15 พ.ค. เวลา 04:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"Oshi no Ko: The Final Act - ดาวหม่นบนฟากฟ้าไกล"

ในห้วงเวลาที่เรารักและอิน
กับเรื่องราวบางอย่างจนสุดหัวใจ
เลยพาให้อยากล่องลอยดื่มด่ำ
สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นมา
ไม่ว่าจะมีการสร้างเวอร์ชันใดให้ได้ชม
ซึ่งสำหรับผม เรื่องราวแห่ง
"Oshi no Ko: เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ"
นั้นเต็มไปด้วยความหมาย
ผ่านตัวละคร บทเพลง
และความทรงจำมากมาย
ที่นึกถึงทีไรก็รู้สึกผูกพันเสมอ
ทั้งนี้ก่อนจะเข้าเนื้อหา
อยากบอกว่าบทความนี้
เหมาะกับคนที่ดูเรื่องนี้
ฉบับซีรีส์คนแสดงใน Prime Video
จบครบทุกตอนเรียบร้อย
หรือได้อ่านมังงะมาทุกเล่ม
หรือดูเมะ SS2 จบแล้ว
หลบสปอยล์ที่อื่นไม่พ้น (แบบผม)
จนต้องมาดูแบบรวบรัดเลยให้รู้
ก็อ่านได้สบายหายห่วงครับ
กับหนังภาคต่อ "The Final Act"
ที่ดำเนินเรื่องคู่ขนานและต่อจากซีรีส์
สื่งแรกเลยที่คว้าใจไปได้คือ
ความยิ่งใหญ่ของโปรดักชัน
ทั้งแสง สี เสียงอลังการงานสร้าง
คือถ่ายทำสวยและให้อารมณ์ศิลป์มากๆ
ราวกับกำลังดูหนังกึ่งสารคดีก็ว่าได้
อีกทั้งด้านซาวด์ดนตรีไอดอลก็ดีมากๆ
จนอยากลุกมาควงแท่งไฟ 3 สีให้รู้แล้วรู้รอด
พร้อมใส่อารมณ์ขบขนชวนหัวเราะตามได้
มากกว่าต้นฉบับที่เน้นดราม่า
ผสมผสานกับเหล่านักแสดง
ที่เหมือนเป็น "ภาพขยาย" ให้เราได้
เห็นมิติที่ใหญ่ขึ้นของตัวละคร
ผ่านสีหน้า แววตา อารมณ์
ผสมกับท่วงทำนองแห่งไอดอล
อันซุกซ่อนไปด้วยปมคดีฆาตกรรม
ตรงนี้ยอมรับว่าทำถึงจริง
เป็นมิติที่สื่อความเป็นมนุษย์
ให้เด่นชัดขึ้นมาในแบบที่
มังงะ อนิเมะให้ได้ไม่เท่า
อันนี้เลิศ ทุกคนเล่นดีมาก
"อควา" ขรึม เท่ เย็นชา
ส่งอารมณฺโกรธ เศร้า เหงา
เจ็บปวดออกมา
จนดูแบกโลกไว้ทั้งใบจริงๆ
"รูบี้" ดูมีเสน่ห์ สดใส
พร้อมเต็มไปด้วยคุณสมบัติทุกสิ่ง
ในความเป็นไอดอลสาวมากเอเนอจี้
ล้นทะลักออกมานอกจอ
"คานะ" แก่นแก้ว แพรวพราว
เป็นสาวปากแซ่บ แต่ลึกๆ ก็ซึน
และเต็มไปด้วยความใส่ใจ
คาแรคเตอร์นักแสดงคือใช่เลย
"อาคาเนะ" สวย คม
เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
และความเอาจริงเอาจังแบบต้นฉบับ
พร้อมความมืดหม่นที่แผ่ซ่านออก
ผ่านการแสดงแบบมืออาชีพเต็มๆ
"อิจิโกะ-มิยาโกะ" สองสามีภรรยา
ผู้เปรียบได้กับพ่อแม่แท้ๆ ของรูบี้ อควา
ก็ถอดแบบออกมาได้ดี ดูเป็นผู้ใหญ่
ที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิง
และครอบครัวอีกคนของทั้งสองเลย
เช่นกันกับ ผกก. มาดกวน "โกทันดะ"
โคตรจะถอดแบบมาเลย เซอร์ๆ เท่ๆ
และมีความเป็นตัวเองชัดเจน
"คุณหมอโกโร่" เวอร์ชั่นนี้
ที่สาดความเป็นโอตาคุเต็มที่
พร้อมเรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งโรง
แบบไม่ได้เห็นจากต้นฉบับก็น่ารักดี
สำคัญคือความรักอันบริสุทธิ์ที่เขามี
ให้ผู้หญิงสองคนซึ่งเปรียบได้กับ
ดวงดาวอันพร่างพราว
เปลี่ยนชีวิตอันเงียบงันพลันมีสีสัน
และความผูกพันขึ้นมา
รวมถึงน้อง "ซารินะ"
ก็แสดงออกมาได้น่ารัก
สดใส สมวัย ป่วยคือป่วยจริง
ปล่อยหน้าซีดเซียวโทรมให้เห็นไปเลย
ที่สำคัญคือ "โฮชิโนะ ไอ"
อยากจะปรบมือดังๆ ให้คุณ
"Saito Asuka" อดีตไอดอล
แห่ง "Nogizaka46" หนึ่งใน
วงชื่อดังแดนปลาดิบที่สามารถ
แสดงออกมาเหมือนไม่ได้แสดง
ทำให้รู้สึกว่าเธอคือไอจริงๆ
ทั้งลุค คาแรคเตอร์ หุ่นดี
ตากลม ผมยาว และเหมือน
มีดวงดาวอยู่ข้างในดวงตาจริง
แม้ไม่ได้ใส่ Effect ลงไปก็ตาม
เพียบพร้อมด้วยความเป็นไอดอลนิยม
ทั้งท่วงท่า ออร่า สีหน้า แววตา
พร้อมอารมณ์ที่ผสมทั้งดราม่า สับสน
ว่างเปล่า เงียบเหงา ไม่แน่ใจตัวเอง
มีชีวิตก็เหมือนไม่มี
ตลกร้ายแต่จริงที่ว่าเด็กสาวสวย
ผู้มีนามว่า "ไอ" ซึ่งแปลว่ารักในภาษาญี่ปุ่น
แต่กลับไม่คุ้น ไม่รู้ความหมายแท้จริงของคำนี้เลย
จนได้แต่ "โกหก" ต่อไปเพียงหวังให้
สักวันมันจะจริงขึ้นมา
อีกจุดที่ผมชอบมากๆ
คือการฉายภาพ "Side Stories"
แบบไม่เคยเห็นมาก่อนในซีรีส์
หรือไม่มีในอนิเมะต้นฉบับเลย
(มังงะไม่แน่ใจ ขอละไว้ละกัน)
แต่ที่แน่ๆ มันทำให้เราผูกพัน
และเข้าใจตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม
ในหลายมิติแง่มุม ซึ่งถ้านำไปประกอบ
กับอนิเมะเดิมคงเป็นภาพจิ๊กซอว์ที่สมบูรณ์
และที่สำคัญคือหนังทำหลายฉากหลายตอน
แบบเคารพต้นฉบับได้ดีทีเดียว
มีทั้งจุดต่างที่เหมือนและจุดเหมือนที่ต่าง
จากความแฟนตาซีในอนิเมะมาเป็น
ความเข้มข้นเอาจริงเอาจังขึ้น
ในโลกแห่งการทำงานวงการบันเทิง
อันมืดเทาและฉาบไปด้วยคำโกหกมากมาย
อย่างไรก็ตาม หนังภาคนี้
ที่ตั้งใจนำเสนอ "จุดเริ่มต้น"
ที่จะนำไปสู่ "จุดจบ" ของเรื่อง
กลับเต็มไปด้วย "แผลใหญ่" มากมาบ
ซึ่งหากใครได้ดูซีรีส์มาก่อนแล้ว
คงรู้สึกเจ็บปวดและเสียดายไม่ต่างกัน
เพราะการนำเนื้อหาเดิมจากต้นฉบับ
ที่มีหลายเล่ม หลายซีซั่นด้วยกัน
มาเรียบเรียงใหม่ในกรอบเวลาที่มี
จำกัดและอัดแน่นเหลือเกิน
อย่างซีรีส์ที่มีแค่ 8 ตอนรวดเดียว
แล้วส่งไม้ต่อให้หนังรับจบเลย
ก็ยิ่งเห็นถึงความเสี่ยงครั้งใหญ่ตามมา
เพราะแม้จะได้โปรดักชั่นอลังการ
และพลังจากนักแสดงมาช่วยนำ
แต่สิ่งสำคัญที่ "หายไป" แบบน่าเสียดาย
คือหัวใจต่างๆ ใน "ระหว่างทาง"
ซึ่งคอยรับส่งให้เราอินกับตัวละครอย่างแท้จริง
ไม่ว่าจะเป็นการค่อยๆ ปล่อยปมสืบสวน
อย่างแยบยล และเต็มไปด้วยความยากเย็น
ตามด้วยโมเมนต์แห่ง
การแข่งขันในวงการบันเทิง
ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งเขี้ยวลากดิน
โหดหิน โหดร้าย ไม่ปราณีใคร
ส่งให้ "คานะ-อาคาเนะ" ต่างทุ่มเท
ใส่สุดฝีมือในทุกเสี้ยววินาทีที่ได้แสดง
ประชันบทบาทกันไปมา
รวมถึงห้วงเวลาแห่งความรัก
ระหว่างครอบครัวที่ลึกซึ้ง
เกินคำโกหกใดๆ จะมาทดแทน
และความรักอันสดใส แนบแน่น
น่ารัก น่าลุ้น ตามวัยหนุ่มสาว
จนเรือแดงน้ำเงินผลัดกันแล่น
ชวนฟินจิกไม่หยุดเลย
กระทั่งเส้นทางความฝันแห่งไอดอล
กับการรับมรดกช่วงต่อของวงในตำนาน
"B-Komachi" จากรุ่นสู่รุ่น
ความศักดิ์สิทธิ์และความพยายาม
ยากลำบากจน 3 สาวสายตัวแทบขาด
ตรงนี้ก็แอบเบาบางไม่สมมง
ใดๆ ใครที่รักเรื่องนี้เหมือนกัน
ก็ยังแนะนำให้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง
ว่า "ดาวอีกดวง" ผ่านการตีความอีกมุม
จะออกมาเป็นยังไง ส่วนตัวร้ายฮิคารุ
ผมขอเก็บไว้พูดทีเดียวตอนดูเมะจบละกัน
🎤 "Oshi no Ko: The Final Act"
วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์ครับ
โฆษณา