12 พ.ค. เวลา 10:21 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 247 เรือเสบียงยึดยุ่นโจว

ไฉจิ้น จางซุ่นรายงานซ่งเจียงเรื่องพ่อลูกเฉินกวน 陈观 สมคบฟางล่า อีกไม่ช้าทัพโจรจะบุกข้ามน้ำมาตีเมืองหยางโจว โชคดีที่ความแตกเสียก่อนที่กลางน้ำ ซ่งเจียงจึงเชิญอู๋ย่งมาหาแผนรับมือ
อู๋ย่งว่า “มีโอกาสดีเช่นนี้ คงได้เมืองยุ่นโจวโดยง่าย จับตัวเฉินกวนเสียก่อน แล้วลงมือตามนี้…ตามนี้…”
จากนั้นก็ตามคนเสเพลเอี้ยนชิงมาให้ปลอมตัวเป็นเย่หวีโห้ว 叶虞候 ให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าปลอมเป็นทหารฝ่ายใต้
เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าหาบธงและเสื้อผ้าสองหาบ ตามเอี้ยนชิงออกจากเมืองหยางโจวมุ่งหน้ามายังหมู่บ้านติ้งผู่ 定浦村 ถามทางมายังบ้านของเฉินกวน พอมาถึงเห็นมีคนแต่งตัวเหมือนๆ กันดังเครื่องแบบอยู่หน้าบ้านราวสามสิบคน แต่ละคนสวมหมวกปีกกว้างมีพู่ดำ สายคาดเอวสีแดง สวมรองเท้าหนัง สะพายดาบขนหานป่า ถือทวนปากอีกา
เอี้ยนชิงขานคารวะแล้วใช้สำเนียงพื้นบ้านชาวเจ้อ 浙人乡 ถามว่า “นายท่านมีอยู่บ้านไหม”
บ่าวบ้านว่า “แขกมาแต่ไหน”
เอี้ยนชิงว่า “มาแต่ยุ่นโจว ข้ามน้ำหลงวนไปครึ่งวัน ถามเขามานี่”
บ่าวบ้านพาเข้าบ้าน ให้ปลดหาบลง แล้วพามาพบนายบ้านที่โถงหลัง
เอี้ยนชิงกระทำคารวะว่า “เย่กุ้ย 叶贵 ขอคารวะ”
ขุนพลเฉินถามว่า “ใต้เท้า 足下 มาแต่ไหน”
เอี้ยนชิงตอบเป็นสำเนียงชาวเจ้อว่า “นายท่านให้คนไม่เกี่ยวข้องถอยไป แล้วค่อยกราบเรียน”
ขุนพลเฉินว่า “ที่อยู่นี่มีแต่คนสนิท ท่านพูดได้เลย”
เอี้ยนชิงว่า “ข้าน้อยแซ่เย่ ชื่อกุ้ย เป็นหวีโห้วในค่ายท่านหลวี่ซูมี่ 吕枢密 เมื่อวันที่เจ็ดเดือนอ้าย ท่านซูมี่ได้ทราบความจากท่านเลขาอู๋เฉิงแล้วชอบใจนัก ใช้ให้เย่กุ้ยพาอู๋เฉิงไปพบพระอนุชาไต้อ๋องสามยังซูโจว กราบเรียนเรื่องเจตนารมณ์ของนายท่าน
ท่านไต้อ๋องสามนำความกราบทูลขอพระราชทานตราตั้งให้นายท่านรับตำแหน่งเจ้าเมืองหยางโจว ให้นายท่านหลวี่ซูมี่ดำเนินการแจ้งแก่นายท่าน มิคาดท่านอู๋เฉิงเป็นไข้ล้มหมอนนอนเสื่อ ท่านซูมี่เกรงจะเสียงานใหญ่ จึงให้เย่กุ้ยนำตราตั้งมามอบแก่นายท่าน พร้อมทั้งโล่ตำแหน่ง ธงสัญลักษณ์สามร้อยผืน ขุดข้าทหารหนึ่งพันชุด และนัดหมายนายท่านเรื่องที่จะนำเสบียงและเรือส่งมอบยุ่นโจว”
จากนั้นก็นำเอกสารแต่งตั้งส่งให้ขุนพลเฉิน เฉินกวนรีบจัดโต๊ะบูชารับ หันหน้าหาทิศใต้กราบคารวะ แล้วตามเฉินอี้ เฉินไท่มาทำความรู้จัก
เอี้ยนชิงให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่านำธงและชุดมาส่งให้ เฉินกวนเชิญเอี้ยนชิงนั่ง
เอี้ยนชิงว่า “ข้าน้อยเป็นเพียงผู้นำสาส์น จะนั่งเสมอนายท่าน มิบังควร”
เฉินกวนว่า “ใต้เท้าเป็นตัวแทนของท่านผู้มีพระคุณ ทั้งยังนำตราตั้งมาส่งมอบ จะดูแคลนท่านได้อย่างไร”
เอี้ยนชิงผัดผ่อนตามมารยาท แล้วจึงนั่งลง
เฉินกวนให้นำสุรามาเชิญเอี้ยนชิงดื่ม บุตรทั้งสองก็ร่วมดื่มแสดงความยินดีกับบิดา ดื่มไปได้สองสามรอบ เอี้ยนชิงลอบส่งสายตาให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าลงมือ
เซี่ยเป่าลอบวางยาลงในกาเหล้า เอี้ยนชิงลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “เย่กุ้ยมิอาจนำสุราข้ามน้ำมา จึงขอยืมสุราของนายท่านเชิญดื่มฉลองเรื่องมงคล”
แล้วรินสุราจอกใหญ่เชิญเฉินกวนดื่ม จากนั้นก็รินให้เฉินอี้ เฉินไท่ รวมทั้งเหล่าคนสนิทในที่นั้นคนละหนึ่งจอก เซี่ยเจินเดินออกมาด้านนอกนำชุดไฟจุดยิงปืนสัญญาน ทหารติดตามหน้าจวนสิบนายก็บุกเข้ามา
ทหารติดตามสิบนายด้านนอกคือ สงฆ์ลงลายหลู่จื้อเซิน ผู้จาริกอู่ซง มังกรเก้าลายสื่อจิ้น กวนสว่ออมโรคหยางสยง พายุหมุนดำหลี่ขุย นาจาแปดแขนเซี่ยงชง ต้าเสิ้งเหินฟ้าหลีกุ่น มรณะเทพเป้าสวี้ เสือดาวขนแพรหยางหลิน เสือลำบากเซวียหย่ง บุกเข้ามา มีหรือจะเหลือ
เอี้ยนชิง เซี่ยเป่าอยู่ในห้องโถง เห็นคนทยอยล้ม จึงชักมีดสั้นช่วยกันตัดหัว แล้วหิ้วออกมาหน้าบ้าน นายทหารอีกหกนายนำพลหนึ่งพันมาล้อมบ้าน ทั้งหกคือ เจ้าเครางามจูถง กองหน้าเลือดพล่านสว่อเชา ศรไร้ขนจางชิง จอมมารป่วนโลกาฝานยุ่ย ขุนพลสยบเสือหลี่จง ป้าอ๋องน้อยโจวทง นำคนเข้าไปสังหารคนในครอบครัวเฉินกวนจนหมดสิ้น แล้วให้บ่าวในบ้านพาไปยึดเรือสามร้อยลำที่บรรทุกเสบียง แล้วรีบรายงานซ่งเจียง
ซ่งเจียง อู๋ย่งได้รับรายงานแล้ว อำลาจางเจาเถ่า นำทัพมายังบ้านของเฉินกวนแบ่งทหารลงเรือสามร้อยลำ
อู๋ย่งสั่งการว่า “เรือสามร้อยลำให้ปักธงสัญลักษณ์ของฟางล่า ทหารแถวหน้าหนึ่งพันนายใส่ชุดของฟางล่า อีกสี่พันนายใส่ชุดอื่นอยู่ด้านหลัง”
ในเรือเสบียงซุ่มทหารไว้ รวมทหารทั้งสิ้นสองหมื่นนาย ให้มู่หงแต่งปลอมเป็นเฉินอี้ หลี่จวิ้นเป็นเฉินไท่ลงเรือใหญ่คนละลำ
เรือแบ่งเป็นสามขบวน ขบวนแรกนำโดยมู่หง หลี่จวิ้น
ผู้ติดตามมู่หงสิบนายมี เซี่ยงชง หลีกุ่น เป้าสวี้ เซวียหย่ง หยางหลิน ตู้เชียน ซ่งว่าน โจวยวน โจวยุ่น สือหย่ง
ผู้ติดตามหลี่จวิ้นสิบนายมี ถงเวย ถงเหมิ่ง ข่งหมิง ข่งเลี่ยง เจิ้งเทียนโซ่ว หลี่ลี่ หลี่หยุน ซือเอิน ไป๋เสิ้ง เถาจงว่าง
ขบวนที่สองนำโดยจางเหิง จางซุ่น
ผู้ติดตามจางเหิงสี่นายมี เฉาเจิ้ง ตู้ซิง กงว่าง ติงเต๋อซุน
ผู้ติดตามจางซุ่นสี่นายมี เมิ่งคัง โหวเจี้ยน ทังหลง เจียวถิ่ง
ขบวนที่สาม สิบขุนพลมี สื่อจิ้น เหลยเหิง หยางสยง หลิวถัง ไฉ้ชิ่ง จางชิง(清 ศรไร้ขน) หลี่ขุย เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า ไฉจิ้น
รวมสามขบวนเรือ สามร้อยลำ สี่สิบสองขุนพล
ลำดับถัดไป ให้จัดเตรียมทหารลงเรือหนึ่งพันลำใช้ธงสัญลักษณ์ซ่งเจียง ให้แม่ทัพเรือสองนาย หยวนเสี่ยวเอ้อ หยวนเสียวอู่ บัญชาการ
ทางด้านฝั่งใต้ บนเขาเป่ยกู้ 北固山 เมืองยุ่นโจว เห็นเรือรบสามร้อยลำแล่นมาเทียบท่า บนเรือปักธงแดงสัญลักษณ์ว่าส่งเสบียง ทหารรีบไปรายงานหลวี่ซูมี่ หลวี่ซูมี่นำสิบสองเทพสวมชุดเกราะ อาวุธครบมือมาตรวจดูยังท่าเรือ
เรือร้อยลำแรกเข้ามาเทียบท่าก่อน ผู้นำสองคนแวดล้อมไปด้วยทหารในเครื่องแบบฝ่ายใต้ หลวี่ซูมี่ลงม้ามานั่งบนเก้าอี้ท้าวแขนเงิน สิบสองเทพเรียงรายเป็นสองแถวอยู่ริมน้ำ
มู่หง หลี่จวิ้นอยู่บนเรือเห็นหลวี่ซูมี่ก็ร้องขานคารวะ พวกหวีโห้วบอกให้จอดเรือ เรือร้อยลำแรกจึงจอดทอดสมอเป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เรือที่ตามมาอีกสองร้อยลำก็มาถึงจึงจอดเรียงต่อไปซ้ายขวาด้านละร้อยลำ แบ่งเป็นส่วนเท่าๆ กัน
เจ้าหน้าที่กรมท่าขึ้นเรือมาสอบถาม “เรือมาจากที่ไหน”
มู่หงตอบว่า “ผู้น้อยแซ่เฉินชื่ออี้ น้องชายชื่อเฉินไท่ บิดาเฉินกวน บิดาใช้ให้พวกข้าพี่น้องนำบรรณาการมาส่งมีข้าวขาวห้าหมื่นต้าน เรือสามร้อยลำ ทหารห้าพันนาย เพื่อขอบพระคุณท่านซูมี่ที่ช่วยเพ็ดทูล”
เจ้าหน้าที่กรมท่าว่า “วันก่อน นายท่านซูมี่ให้เย่หวีโห้วข้ามไป ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
มู่หงว่า “หวีโห้วกับอู๋เฉิงป่วยเป็นไข้หวัด พักรักษาตัวอยู่บ้าน จึงมอบหนังสือผ่านแดน 关防 มาแสดงแทน อยู่นี่แล้ว”
กรมท่ารับหนังสือนำขึ้นฝั่งมารายงานหลวี่ซูมี่
“เฉินอี้ เฉินไท่บุตรเจ้าเมืองเฉินบ้านติ้งผู่เมืองหยางโจว นำบรรณาการมาส่ง มีหนังสือผ่านแดนอยู่นี่”
หลวี่ซูมี่เห็นว่าเป็นเอกสารจริงจึงอนุญาตให้ขึ้นบก ให้ตามเฉินอี้ เฉินไท่มาพบ มู่หง หลี่จวิ้นขึ้นมาพบพร้อมกับอีกยี่สิบขุนพล ทหารยามตวาดว่า
“นายท่านอยู่ที่นี่ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า”
ทั้งยี่สิบกว่าคนจึงหยุดยืนรอ มู่หง หลี่จวิ้นกระทำคารวะมาแต่ไกล
เป็นนาน กรมท่าจึงลงมานำตัวมู่หงขึ้นไปพบเพียงลำพัง คุกเข่าคารวะเบื้องหน้า
หลวี่ซูมี่ว่า “เฉินกวนบิดาเจ้า ทำไมไม่มาเอง”
มู่หงว่า “ท่านพ่อได้ข่าวว่าซ่งเจียงเหลียงซานป๋อยกทัพมา เกรงว่าจะมาก่อกวนจึงอยู่เตรียมพร้อมที่บ้านไม่อาจมาได้”
หลวี่ซูมี่ถามว่า “เจ้าสองคนพี่น้อง คนไหนเป็นพี่”
มู่หงว่า “เฉินอี้เป็นพี่”
หลวี่ซูมี่ว่า “พวกเจ้าสองพี่น้อง เคยฝึกเพลงยุทธไหม”
มู่หงว่า “ด้วยบารมีพระคุณท่าน เคยฝึกปรือมา”
หลวี่ซูมี่ว่า “ข้าวขาวที่เจ้านำมา บรรทุกอย่างไร”
มู่หงว่า “เรือใหญ่บรรทุกสามร้อยต้าน เรือเล็กบรรทุกสองร้อยต้าน”
หลวี่ซูมี่ว่า “เจ้าสองคนมาที่นี่ เกรงว่าจะมีเจตนาแอบแฝง”
มู่หงว่า “บิดาของผู้น้อยมีแต่ความภักดี หามีเจตนาอื่นใดแอบแฝง”
หลวี่ซูมี่ว่า “ถึงแม้พวกเจ้าจะมีเจตนาดี แต่ข้าดูพวกทหารบนเรือลักษณะพิกลนัก ยังน่าสงสัย เจ้าทั้งสองรออยู่ที่นี่ ข้าจะให้สี่ขุนพลเทพนำพลหนึ่งร้อยขึ้นเรือไปตรวจสอบ ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติ จะไม่ละเว้น”
มู่หงว่า “ผู้น้อยมาที่นี่เพื่อรับใช้นายท่าน เหตุใดจึงระแวง”
หลวี่ซือหนังจะส่งสี่ขุนพลเทพไปตรวจเรือ ม้าเร็วมารายงานว่า “มีพระราชโองการมาถึงที่ประตูทิศใต้ ขอเชิญท่านซูมี่ไปรับด้วย”
หลวี่ซูมี่รีบขึ้นม้าแล้วกำชับว่า “เฝ้าชายฝั่งไว้ให้ดี เจ้าสองคนเฉินอี้ เฉินไท่ตามข้ามา”
มู่หงลอบส่งสายตาให้หลี่จวิ้น รอจนหลวี่ซูมี่เข้าเมืองไปแล้ว มู่หง หลี่จวิ้นก็เรียกยี่สิบขุนพลตามมายังประตูเมือง ขุนพลรักษาประตูตวาดมาว่า
“นายท่านซูมี่เรียกเจ้าที่เป็นหัวหน้าเพียงสองคน ที่เหลือห้ามเข้า”
มู่หง หลี่จวิ้นเข้าเมืองไป อีกยี่สิบคนถูกสกัดไว้ที่หน้าประตูเมือง
หลวี่ซูมี่มารับทูตอัญเชิญราชโองการที่ประตูทิศใต้ แล้วถามว่า “เหตุใดจึงรีบร้อนมาดังนี้”
ทูตผู้นี้เป็นผู้ใกล้ชิดของฟางล่าชื่อ เฝิงสี่ 冯喜 ลดเสียงลงบอกหลวี่ซือหนังว่า
“เร็วๆ นี้ ท่านโหราจารย์มหาขันที 司天太监 ผู่เหวินอิง 浦文英 เพ็ดทูลว่า “จากปรากฏการณ์บนฟากฟ้ายามราตรี ดาวเทียนกังจำนวนมากเข้ามาในอาณาเขตอู๋ 吴地 ราวครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นอับแสง นับเป็นลางร้ายอยู่ไม่น้อย” โอรสสวรรค์จึงทรงมีพระราชโองการให้ท่านซูมี่กวดขันป้องกันชายฝั่งเอาไว้ให้ดี หากมีคนมาจากฝั่งเหนือ ให้ไต่สวนโดยละเอียด หากมีข้อสงสัยให้สังหารเสีย อย่าได้รีรอ”
หลวี่ซูมี่ฟังแล้วประหวั่นว่า “เมื่อครู่เพิ่งมีคนข้ามมากลุ่มใหญ่ ข้าเองยังสงสัยอยู่มาก ยิ่งได้ฟังท่านว่าดังนี้ อย่างไรก็เชิญเข้าเมืองเปิดอ่านพระราชโองการก่อนเถิด”
เฝิงสี่เปิดอ่านพระราชโองการแล้วเสร็จ พลันมีม้าเร็วมาจากซูโจวมาแจ้งว่า
“มีพระบัญชาจากท่านไต้อ๋องสามพระอนุชา”
ความว่า “วันก่อนที่ขุนพลเฉินจากหยางโจวมาขอสวามิภักดิ์ อย่าเพิ่งมั่นใจ เกรงว่าจะเป็นแผน เพิ่งได้รับพระราชโองการว่า ท่านโหราจารย์มหาขันทีสังเกตเห็นดาวเทียนกังเข้ามาในเขตแดนอู๋ ขอให้เฝ้าชายฝั่งไว้จงดี ข้าเองกำลังจะส่งคนมาช่วยท่านกำกับดูแล”
หลวี่ซูมี่จึงสั่งการให้กวดขันชายฝั่งยิ่งขึ้น เรือที่เทียบท่าวันนี้ ห้ามใครทั้งสิ้นขึ้นฝั่ง แล้วจึงให้จัดโต๊ะเลี้ยงทูตทั้งสอง
ทางด้านเรือสามร้อยลำทอดสมอรออยู่ครึ่งค่อนวันไม่เห็นมีความเคลื่อนไหว ตับทางซ้ายหนึ่งร้อยลำนำโดยจางเหิง จางซุ่น และตับทางขวาหนึ่งร้อยลำนำโดยสิบขุนพลจึงถืออาวุธบุกขึ้นฝั่ง ทหารรักษาฝั่งฝ่ายใต้ต้านรับไว้ไม่อยู่
พายุหมุนดำหลี่ขุย เซี่ยเจิน เซี่ยเป่านำคนกรูกันมาจะเข้าเมือง ทหารรักษาประตูออกมาสกัด หลี่ขุยใช้ขวานคู่จามสังหาร เซี่ยเจิน เซี่ยเป่าถือสามง่ามนำคนบุกตามเข้าเมือง ทหารปิดประตูเมืองไม่ทัน หลี่ขุยขวางอยู่กลางประตู ใครมาเป็นสับทิ้งหมด ยี่สิบขุนพลที่มาถึงก่อนก็ชักอาวุธเข้าร่วมด้วย
หลวี่ซูมี่ให้คนมากำชับยามชายฝั่งให้กวดขันนั้น มาช้าไปเสียแล้ว ไม่ทันได้แจ้ง ประตูเมืองก็ถูกยึด ขุนพลเทพทั้งสิบสองได้ยินเสียงเอะอะรีบนำคนออกมา
สื่อจิ้น ไฉจิ้นนำทหารขึ้นจากเรือถอดเครื่องแบบทหารฝ่ายใต้ทิ้ง นำขึ้นฝั่งมา พวกทหารที่ซ่อนในท้องเรือก็กรูตามออกมาหมด
ขุนพลเทพเสิ่นกัง 沈刚 พานเหวิน 潘文 พาทหารนำหน้ามายังประตูเมืองก่อน ปะกับพวกสื่อจิ้น สื่อจิ้นใช้ง้าวฟันเสิ่นกังตกม้าตาย พานเหวินถูกจางเหิงใช้ทวนแทงตาย ทหารรบกันชุลมุน สิบขุนพลเทพที่เหลือนำทหารถอยกลับเข้าเมืองไปป้องกันครอบครัว
มู่หง หลี่จวิ้นที่เข้าเมืองมาก่อนใครแล้วรออยู่ที่ร้านอาหาร ได้ยินเสียงเอะอะ ก็คว้าเชื้อไฟมาจุดไฟเที่ยวไล่เผา หลวี่ซูมี่รีบขึ้นม้า ขุนพลเทพสามนายกลับมาช่วยคุ้มกันพาหนี ไฟในเมืองถูกเผาสว่างไสวเห็นไปถึงกวาโจวฝั่งเหนือ ประตูเมืองทั้งสี่ถูกยึด ชูธงทัพซ่ง ทหารยังรบกันชุลมุน
เรือจากฝั่งเหนือตามมาถึงอีกหนึ่งร้อยห้าสิบลำ สิบขุนพลมี กวนเสิ้ง ฮูหยันจว๋อ ฮวาหยง ฉินหมิง เห่าซือเหวิน เซวียนจ้าน หันเทา เผิงฉี่ ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ นำทหารม้าสองพันขึ้นจากเรือบุกเข้าเมือง หลวี่ซูมี่รู้ว่าพ่ายแพ้แล้วจึงรีบพาทหารบาดเจ็บหนีไปยังอำเภอตันถู 丹徒县 ทัพซ่งยึดเมืองยุ่นโจวได้ จึงให้ช่วยกันดับไฟ แยกกันรักษาประตูเมือง แล้วมารอซ่งเจียงที่ชายฝั่ง
ตอนก่อนหน้า : สอดแนมเขาจินซาน
ตอนถัดไป : เริ่มพลัดพราก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา