
  • อายุที่เหมาะสมในการฝัง: โดยทั่วไป สัตว์เลี้ยงสามารถได้รับการฝังไมโครชิพได้ตั้งแต่อายุยังน้อย (ลูกสุนัขและลูกแมว) แต่ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสม
สรุป
การฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อความปลอดภัยและเพิ่มโอกาสในการกลับบ้านอย่างปลอดภัยหากพลัดหลง ถึงแม้จะไม่ใช่ระบบติดตาม แต่เป็นเครื่องมือระบุตัวตนที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง การลงทะเบียนข้อมูลให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้เทคโนโลยีนี้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณยังไม่ได้ฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยงของคุณ ลองปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและดำเนินการฝังเพื่อความอุ่นใจของคุณและคนที่คุณรัก
#ฝังไมโครชิพให้สัตว์เลี้ยง #การฝังไมโครชิพ
โฆษณา