13 พ.ค. เวลา 18:41 • กีฬา

เทพเจ้าลูกหนังของชาวอาร์เจนติน่า

คงไม่มีใครลืมภาพของกัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่าที่เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมชาติอังกฤษถึงห้าคนเข้าไปยิงประตูที่สองในฟุตบอลโลกปี 1986 รอบแปดทีมสุดท้ายที่ประเทศเม็กซิโก ในฟุตบอลโลกครั้งนั้นดิเอโก้ มาราโดน่าเป็นผู้ที่ได้ชูถ้วยฟีฟ่าเวิร์ดคัพเป็นแชมป์โลกสมัยที่สองของทีมชาติอาร์เจนติน่า
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 ดิเอโก้ มาราโดน่าจากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยอาการหัวใจล้มเหลวขณะนอนหลับ ด้วยอายุ 60 ปี ท่ามกลางความตกใจและเสียใจของผู้คนทั้งโลกโดยเฉพาะชาวอาร์เจนติน่าที่ยกย่องนับถือเขาดังเป็นพระเจ้า ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลบางคนกล่าวว่าดีเอโก้ มาราโดน่าเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกเคยมี เขาเก่งกว่าแม้กระทั่งเปเล่ไข่มุกดำของบราซิล แต่อย่างไรก็ตามทั้งมาราโดน่าและเปเล่ก็ได้รับการยกย่องจากฟีฟ่าว่าเป็นสองนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของศตวรรษที่ 20
ด้วยความสามารถเหนือมนุษย์ทั้งการควบคุมบอล การผ่านบอล ทักษะในการเลี้ยงบอล เขามีความสูงเพียง 165 เซ็นติเมตรทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและเคลื่อนที่ได้ดีกว่านักฟุตบอลคนอื่นๆ ความเป็นผู้นำของเขามีอิทธิพลต่อเพื่อนร่วมทีมรวมทั้งคุณภาพในการเล่นของทีม และเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเตะฟรีคิกอย่างหาคนสู้ได้ยาก ด้วยความเก่งของมาราโดน่าเขาได้ถูกเรียกขานชื่อเล่นว่า The Golden Boy
ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า เกิดวันที่ 30 ตุลาคม 1960 ที่เมืองลานุสประเทศอาร์เจนติน่า เส้นทางฟุตบอลของเขาเริ่มจากทีมเยาวชนของสโมสรอาร์เจนติโนสจูเนียร์เมื่ออายุ 12 ปี เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุเพียง 15 ปี เป็นนักฟุตบอลอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เจนติน่าที่ได้ลงเล่น ต่อมาปี 1981 มาราโดน่าย้ายไปเล่นให้กับสโมสรโบคาร์จูเนียร์ และช่วยให้ทีมโบคาร์จูเนียร์ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลลีกได้เป็นครั้งแรก
ต่อมาเมื่อปี 1982 หลังฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่สเปน มาราโดน่าย้ายไปเล่นให้สโมสรยักษ์ใหญ่ บาร์เซโลน่าของสเปนด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในขณะนั้นคือ 5 ล้านปอนด์ ต่อมาปี 1984 มาราโดน่าย้ายไปเล่นให้ทีมนาโปลีในอิตาลีด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกอีกครั้ง 6.9 ล้านปอนด์ มาราโดน่าประสบความสำเร็จมากกับนาโปลี เขาช่วยให้นาโปลีได้แชมป์ลีกของอิตาลีถึงสองสมัย ซึ่งก่อนหน้านั้นฟุตบอลของอิตาลีจะตกอยู่ใต้เงาของมหาอำนาจอย่าง เอซีมิลาน จูเวนตุส อินเตอร์มิลานและโรม่า
ที่นาโปลีถือเป็นช่วงที่อาชีพนักฟุตบอลของมาราโดน่าขึ้นถึงจุดสูงสุดและเป็นช่วงเวลาที่ทีมนาโปลีประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่นาโปลีมาราโดน่าเล่นในทีมเดียวกับคาเรก้าศูนย์หน้าทีมชาติบราซิล ต่อมานาโปลีได้ยกเลิกเสื้อหมายเลข 10 เพื่อเป็นเกียรติกับมาราโดน่า
แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในอาชึพกับนาโปลีแต่มาราโดน่าก็มีปัญหาส่วนตัวในเรื่องของการใช้ยาเสพติด การเสพโคเคนทำให้มาราโดน่าถูกพักการเล่นฟุตบอลไปถึง 15 เดือน รวมทั้งถูกสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับมาเฟียอิตาเลียนคนหนึ่ง ปี 1992 หลังจากพันโทษแบนมาราโดน่าย้ายไปเล่นให้ทีมเซบีย่าในสเปนด้วยสัญญา 1 ปี หลังจากนั้นปี 1993 เขาย้ายไปเล่นให้ทีมนีเวลล์โอลด์บอยในอาร์เจนติน่าและย้ายกลับไปเล่นให้โบคาร์จูเนียส์ในปี 1995
ในการเล่นให้กับทีมชาติ มาราโดน่าติดทีมชาติ 91 ครั้งทำประตูได้ 34 ประตู มาราโดน่าติดทีมชาติครั้งแรกปี 1977 เมื่ออายุ 16 ปี แต่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1978 ที่อาร์เจนติน่า มาราโดน่าก็ต้องผิดหวังเมื่อเขาถูกตัดออกจากทีมชาติก่อนการแข่งขัน ทำให้ไม่มีโอกาสได้ร่วมความสำเร็จกับทีมชาติอาร์เจนติน่าที่ได้เป็นแชมป์โลกในครั้งนั้น
ฟุตบอลโลกปี 1982 ที่ประเทศสเปน มาราโดน่าได้เข้าแข่งขันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ทีมชาติอาร์เจนติน่าไม่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ มาราโดน่าตกเป็นเป้าหมายของการตามเตะเพื่อทำฟาวล์โดยทีมคู่แข่งจนเล่นไม่ออก ในการแข่งขันในรอบสองอาร์เจนติน่าพ่ายต่ออิตาลีที่ได้เป็นแชมป์โลกในครั้งนั้น 1 – 2 ประตูและพ่ายต่อบราซิลในนัดต่อมา 0 - 3 ประตู การแข่งขันกับบราซิลเต็มไปด้วยความรุนแรงมาราโดน่าถูกทำฟาวล์บ่อยครั้งจนคุมอารมณ์ไม่อยู่เขาถูกใบแดงไล่ออกในนัดนั้น
ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก มาราโดน่าเป็นกับตันทีมชาติอาร์เจนติน่าพวกเขาผ่านรอบคัดเลือกมาถึงรอบน็อคเอ้าท์และเอาชนะทีมชาติอุรุกวัยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายอาร์เจนติน่าของดิเอโก้ มาราโดน่าโคจรมาเจอกับทีมชาติอังกฤษ ประตูแรกของอาร์เจนติน่าเกิดจากการใช้มือของมาราโดน่าชกบอลข้ามตัวปีเตอร์ ชิลตันเข้าประตูไปแต่ผู้ตัดสินมองไม่ทันและให้ประตูกับอาร์เจนติน่า ภายหลังมาราโดน่าบอกว่าเขาทำประตูนี้ได้ด้วยหัตถ์ของพระเจ้า
ส่วนประตูที่สองคือประตูที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก มาราโดน่าได้บอลจากกลางสนามเลี้ยงบอลหลบผู้เล่นอังกฤษห้าคนจังหวะสุดท้ายหลบปีเตอร์ ชิลตันและส่งบอลเข้าประตูไป อาร์เจนติน่าชนะอังกฤษ 2-1 เข้าไปพบกับเบลเยี่ยมในรอบรองชนะเลิศ มาราโดน่าทำอีกสองประตูให้อาร์เจนติน่าเอาชนะเบลเยียมไปได้และได้เข้าชิงชนะเลิศกับทีมชาติเยอรมันตะวันตก
ในรอบชิงชนะเลิศทีมชาติอาร์เจนติน่าชนะเยอรมันตะวันตก 3-2 ประตู ได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนั้นมาราโดน่าได้รับรางวัลฟุตบอลทองคำในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยมด้วย
ในฟุตบอลโลกครั้งต่อมาในปี 1990 มาราโดน่านำทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้าไปพบกับเยอรมันตะวันตกอีกครั้งในรอบชิงขนะเลิศ แต่ครั้งนี้เยอรมันตะวันตกเอาชนะไป 1-0 อาร์เจนติน่าได้แค่ตำแหน่งรองแชมป์โลก ในฟุตบอลโลกครั้งต่อมาที่สหรัฐอเมริกาปี 1994 มาราโดน่าลงเล่นให้อาร์เจนติน่าได้เพียงสองนัดก็ต้องออกจากการแข่งขันเพราะถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้น
หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลในปี 1998 มาราโดน่าหันไปทำอาชีพเป็นโค้ชให้กับทีมสโมสรหลายสโมสรแต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก มาราโดน่ามีโอกาสได้คุมทีมชาติอาร์เจนติน่าในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2010 ที่ประเทศอาฟริกาใต้ แต่ก็ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยพ่ายแพ้ต่อทีมชาติเยอรมนี 0 - 4 ประตู
หลังจากเลิกอาชีพโค้ชมาราโดน่ามีปัญหาสุขภาพมาโดยตลอด เขาประสบปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวถึงขนาดเคยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร มีปัญหาเรื่องปอดและการติดเหล้า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 ก่อนเสียชีวิตมาราโดน่าเข้ารับการฝ่าตัดสมองเนื่องจากเส้นเลือดตีบ เมื่อออกจากโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นที่บ้านได้ไม่กี่วัน ดิเอโก้ มาราโดน่าก็เสียชีวิตอย่างสงบจากอาการหัวใจล้มเหลว นั่นคือวันสุดท้ายในชีวิตของเทพเจ้าลูกหนังของชาวอาร์เจนติน่า
โฆษณา