7 พ.ค. เวลา 10:01 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 245 ลูกดิ่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงเรียกประชุมใหญ่ นายทหารทั้งน้อยใหญ่ต่างมาชุมนุมในกระโจม ซ่งเจียงว่า
“เดิมทีข้าเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่วิ่นเฉิง กระทำความผิดมหันต์ ได้อาศัยการสนับสนุนของพวกพี่น้องยอมรับให้เป็นหัวหน้า จนได้มาเป็นขุนนางกันในวันนี้ กล่าวกันว่า “ผู้ประสบความสำเร็จไม่รักความสบาย ผู้รักความสบายไม่ประสบความสำเร็จ 成人不自在 自在不成人” แม้ราชสำนักจะติดประกาศห้าม แต่ก็มีเหตุผลอยู่ พวกเราเหล่าผู้กล้า ไม่มีเหตุก็ไม่ควรเข้าเมือง พวกเราที่เป็นชาวดงชาวดอย มุทะลุดุดันกันก็มาก หากไปก่อเรื่องเข้า ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ทั้งยังเสียชื่อเสียง
ที่ห้ามพวกเราเข้าเมืองเช่นนี้กลับเป็นเรื่องที่ดี แต่หากพวกท่านเกี่ยงว่าเป็นข้อจำกัด ใคร่ต่อต้านล้มล้าง ก็ขอให้มาตัดหัวข้านี้ไปก่อน แล้วค่อยลงมือตามสะดวก มิเช่นนั้น ข้าคงไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้ จะขอเชือดคอตาย เพื่อให้พวกท่านได้ทำการตามใจปรารถนา”
เหล่าทหารฟังคำซ่งเจียงแล้ว จำต้องกลั้นน้ำตากล่าวคำสัตย์แล้วพากันแยกย้าย
谁向西周怀好音,公明忠义不移心。
当时羞杀秦长脚,身在南朝心在金。
ใครช่วยไปซีโจวส่งข่าวดีนี้
กงหมิงภักดีคงมั่นมิแปรผัน
ประหารฉินขายาวในคราวนั้น
เพราะตัวมันอยู่ใต้ใจอยู่จิน
(กงหมิง 公明 อีกชื่อของซ่งเจียง คือ ซ่งกงหมิง
ฉินขายาว 秦长脚 (ฉินฉางเจี่ยว) คำเรียกประนามฉินไคว่ 秦桧 ผู้ทรยศซ่งใต้ภักดีต้าจิน)
ซ่งเจียงและพวกนับแต่นั้นก็ไม่เข้าเมืองอีกโดยไม่จำเป็น จนกระทั่งวันหยวนเซียว 元宵 เทศกาลโคมไฟซึ่งชาวตงจิงจะประดับประดากันอย่างตระการตา เอี้ยนชิงกับเยว่เหอนัดแนะกันว่า
“นี่ก็ถึงเทศกาลจุดโคมเล่นไฟฉลองประจำปี องค์โอรสสวรรค์ก็จะทรงร่วมฉลองกับราษฎร เราสองคนเปลี่ยนชุดแอบเข้าเมืองไปเที่ยวกัน”
มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาว่า “พวกท่านจะไปดูโคมก็พาข้าไปด้วย”
เอี้ยนชิงหันมามอง เห็นว่าเป็นหลี่ขุย หลี่ขุยว่า
“พวกท่านแอบชวนกันหนีไปดูโคม ข้าได้ยินหมดแล้ว”
เอี้ยนชิงว่า “จะพาท่านไปก็ได้อยู่ แต่เวลาอารมณ์เสียท่านมักก่อเรื่อง ตอนนี้ทางเสิ่งย่วนก็คอยจับผิดพวกเราอยู่ ห้ามพวกเราไม่ให้เข้าเมือง ถ้าท่านเข้าไปเที่ยวงานโคมแล้วเกิดเรื่อง ก็เข้าทางพวกเขา”
หลี่ขุยว่า “ข้าไปเที่ยวนี้จะไม่ก่อเรื่องก็แล้วกัน จะฟังท่านทุกอย่าง”
เอี้ยนชิงว่า “พรุ่งนี้เปลี่ยนชุดให้ดูเหมือนคนต่างเมืองมาเที่ยวดูงาน แล้วพาเจ้าเข้าเมืองด้วย”
หลี่ขุยชอบใจใหญ่
วันรุ่งขึ้น หลี่ขุยแต่งเป็นคนต่างเมืองมารอเอี้ยนชิง ส่วนเยว่เหอนั้นไม่ไว้ใจหลี่ขุย จึงแอบเข้าเมืองไปกับสือเชียนแทน เอี้ยนชิงหาข้ออ้างไม่ได้ จึงต้องไปดูโคมกับหลี่ขุย แต่ไม่กล้าเข้าเมืองทางประตูเฉินเฉียว 陈桥门 ตรงหน้าค่าย ต้องอ้อมรอบใหญ่ไปเข้าทางประตูเฟิงชิว 封丘门 แล้วพากันเที่ยวมาจนถึงลานบันเทิงซางเจียหว่า 桑家瓦
เสียงตีม้าล่อจากเวทีโกวหลาน 勾栏 (เวทีแสดง) ดังมาถึงหน้าลาน หลี่ขุยอยากเข้าไปดู เอี้ยนชิงจึงต้องตามหลี่ขุยเบียดคนเข้าไปข้างใน บนเวทีกำลังแสดงเรื่องซานกว๋อจื้อ 《三国志》 (สามก๊กจี่) ตอนกวนหยุนฉาง 关云长 (กวนอู) ขูดกระดูกรักษาพิษ แขนซ้ายของกวนหยุนฉางถูกธนูพิษ พิษซึมเข้ากระดูก หมอหัวทวอ 华佗 (ฮัวโต๋) ว่า
“จะรักษาแผลถูกพิษนี้ ต้องตั้งเสาทองแดงขึ้นมาต้นหนึ่ง ติดห่วงเหล็กไว้กับเสา เอาแขนสอดไว้ในห่วงมัดด้วยเชือกให้แน่นหนา ผ่าเปิดเนื้อหนัง ขูดเอาพิษออกจากกระดูกสามส่วน แล้วเย็บด้วยด้ายน้ำมัน ใช้ยาพอกแผลภายนอก กินยาลูกกลอนรักษาภายใน ไม่ถึงครึ่งเดือน ก็จะฟื้นฟูเหมือนดังเดิม วิธีรักษาจึงออกจะยุ่งยาก”
กวนกงหัวเราะลั่นว่า “ลูกผู้ชาย เป็นหรือตายยังไม่กลัว ประสาอะไรกับแค่แขน ไม่ต้องตั้งเสาติดห่วง จะผ่าก็ลงมือเลยเป็นไรไป”
แล้วก็ให้คนยกกระดานหมากล้อม 弈棋 มาเล่นด้วย ยื่นแขนซ้ายให้หมอหัวทวอขูดพิษจากกระดูก หน้าไม่มีเปลี่ยนสี ทั้งยังพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนเล่นหมากล้อม
มาถึงตรงนี้ หลี่ขุยอยู่ในกลุ่มผู้ชมตะโกนเสียงดังลั่น
“นี่สิ ลูกผู้ชายตัวจริง”
คนรอบข้างต่างตกใจ หันมามองหลี่ขุย
เอี้ยนชิงรีบปรามหลี่ขุยว่า
“พี่หลี่ บ้านนอกอะไรอย่างนี้ เวทีลานบันเทิง มาตะโกนเอะอะมะเทิ่งได้อย่างไร”
หลี่ขุยว่า “ก็ตรงนี้ไง ใครก็ต้องชม”
เอี้ยนชิงรีบลากตัวหลี่ขุยเดินหนี
ทั้งคู่ออกจากลานซางเจียหว่า เลี้ยวเข้าซอยเชื่อม 串道 เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งเอาอิฐหินขว้างใส่บ้านคน เจ้าของบ้านว่า
“โลกรู้ฟ้าดินเห็น เงินไม่ยอมคืน ยังมาขว้างบ้านข้าสองหน”
พายุหมุนดำ เห็นเรื่องอยุติธรรมก็จะแส่เข้าช่วย เอี้ยนชิงรีบคว้าตัวกอดไว้แน่น หลี่ขุยยังถลึงตาจ้องจะเอาเรื่องหนุ่มผู้นั้น
หนุ่มผู้นั้นจึงว่า “ข้ามีบัญชีต้องสะสางกับเขา เจ้ามายุ่งอะไรด้วย อีกไม่กี่วัน ข้าต้องตามจางเจาเถ่า 张招讨 ไปรบที่เจียงหนาน 江南 เจ้าไม่ต้องมาแหย่ข้า จะตีกันก็เข้ามา ไปถึงที่นั่นก็ตายอยู่ดี ตายที่นี่ยังมีโลงดีดีใส่”
หลี่ขุยว่า “ไปทำไมที่เจียงหนาน ไม่เคยได้ยินว่ามีการเกณฑ์ทหาร”
เอี้ยนชิงช่วยพูดให้เลิกแล้วต่อกัน แล้วจูงมือหลี่ขุยเดินออกจากทางเชื่อมซอยเล็กเข้าสู่ถนนใหญ่ เห็นร้านน้ำชาเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงแวะเข้าไปนั่งสั่งชา ชายชราโต๊ะตรงข้ามผู้หนึ่งเชิญดื่มชาแล้วชวนคุย
เอี้ยนชิงถามว่า “รบกวนถามท่านผู้อาวุโส เมื่อกี้ที่ปากซอยเกือบมีเรื่องกับทหารนายหนึ่งเขาว่าจะต้องตามจางเจาเถ่าไปเจียงหนาน จะรบกันในไม่ช้า ขอถามหน่อยว่าเขาจะไปทำศึกที่ไหนกัน”
ผู้เฒ่าว่า “ท่านเป็นแขกต่างเมืองจึงไม่รู้ ที่เจียงหนานตอนนี้ โจรฟางล่า 方腊 ขบถแล้ว ยึดแปดหัวเมืองยี่สิบห้าอำเภอ จากมู่โจว 睦州 ถึงยุ่นโจว 润州 ตั้งศักราชใหม่ อีกไม่ช้าคงเข้าตีหยางโจว 扬州 ราชสำนักจึงใช้ให้จางเจาเถ่า 张招讨 หลิวตูตู 刘都督 ออกไปปราบโจร”
เอี้ยนชิง หลี่ขุยได้ฟังก็รีบจ่ายค่าน้ำชา ออกจากเมืองกลับค่ายมาหาอู๋เสวียจิว แล้วแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบ อู๋ย่งได้ฟังก็ดีใจ รีบมาหาซ่งเจียงแล้วบอกให้ฟังว่า ฟางล่าก่อขบถที่เจียงหนาน ราชสำนักส่งจางเจาเถ่าไปปราบ
ซ่งเจียงว่า “ทหารของพวกเราอยู่ที่นี่กันว่างๆ ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก มิสู้ไปเรียนท่านซู่ไท่เว่ยให้ช่วยเพ็ดทูลโอรสสวรรค์ว่า พวกเราพร้อมอาสาทำศึก”
แล้วจึงเรียกประชุมเหล่าพี่น้อง ทุกคนต่างเห็นด้วย
วันถัดมา ซ่งเจียงพาเอี้ยนชิงเข้าเมืองตรงไปยังจวนซู่ไท่เว่ยแล้วขอเข้าพบ ซู่ไท่เว่ยรีบให้คนออกมาเชิญเข้าไปในห้องโถง คารวะทักทายกันแล้ว ซู่ไท่เว่ยว่า
“ท่านขุนพลมีเหตุอันใด จึงเปลี่ยนชุดเข้ามานี่”
ซ่งเจียงแจ้งว่า “ไม่นานมานี้ทางเสิ่งย่วนมีประกาศว่า ทหารที่รอเรียกออกรบ หากไม่ได้เรียกตัวห้ามเข้ามาในเมือง วันนี้ข้าน้อยเข้ามาเป็นการส่วนตัวด้วยมีเรื่องเรียนขอพระคุณท่าน ทราบมาว่าฟางล่าก่อขบถที่เจียงหนาน ยึดครองหัวเมืองเปลี่ยนศักราชแผ่นดิน รุกมาจนถึงยุ่นโจว และอีกไม่ช้าคงข้ามน้ำมาตีหยางโจว พวกซ่งเจียงว่างมานาน อยู่เปล่าที่นี่พากันอึดอัด จึงใคร่ขออาสาปราบโจรรับใช้บ้านเมือง ขอให้พระคุณท่านช่วยเพ็ดทูลองค์โอรสสวรรค์ให้ด้วย”
ซู่ไท่เว่ยชอบใจยิ่งนักว่า “ท่านขุนพลกล่าวเช่นนี้ตรงใจข้า ท่านขุนพลเชิญกลับก่อนเถิด ข้าจะรีบนำความขึ้นเพ็ดทูล โอรสสวรรค์ต้องทรงมอบหมายหน้าที่สำคัญแก่ท่านแน่”
ซ่งเจียงจึงลากลับ มาถึงค่ายก็บอกให้เหล่าพี่น้องรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ออกท้องพระโรงที่ตำหนักพีเซียง 披香殿 เหล่าขุนนางเพ็ดทูลเรื่องฟางล่าก่อขบถยึดหัวเมืองเปลี่ยนศักราชแผ่นดิน อีกไม่ช้าจะบุกมาตีหยางโจว โอรสสวรรค์รับสั่งว่า
“เรื่องนี้ จางเจาเถ่า หลิวตูตูรับมอบหมายหน้าที่ไปแล้ว ยังไม่เห็นรายงานความคืบหน้า”
ซู่ไท่เว่ยทูลว่า “เรื่องโจรนี้คงลุกลามบานปลาย ฝ่าบาททรงใช้จางจ่งปิง และหลิวตูตูไปแล้ว ควรมีรับสั่งให้แม่ทัพซ่งปราบประจิมไปปราบโจรด้วยอีกทัพ คงสำเร็จการเป็นแน่”
โอรสสวรรค์ทรงพอพระทัยยิ่งนักมีพระราชโองการให้ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้เข้าเฝ้าที่ตำหนักพีเซียง แต่งตั้งซ่งเจียงเป็นผู้บัญชาการใหญ่ปราบทักษิณ 平南都总管 (ผิงหนานตูจ๋งก่วน) เป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพปราบฟางล่า ให้หลูจวิ้นอี้เป็นรองผู้บัญชาการปราบทักษิณ รองแม่ทัพปราบฟางล่า พระราชทานเข็มขัดทอง ชุดคลุมแพร เกราะทอง ม้าดี เสื้อนอกและใน พวกขุนพลที่ร่วมออกศึก ทรงพระราชทานแพรพรรณเงินทอง
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้รับพระราชโองการแล้ว ฮ่องเต้ทรงรับสั่งว่า
“ในหมู่พวกท่าน มีช่างสลักตราหยกฝีมือดีชื่อจินต้าเจียน และสัตวแพทย์ชื่อหวงฝู่ตวน ท่านจงให้สองคนนี้อยู่คอยรับบัญชาที่นี่”
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้รับพระบัญชาแล้วถวายบังคมลากลับค่าย
ระหว่างทางขี่ม้ากลับ ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้เห็นชายผู้หนึ่งในตลาดในมือถือไม้สองแท่งผูกเชือกเส้นเล็กไว้ตรงกลางใช้มือลากของสิ่งหนึ่งให้หมุนจนเกิดเสียงดัง ซ่งเจียงไม่รู้จักสิ่งนี้จึงถามชายผู้นั้น
ชายผู้นั้นว่า “นี่คือลูกดิ่งหูเชียว 胡敲 (ลูกดิ่งจีน คล้ายนาฬิกาทรายทำจากไม้ไผ่) ใช้เชือกเส้นนี้ลากหมุนก็เกิดเสียงเอง”
ซ่งเจียงจึงแต่งบทกวีขึ้นบทหนึ่ง
一声低了一声高,嘹亮声音透碧霄。
空有许多雄气力,无人提挈谩徒劳。
เสียงลงต่ำแล้วจึงขึ้นสูงเสนาะ
เสียงใสไพเราะทะลวงสรวงสวรรค์
ความสามารถมากมีเอนกอนันต์
ไร้ผู้ดันหนุนส่งคงเปล่าดาย
ซ่งเจียงหัวเราะแล้วกล่าวกับหลูจวิ้นอี้ว่า
“ลูกดิ่งนี้ก็เหมือนท่านกับข้า มีความสามารถล้นฟ้าเสียเปล่า ไร้ผู้ส่งเสริม จะเกิดเสียงดังได้อย่างไร”
หลูจวิ้นอี้ว่า “เหตุใดพี่ท่านจึงพูดเช่นนั้น พวกเราร่ำเรียนฝึกปรือจนมีวิชาความรู้อยู่เต็มอก ไม่ด้อยไปกว่าขุนพลกล้าแต่โบราณ หากไร้ความสามารถ ถึงมีผู้ส่งเสริม จะมีประโยชน์ใด”
ซ่งเจียงว่า “น้องเรากล่าวผิดแล้ว หากพวกเราไม่ได้ซู่ไท่เว่ยเพ็ดทูลรับรอง จะมีโอกาสสนองพระคุณองค์โอรสสวรรค์ได้อย่างไร เป็นคนมิควรลืมตน”
หลูจวิ้นอี้รู้ตัวว่าพลั้งปากไป จึงนิ่งเสีย
ทั้งสองกลับมาถึงค่าย เรียกประชุมเหล่าพี่น้องเตรียมยกทัพทำศึกฟางล่า ขุนพลหญิงฉยงอิงกำลังตั้งครรภ์จึงให้พักอยู่ที่ตงจิงไม่ต้องไปทัพด้วย และให้เย่ชิงสองสามีภรรยาอยู่ช่วยดูแล
ฉยงอิงต่อมาให้กำเนิดบุตรชายตั้งชื่อว่า จางเจี๋ย 张节 ภายหลังสามีถูกขุนพลโจรลี่เทียนยุ่น 厉天闰 สังหารที่ด่านตู๋ซง 独松关 ฉยงอิงกับเย่ชิงเดินทางไปเก็บร่างจางชิงนำไปฝังที่จางเต๋อ 彰德 บ้านเกิด เย่ชิงป่วยตาย นางสกุลอันภรรยาเย่ชิง จึงช่วยฉยงอิงเลี้ยงดูจางเจี๋ยจนเติบใหญ่
จางเจี๋ยได้เข้ารับราชการออกศึกกับอู๋เจิน 吴珍 ขับไล่จินหวูจู้ 金兀朮 ที่เหอส้างหยวน 和尚原 ไปพ้นจากแผ่นดินซ่ง จางเจี๋ยได้รับยศตำแหน่งเลี้ยงดูมารดาจนสิ้นอายุขัย ฉยงอิงนั้นรักษาพรหมจรรย์จนสิ้นลม ทั้งหมดเป็นเรื่องในภายหน้า
ก่อนออกเดินทัพ ซ่งเจียงนำจินต้าเจียน หวงฝู่ตวน ที่ฮ่องเต้ทรงขอตัวไว้ใช้งานไปส่ง ถัดมาราชครูไฉ้มาขอตัวบัณฑิตหัตถ์เทวะเซียวย่างไปใช้งานอักษร วันถัดมา หวางตูเว่ย 王都尉 เดินทางมาด้วยตนเองเพื่อขอตัวเยว่เหอจากซ่งเจียงด้วยรู้มาว่าเยว่เหอเชี่ยวชาญการดนตรีจึงขอตัวไว้ใช้ในจวน ก่อนออกเดินทัพ ซ่งเจียงต้องพลัดพรากจากพี่น้องถึงห้าคน รวมกงซุนเสิ้ง จึงรู้สึกหม่นหมองใจไม่เป็นสุข
ตอนก่อนหน้า : พี่น้องพร้อมขบถ
ตอนถัดไป : สอดแนมเขาจินซาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา