📰 โมร็อกโกเร่งขยายการส่งออกสู่ “อียิปต์” ตั้งเป้าแตะ 500 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2027
Morocco Eyes Major Export Boost to Egypt, Targets $500 Million by 2027
🌍 เปิดฉากความร่วมมือใหม่ระหว่าง 2 ประเทศแอฟริกาเหนือ
รัฐบาลโมร็อกโกประกาศแผนเร่งขยายมูลค่าการส่งออกไปยัง “อียิปต์” อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเพิ่มจาก 755 ล้านดีแรห์ม (ประมาณ 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็น 5 พันล้านดีแรห์ม (500 ล้านดอลลาร์) ภายในปี 2027 หรือภายในเวลาเพียง 3 ปีข้างหน้า
📌 การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมรัฐสภาโดย โอมาร์ เฮจิรา (Omar Hejira) รัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ ตอบคำถามจากพรรค RNI เกี่ยวกับทิศทางใหม่ด้านการส่งออกไปยังตลาดอียิปต์
🤝 ภารกิจการค้าเข้มข้น จุดพลุความร่วมมือระลอกใหม่
ก่อนหน้านี้ โมร็อกโกได้นำคณะผู้แทนการค้ากว่า 40 รายเดินทางเยือนกรุงไคโร โดยในระหว่างการเยือน มีการจัดประชุมเจรจาธุรกิจกว่า 200 ครั้งระหว่างผู้ส่งออกโมร็อกโกกับนักธุรกิจอียิปต์
🔸 การเยือนดังกล่าวนำโดย Hassan Sentissi El Idrissi ประธานสมาพันธ์ผู้ส่งออกโมร็อกโก (ASMEX) พร้อมการสนับสนุนเต็มรูปแบบจากรัฐมนตรีเฮจิรา ซึ่งเน้นหนักไปที่การผลักดันแบรนด์ “Made in Morocco”
📌 ยังมีการจัดงาน Egypt Country Zoom ซึ่งผู้ประกอบการได้เรียนรู้ช่องทางเจาะตลาดอียิปต์ ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตอียิปต์ในราบัตก็ได้พบหารือกับ ASMEX อย่างใกล้ชิด
🚗 อุตสาหกรรมยานยนต์: ความหวังใหม่ของการค้าระหว่างประเทศ
หนึ่งในหมวดสินค้าที่เห็นความสำเร็จชัดเจนคือ รถยนต์ โดยการส่งออกรถยนต์จากโมร็อกโกไปอียิปต์เพิ่มจาก 400 คัน เป็น 3,000 คัน และอาจพุ่งถึง 5,000 คันภายในสิ้นปีนี้ ก่อนแตะ 8,000 คันในปี 2026
📈 เฮจิราย้ำว่า โมร็อกโก-อียิปต์ คือ “โมเดลของความร่วมมือแบบอาหรับ” ซึ่งตั้งอยู่บนรากฐานประวัติศาสตร์และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน
🌐 วิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย: โอกาสหรือความท้าทายใหม่?
การเร่งขยายความร่วมมือระหว่างโมร็อกโกและอียิปต์ครั้งนี้ อาจเป็น แรงสะเทือนต่อผู้ส่งออกไทย ที่เคยมีจุดยืนในตลาดอียิปต์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ทับซ้อนกับ “Made in Morocco” เช่น เครื่องแต่งกาย อุตสาหกรรมยานยนต์ และสินค้าเกษตรแปรรูป
🇹🇭 ไทยอาจต้องเผชิญกับ การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดอียิปต์ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในประตูการค้าเข้าสู่ภูมิภาค MENA (ตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ)
หากโมร็อกโกสามารถเจาะตลาดอียิปต์ได้สำเร็จตามแผน มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยโดยตรงก็อาจชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่โมร็อกโกมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าและสามารถเข้าถึงทางภูมิศาสตร์ได้ดีกว่า
📊 หุ้นไทยใน SET และ mai ที่อาจได้รับผลกระทบ
✅ กลุ่มโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ เช่น
– WICE, SONIC, SJWD, และ PSL อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนทิศทางของการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับอียิปต์ หากปริมาณการส่งออกลดลงหรือถูกเบี่ยงเบนไปยังคู่ค้าที่ใกล้กว่าอย่างโมร็อกโก
✅ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน เช่น
– SAT, AH, STANLY ซึ่งมีสัดส่วนส่งออกไปยังตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกาบางส่วน อาจต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับคู่แข่งรายใหม่อย่างโมร็อกโกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐและมีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า
✅ กลุ่มเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ เช่น
– SABINA, TNP อาจสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดอียิปต์หากโมร็อกโกสามารถรุกตลาดได้สำเร็จ โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่นราคาประหยัด ซึ่งโมร็อกโกมีความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงาน การผลิตแบบ OEM และความยืดหยุ่นในการส่งออก ทำให้ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนืออาจหันมาเลือกโมร็อกโกแทนสินค้าไทยในอนาคต
**หมายเหตุ**
TNP (บริษัท ธนพิริยะ จำกัด มหาชน) – แม้เป็นค้าปลีก แต่มีจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเสื้อผ้าในเครือ สามารถได้รับผลกระทบจากการแข่งขันราคาสินค้าแฟชั่นราคาถูกจากต่างประเทศ
📌 ในระยะยาว นักลงทุนควรจับตาโครงสร้างการค้าระหว่างไทยกับประเทศในแอฟริกาเหนือ และการปรับตัวของภาคส่งออกไทยเพื่อรักษาตลาดเดิมไว้ให้ได้
📣 สรุปภาพรวม
การจับมือครั้งใหญ่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสมการการค้าในแอฟริกาเหนือ ซึ่งไทยไม่อาจมองข้ามการขยายตัวของโมร็อกโกในตลาดอียิปต์ไม่เพียงสร้างความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังอาจกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดของไทยในอนาคต หากไม่เร่งปรับตัวและขยายตลาดเชิงรุกในระดับภูมิภาค
🔖 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ศึกโลกเศรษฐกิจ #โมร็อกโกอียิปต์ #การส่งออกแอฟริกาเหนือ #MadeInMorocco #เศรษฐกิจโลก #TradeStrategy #WorldScopeข่าวเศรษฐกิจ
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
