👨💼คนรุ่น Gen Xเป็นตัวเชื่อมระหว่างคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์และคนรุ่นมิลเลนเนียล โดยมีโครงสร้างองค์กรที่แบนราบกว่าเล็กน้อยและรูปแบบการทำงานที่เป็นอิสระมากขึ้น
🧒ขณะที่Gen Z มีแนวโน้ม "หลีกเลี่ยงบทบาทการจัดการเพื่อปกป้องความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเอง" มากกว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 1.7 เท่า ตามการวิจัยของบริษัทที่ปรึกษาการจัดการ Development Dimensions International พวกเขาคิดว่าผู้จัดการต้องทำงานหนักเกินไปบทบาทของหัวหน้างานมักตกเป็นเป้าของการเลิกจ้าง มากขึ้น และพนักงานรุ่นใหม่หลายคนพบว่าค่าจ้างไม่คุ้มกับความเครียดจากการต้องคอยดูแลคนอื่น
📋จากรายงานของ Business Insider พบว่า Gen Z มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงบทบาทบริหารมากกว่าคนรุ่นก่อน โดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการแลกความเครียดและภาระงานที่เพิ่มขึ้นกับค่าตอบแทนหรือสถานะที่สูงขึ้น พวกเขาให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น ความหมายของงาน และสุขภาพจิต มากกว่าการไต่เต้าตามโครงสร้างองค์กรแบบดั้งเดิม
Megan Dalla-Camina ผู้ก่อตั้งโปรแกรมพัฒนาผู้นำ Women Rising กล่าวว่า Gen Z กำลังตั้งคำถามกับโมเดลอำนาจแบบเก่า และไม่ยอมเสียสละชีวิตส่วนตัวเพื่อให้เข้ากับระบบที่ล้าสมัย ขณะที่ Kathryn Landis โค้ชผู้บริหารและอาจารย์จาก NYU เสริมว่า คนรุ่นนี้ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส การทำงานที่มีความหมาย และผลกระทบทางสังคม มากกว่ารายได้หรือสถานะ
👨💼แม้แนวโน้มนี้จะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในค่านิยมของคนทำงาน แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนสำหรับองค์กรที่ต้องการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่สำนักงานสถิติแรงงานคาดการณ์ว่าคนรุ่น Gen Z จะครองสัดส่วน 30% ของแรงงานทั้งหมดภายในปี 2030
Tony Davis ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมผู้นำจาก Crestcom International เตือนว่า หากองค์กรไม่ปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของ Gen Z ก็อาจประสบปัญหาในการสร้างผู้นำที่มีคุณภาพในอนาคต
“Conscious Unbossing” ไม่ใช่การปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่เป็นการเลือกเส้นทางอาชีพที่สอดคล้องกับค่านิยมและความต้องการของตนเอง สำหรับ Gen Z การเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับตำแหน่งหรืออำนาจ แต่คือการมีอิสระในการทำงานและชีวิตที่สมดุล