ปี 2025 การล่าวาฬยังเป็นประเด็นถกเถียงโลก แม้พยายามอนุรักษ์ แต่ปัจจัยทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ หนุนต่อ
อย่างที่เคยมีข่าวว่า ญี่ปุ่นกลับมาล่าวาฬเชิงพาณิชย์อีกครั้งในปี 2019 หลังถอนตัวจากคณะกรรมาธิการการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) ขณะที่นอร์เวย์ปฏิเสธข้อห้ามของ IWC ตั้งแต่ปี 1993 และอนุมัติให้ล่าวาฬมิงค์เพื่อการค้าอย่างถูกกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาเพิ่งมีการยิงวาฬตัวแรกของฤดูกาล ภายใต้โควตาที่รัฐบาลกำหนดทุกปี และทั้งไอซ์แลนด์กับหมู่เกาะแฟโรก็ยังคงอนุญาตให้มีการล่าวาฬจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
แล้วทำไมประเทศเหล่านี้ยังต้องพึ่งพาการล่าวาฬถึงเเม้จะเป็นปี2025
การล่าวาฬมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับหลายร้อยปี (ในบางพื้นที่อาจนานถึงพันปี) และมันก็ได้ฝังรากลึกในวัฒนธรรมของชุมชนชายฝั่งต่างๆ ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในแง่ของอาหาร แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเพณี ความเชื่อ ระบบเศรษฐกิจ และอัตลักษณ์ของท้องถิ่นด้วย
ชาวท้องถิ่นบางกลุ่มมองว่าการห้ามล่าวาฬคือการละเมิดสิทธิทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของตน ในญี่ปุ่นบางชุมชมในเมืองไทจิยังถือว่าการล่าวาฬเป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” ประเทศนอเวย์การล่าวาฬนั้นมีความยาวนานและฝังรากในวิถีชีวิตของชาวประมงโดยเฉพราะในหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) และ เมืองฟินน์มาร์ก (Finnmark) ที่การล่าวาฬนั้นถือเป็นทั้ง อาชีพดั้งเดิม และ แหล่งอาหารพื้นบ้าน
จำนวนประชากรวาฬในปัจจุบัน
จากข้อมูลสำรวจขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ(IUCN) และองค์กรวิจัยสัตว์ทะเล พบว่ามีทั้งวาฬสายพันธ์ที่เสี่ยงใกล้จะสูญพันธุ์เเละสายพันธ์ที่ยังไม่เสี่ยงสูญพันธุ์ได้แก่
สายพันธุ์ที่เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์
วาฬสีน้ำเงิน (Blue whale)ถึงแม่จะมีการฟื้นตัวของประชากรแต่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก
วาฬฟิน (Fin whale) เคยถูกล่าอย่างหนัก กำลังฟื้นตัวบางส่วน
วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic right whale) เหลือไม่ถึง 350 ตัว สาเหตุหลักคือการชนเรือและติดอวน
สายพันธุ์ที่ไม่เสี่ยงสูญพันธุ์
วาฬมิงค์ (Minke whale) ยังคงถูกล่าต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่นและนอเวย์
วาฬหลังค่อม (Humpback whale) ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูหลังหยุดล่า
แม้โลกในปี 2025 จะตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ทะเลมากขึ้น แต่การล่าวาฬยังคงดำเนินต่อไปในหลายประเทศด้วยเหตุผลเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสิทธิของชุมชนท้องถิ่น
การล่าวาฬถูกฝังรากลึกในอัตลักษณ์ของผู้คนในบางพื้นที่ เช่น ญี่ปุ่น นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และหมู่เกาะแฟโร ซึ่งมองว่าการล่าวาฬไม่ใช่เพียงการหาอาหาร แต่คือการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติชี้ให้เห็นว่าสถานะประชากรวาฬมีความหลากหลาย บางสายพันธุ์ยังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในขณะที่บางสายพันธุ์เริ่มฟื้นตัวได้ดี ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างการเคารพวิถีชีวิตดั้งเดิมกับความรับผิดชอบต่อการอนุรักษ์สัตว์ทะเลอย่างยั่งยืนในอนาคต
ติดตามข้อมูลข่าวสารการล่าวาฬและสถิติการจับวาฬเชิงพาณิชย์ตั้งแต่การบังคับใช้มติห้ามล่าวาฬของ IWC ในปี 1986 จนถึงปัจจุบัน
Whale and Dolphin Conservation (WDC) เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลก มุ่งปกป้องและอนุรักษ์วาฬ โลมา และปลาโลมาขนาดเล็ก (cetaceans) ทุกสายพันธุ์ทั่วโลก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
