💰“3 สูง 1 ต่ำ” สำหรับการบริหารบุคคลในองค์กร
(อย่าปิดกั้นอนาคตองค์กรด้วยคำว่า “แพง”)
ในวันที่โลกแข่งขันกันด้วย “คน” มากกว่าทุน…
และ “ความเร็ว” กลายเป็นคำถามสำคัญของการรอด…
ปรัชญา 3 สูง 1 ต่ำ ที่ท่านประธานอาวุโสฯ ธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครือ CP วางไว้นั้น
ไม่เพียงใช้ได้กับการลงทุนในเครื่องจักร, โรงงาน หรือเทคโนโลยีเท่านั้น — แต่มันยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับ “กลยุทธ์การสร้างทีม” ได้อย่างทรงพลัง
เพียงแต่…เราต้องกล้าถามตัวเองก่อนว่า
“เรากำลังลงทุนสูงพอ…กับ ‘คนที่ใช่’ แล้วหรือยัง?”
⸻
🧱 ปรัชญา “3 สูง 1 ต่ำ” ต้นฉบับนั้น - ฟังดูเรียบง่าย แต่วางรากฐานให้องค์กรระดับโลก
แนวคิดนี้วางอยู่บนหลักการ 4 ข้อที่ต่อเนื่องกัน
• ลงทุนสูง (High Investment): กล้าลงทุนในสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ระยะยาว
• ประสิทธิภาพสูง (High Efficiency): ทุกการลงทุนต้องทำงานได้จริง
• คุณภาพสูง (High Quality): ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ต้องดี มีคุณภาพ และยั่งยืน
• ต้นทุนต่ำ (Low Cost): ผลลัพธ์ระยะยาวต้องลดภาระ ไม่เพิ่มต้นทุนแฝง
หลายคนอาจคุ้นกับการเอาโมเดลนี้ไปใช้ใน context ด้านเทคโนโลยี แต่ในยุคที่ “คน” คือสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนทุกอย่าง เราควรถามใหม่ว่า…
ถ้า “AI คือเครื่องจักรใหม่” แล้ว “Talent” คืออะไรในสายตาองค์กร?
⸻
💸 กับดักที่ (หลายองค์กร) ยังติดอยู่ คือ “ใช้เพดานเงินเดือน ‘ล้าสมัย’ มาบล็อกคนเก่งไม่ให้เข้า”
องค์กรจำนวนไม่น้อยยังใช้ตรรกะเดิมๆ เช่น
• “รับคนใหม่มา ค่าตัวต้องไม่เกินหัวหน้าคนเดิม”
• “ทีมนี้เคยให้ไม่เกิน 80K จะให้ 120K ได้ยังไง?”
• “เด็กจบใหม่จะมาเรียกเงินเดือนเกินคนที่ทำมา 10 ปีได้ยังไง?” เป็นต้น
ฟังดูเผินๆ ถ้าใช้ mindset เดิมๆ ก็อาจจะเหมือน make sense!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว… “มันอาจกำลังเป็นด่านกั้น ‘Top Talent’ ไม่ให้เข้ามาช่วยคุณสร้างอนาคต เพราะ
• คนในองค์กรหลายคน “ไม่เคยได้ปรับเงินเดือนตามความสามารถจริง” มาเป็นปีๆ
• โครงสร้างค่าจ้าง “อิงกับอดีต” ไม่ใช่ “สะท้อนตลาดปัจจุบัน”?
• การจ้างคนใหม่จึงถูก “ล็อกไว้” ด้วย “ความกลัวจะกระทบใจคนเก่า” มากกว่าการมองอนาคต?
และนั่นแหละคือ ‘ต้นทุนเสียโอกาส’ ที่หลายองค์กรไม่รู้ตัวเลยว่าจ่ายแพงแค่ไหน?
⸻
🚀”3 สูง 1 ต่ำ” —> “The 3H–1L Model for Talent Investment” : เมื่อใช้ปรัชญานี้กับ ‘การสร้างทีม’ ได้อย่างไร?
มาดูเวอร์ชันที่ปรับมาใช้กับ People Strategy อย่างเต็มรูปแบบ
1. “High Investment” = ลงทุนในคนที่พร้อมสร้าง Impact
ไม่ใช่แค่ “แพงเพราะเก่ง” แต่คือ “กล้าจ่ายเพื่อผลลัพธ์ที่วัดได้”
• คนเก่งมี Learning Curve ต่ำ ทำงานได้ไว
• ไม่ต้องเสียเวลาเทรนนาน หรือเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก
• เข้ามาแล้วสร้าง momentum ให้ทีมได้เลย
2. “High Efficiency” = คนเก่งสร้างงานได้ไวและถูกต้อง
• ทำสิ่งที่ต้องใช้คน 2–3 คน ได้จบในตัว
• ช่วย clear bottleneck ที่ทีมสะดุดอยู่
• มีความเข้าใจระบบ + ปรับตัวเร็ว
3. “High Quality” = ทำงานได้ลึก คิดได้ไกล
• ส่งมอบงานที่ไม่ใช่แค่เสร็จ…แต่เสร็จแบบ “เหนือความคาดหวัง”
• ช่วยคิด ช่วยปรับปรุงกระบวนการ
• มี passion ในการขับเคลื่อนสิ่งที่ทำให้ดีขึ้นต่อเนื่อง
4. “Low Cost (ระยะยาว)” = ลดต้นทุนแฝงแบบที่ไม่ต้องเลี้ยงคนมากมาย แต่ไม่มีประสิทธิภาพ
• ลดความผิดพลาด ลดการทำซ้ำ
• ลดโอกาสเสียคนเก่งในทีม (เพราะอยากทำงานกับคนเก่ง)
• ลดเวลาในการ rework หรือแก้ไขงานที่ไม่ดีพอ
• ลดความอ่อนแรงขององค์กรที่ “เหนื่อยแต่ไม่ไปไหน”
คนเก่งไม่ได้แค่ “ทำตามสั่ง” แต่ช่วยสร้าง “ระบบที่ดีกว่า” ให้ทีมของคุณ
⸻
🧠 อย่าปล่อยให้ ‘คนกลางๆ ที่อยู่มานาน’ กลายเป็นบรรทัดฐานการรับคน!
องค์กรบางแห่งเผลอใช้ “ค่าตัวของคนที่อยู่มานานแต่ไม่โต” เป็นเกณฑ์ตัดสินคนใหม่
ซึ่งอันตรายมาก เพราะ…
• ค่าตัวที่ถูกตัดสินจาก tenure ไม่ได้สะท้อน market value
• คนที่พัฒนาช้ากลายเป็น “benchmark” แบบผิดๆ
• การกลัวเสียใจคนเดิม = ทำให้พลาด “คนที่ใช่” เข้ามาเสริมทัพ
ความรู้สึกคือสิ่งที่ต้องบริหาร…แต่ “อนาคตขององค์กร” ก็คือสิ่งที่ต้องตัดสินด้วยวิสัยทัศน์
⸻
📉 ต้นทุนที่แท้จริงของการไม่กล้าลงทุนใน Talent
• คุณเสียเวลามากขึ้นในการแก้ปัญหาเดิมๆ
• ทีมเสียขวัญ เพราะไม่มีผู้นำที่ inspire ได้
• คนเก่งลาออก เพราะไม่มีคนเก่งให้เรียนรู้ด้วย
• Project delay, Innovation หาย, ธุรกิจไม่เดินหน้า
และสุดท้าย… “คุณต้องจ่ายแพงกว่าเดิมอีกอยู่ดี”
เพราะต้นทุนของ ‘Bad Hire’ หรือ ‘Low Performer’ นั้น ไม่ได้แพงแค่เงินเดือน แต่แพ้เพราะ “ทำให้ทีมแย่ลงแบบไม่มีวันรู้ตัว”
⸻
💡 กลับมาใช้ 3H–1L ให้ถูกที่ กับ “คนที่ใช่” = ลงทุนเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
อย่ามองการจ้างคนเก่งเป็น “ต้นทุน” แต่มองให้ถูกว่า…
• นี่คือ “เครื่องเร่งการเติบโต”
• นี่คือ “ตัวจุดไฟในทีม”
• นี่คือ “คนที่คุณไม่ต้องบอก เขาก็หาทางพัฒนาทีมได้เอง”
“คนที่ใช่” แพงวันนี้ แต่ทำให้ทีมคุณประหยัดได้เป็นสิบเท่าในวันหน้า
⸻
📌 สุดท้าย ถ้าคุณยังใช้เพดานเงินเดือนแบบเดิม คุณอาจกำลัง ‘กดเพดานอนาคต’ ขององค์กรโดยไม่รู้ตัว
ในโลกที่ “คนเก่ง” สร้างความต่างได้เป็นร้อยเท่า…และโลกธุรกิจที่เปลี่ยนเร็วเกินกว่าจะให้โอกาสคุณเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป…
จะไม่มีใครตำหนิคุณที่ “กล้าลงทุนในคนที่ใช่”…แต่คุณจะเสียใจที่ “ปล่อยให้เขาหลุดมือ” ไปเพียงเพราะ “คุณจ่ายไม่ถึง”
เพราะสุดท้าย…ความสามารถในการ “เห็นคุณค่า” และ “กล้าจ่ายเพื่ออนาคต” ต่างหากคือ “ความกล้าแบบผู้นำที่แท้จริง”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#3H1LforPeople
#InvestInTalent
#HRต้องกล้า
#องค์กรต้องเติบโต
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
