Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ร้อยเรื่องหลากมุมกับ ภก.ปราโมทย์
•
ติดตาม
11 พ.ค. เวลา 15:16 • สุขภาพ
"ปูติ มุตฺต เภสชฺช" สูตรยาดองปัสสาวะยุคพุทธกาล
เวลามีคนพยายามจะหาข้ออ้างความชอบธรรมให้การดื่มฉี่ โดยระบุว่าสามารถรักษาโรคได้ หนึ่งในแหล่งที่จะถูกยกมาเป็นจำเลยคือ "ปูติ มุตฺต เภสชฺช" ในพระไตรปิฎก
จริงๆหากดูในคัมภีร์อายุรเวท มียาหลายชนิดที่ถูกพูดถึง เช่น ปัณณเภสัช (ยาที่ทำจากใบไม้) มูลเภสัช (ยาที่ทำจากราก) ชตุเภสัช (ยาที่ทำจากยาง)
และ "ปูติ มุตฺต เภสชฺช" ก็เป็นหนึ่งในบทเรื่องยาที่ถูกพูดถึงในอายุรเวท ซึ่งพูดถึงการใช้ฉี่ในรูปของ "น้ำกระสายยา(Vehicles)"
คำว่า “ปูติ” หมายถึง เน่าเหม็น, “มุตต” หมายถึง มูตรหรือปัสสาวะ, และ “เภสัช” หมายถึง ยา เมื่อนำมารวมกัน จึงมีความหมายตรงตัวว่า “ยาที่เกิดจากของเน่าเหม็นหรือของเสีย” แต่หากพิจารณาในเชิงลึกและบริบททางการแพทย์แผนไทย คำนี้มีความหมายกว้างกว่านั้น คือการใช้วัตถุซึ่งโดยธรรมชาตินับว่าเป็นของเสียหรือของไม่บริสุทธิ์ เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ หนอง หรือแม้แต่ซากศพ มาเป็นส่วนหนึ่งของการปรุงยา หรือการทำพิธีกรรมรักษาโรค
แนวคิดนี้อาจดูขัดกับความรู้ในการแพทย์ปัจจุบัน แต่ในทางปรัชญาและมโนทัศน์ทางการแพทย์โบราณ “ของเสีย” กลับมีคุณลักษณะเฉพาะที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ และอาจ “ปรับธาตุ” ในร่างกายผู้ป่วยได้ เมื่อถูกใช้ภายใต้ความรู้และพิธีกรรม
แนวคิดสำคัญของการใช้ปัสสาวะในอายุรเวท คือหลัก “Swasthasya Swasthya Rakshanam” — การปกป้องสุขภาพของผู้ที่ยังไม่ป่วย และ “Aturasya Vikara Prashamanam” — การระงับความผิดปกติของผู้ป่วย กล่าวคือ การใช้ปัสสาวะเป็นการสร้าง ภูมิต้านทานจากภายใน ด้วยสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง โดยมีแนวคิดคล้ายการฉีดวัคซีนในแพทย์แผนปัจจุบัน
ปัญหาเกิดทันที เพราะพระไตรปิฎกไม่ได้ระบุว่า “มุตต” หมายถึงฉี่ของอะไร คนหลายกลุ่มจึงตีขลุมว่าเป็นฉี่คน หรือของเสียที่ขับออกจากร่างกายมนุษย์
แต่หากค้นรายระเอียดในคัมภีร์อายุรเวท มีฉี่ของสัตว์หลายชนิดที่ถูกอ้างถึง เช่น ช้าง ม้า แพะ หรือแม้แต่สัตว์ป่า โดยฉี่ที่นิยมที่สุดคือฉี่วัว ถือเป็นปัสสาวะที่บริสุทธิ์ที่สุด โดยเฉพาะวัวอินเดียพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งกินสมุนไพรเป็นหลัก เชื่อว่ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ แก้โรคผิวหนัง โรคเรื้อรัง และช่วยชำระล้างสารพิษ (ama) ในร่างกาย
นอกจากนี้ ปัสสาวะของสัตว์แต่ละชนิดมีฤทธิ์แตกต่างกันตามอุณหภูมิและคุณสมบัติของธาตุในร่างกายสัตว์นั้น เช่น มูตระช้างมีฤทธิ์เย็น ใช้ลดความร้อนในเลือด ส่วนของม้ามีฤทธิ์ร้อน ช่วยกระตุ้นธาตุไฟ
ส่วนปัสสาวะของคนก็ถูกพูดถึงในอายุรเวทเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าเอาของใครมาก็ได้ ปัสสาวะของคนที่จะนำมาใช้ทำส่วนผสมของยาได้นั้นต้องเป็นของผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่บริโภคเนื้อสัตว์หรือสารเสพติด และปฏิบัติตามวิถีโยคะ ปัสสาวะเช่นนี้จะมีความเป็นกลาง ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และใช้ได้ทั้งการดื่ม อาบ หรือชำระล้างแผล
แล้วถ้าในพระไตรปิฎกมีการพูดถึงการใช้ฉี่เพื่อรักษาโรค และในคัมภีร์อายุรเวทก็มีการอ้างถึงฉี่มนุษย์ในการรักษาโรค แล้วเราควรนำฉี่มาดื่มเพื่อรักษาโรค หรือใช้เป็นการแพทย์ทางเลือกไหม?
คำตอบคือ...ได้...ได้ก็แย่แล้วครับ
ปัสสาวะของมนุษย์ประกอบด้วย น้ำ ประมาณ 95% ยูเรีย (urea) ประมาณ 2% แอมโมเนีย, ครีอะตินิน, กรดยูริก,สารของเสียจากเมแทบอลิซึม และเกลือแร่่ต่างๆ
นอกจากนี้ยังอาจสะสมเชื้อโรคจากทางเดินปัสสาวะ เช่น cytomegalovirus หรือ polyomavirus
ดั้งนั้น การดื่มฉี่นอกจากจะไมไ่ด้ช่วยรักษาอะไรให้หายอย่างมีนัยสำคัญทางคลินิกแล้ว ฉี่ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค แถบการดื่มของเสียที่ถูกกรองมาแล้วเข้าไปร่างกายใหม่ ยังทำให้ไตที่เรามีต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น(เพื่อ.. เพื่ออะไร?)
1
แต่ถึงแบบนั้น ในปัจจุบันก็ยังมีคนเรียกหาการรักษาแบบนี้อยู่ไม่ขาด นอกจากในบ้านเราแล้ว ช่วงการระบาดของโควิด 19 ในอินเดียวก็มีการนำฉี่มาขายเพื่อรักษาโควิดด้วยเช่นกัน
ในยุคที่ยามีการควบคุมมาตรฐาน มีประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัย และยาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีราคาสูงมาก สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราควรทำ คือเรียกร้องให้รัฐบาลสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้าถึงได้ทุกคน ไม่ใช่มองข้ามปัญหาที่เป็นหลักพื้นฐานสำคัญ แล้วเอาปัสสาวะมาป้อนใส่ปากกัน โดยหวังผลประโยชน์เข้าตัวแบบนี้
อ้างอิง
คัมภีร์ตำรายารวบรวมสูตรยาอายุรเวท,Bhaishajya Ratnavali
Nagarajappa R, Batra M, Jayakumar N. “Human Urine: A Future Source of Biomarkers and Therapeutics.”
Journal of Clinical and Diagnostic Research. 2015; 9(11):ZE01-ZE03.
สุขภาพ
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
3 บันทึก
13
5
3
13
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย