18 พ.ค. เวลา 12:49 • ท่องเที่ยว

พิพิธภัณฑ์เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า

การเดินทางไปยโสธรในครั้งนี้ นอกจากเพื่อร่วมพิธีเปิดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี ๒๕๖๘ แล้ว ความตั้งใจหลักคือตั้งใจจะไปเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า” ที่ทางเทศบาลเมืองยโสธร ที่ได้ทำการปรับปรุงตกแต่งจัดแสดงนิทรรศการเสร็จเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่เปิดโอกาสให้คนเข้าชมได้กันก่อนที่จะกำหนดเปิดเป็นทางการอีกที
บ้านสิงห์ท่า เป็นที่ตั้งชุมชนแรกเริ่มของผู้คนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานเมื่อ ๒๕๐ กว่าปีที่แล้ว ก่อนจะได้รับการยกฐานะเป็นเมืองสิงห์ท่า เป็นเมืองยศสุนทร และยโสธรในที่สุด
พิพิธภัณฑ์เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ยโสธร ตั้งอยู่ใจกลางของบ้านสิงห์ท่า อยู่ฝั่งตรงข้ามศาลหลักเมืองยโสธร ตัวอาคารเป็นตึกสองชั้นสีขาวในแบบโคโลเนียล หรืออาจเรียกแบบชิโนโปรตุกีสก็ได้ กลมกลืนกับหมู่ตึกแถวในรูปแบบเดียวกันที่มีกระจายอยู่ในบริเวณเมืองเก่าแห่งนี้
การปรับปรุงออกแบบตกแต่งพิพิธภัณฑ์ในครั้งนี้ทางเทศบาลเมืองยโสธรเล่าให้ฟังว่า ได้ทีมที่มีประสบการณ์ทำพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก พญานาคและถ้าฟังไม่ผิดเคยทำมิวเซียมสยามมาแล้ว เป็นผู้ดำเนินการภายในจึงมีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดวางและเทคนิคการนำเสนอแบบสมัยใหม่
เดินเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์จุดแรกที่จะเจอ คือ โซนประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารและจุดจำหน่ายของที่ระลึก ด้านหลังจะมีห้องแสดงข้อมูลสถานที่สำคัญต่างๆในบริเวณเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ในรูปแผนที่ ที่ผู้ชมสามารถกดดูข้อมูลได้
เดินไปทางด้านขวาจะมีห้องที่ทำเป็นโรงหนังแบบสมัยก่อน ด้านในมีเก้าอี้ไม้แบบพับขึ้นลงให้นั่งชมภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราว ความเป็นมาและเป็นไปของบ้านสิงห์ท่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ภายในห้องโถงชั้นล่างหน้าห้องโรงหนัง จะเป็นส่วนนิทรรศการจัดแสดงประวัติความเป็นมาของบ้านสิงห์ท่า
เดินขึ้นไปบนชั้นสองจะเป็นพื้นที่แสดงเร่ืองราวของเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายของเมือง มีแนะนำสินค้า สถานที่ค้าขายที่สำคัญของเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า รวมทั้งแนะนำถึงบุคคลสำคัญในอดีตของชุมชนแห่งนี้
การเดินเที่ยวชมและศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ให้ได้อรรถรสและรายละเอียดครบถ้วนต้องใช้เวลา อย่างน้อย ๑ ชั่วโมง
ใครมีโอกาสไปจังหวัดยโสธรก็อย่าพลาด การไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าแห่งนี้ที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวจังหวัดยโสธรแล้ว หากใครมีเวลา ๑ หรือ ๒ วัน สามารถเดินทางไปเที่ยวตัวเมืองและอำเภอใกล้เคียงได้อย่างสบายๆ
เพราะบริเวณเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าและรอบๆ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปอีกหลายๆที่่
ถ้าเอาพิพิธภัณฑ์เมืองเก่าเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ในบริเวณเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าซึ่งมีลักษณะผังเป็น จัตุรัสสี่เหลี่ยม ยังมีสถานที่สำคัญน่าไปเที่ยวชมอีกหลายจุด เริ่มจากฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์เมืองเก่่าบ้านสิงห์ท่า ก็จะเป็น ศาลหลักเมืองหรือศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
1
ศาลหลักเมืองของยโสธร จะมี ๓ เสา มีประวัติเป็นส่วนหนึ่งของการตั้งถิ่นฐานบ้านสิงห์ท่าตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวอาคารศาลหลักเมืองถ้าสังเกตให้ดีจะมีศิลปะอยู่ถึง ๓ วัฒนธรรมคือ ลาว ไทยและจีน
จากศาลหลักเมืองเดินไปทางซ้ายมือ จะเป็นวัดสิงห์ท่าซึ่งควรเข้าไปสักการะพระสิงห์ฤทธิปราบปวงมาร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ค้นพบตั้งแต่มาตั้งบ้านสิงห์ท่า และชมรูปหิน “สิงห์ท่า” ซึ่งเป็นตำนานที่มาของชื่อบ้านสิงห์ท่า
จากวัดสิงห์ท่า เดินออกจากประตูวัดไปทางขวา เดินตรงไปจะเจอเจดีย์เก่า “เจดีย์วัดสิงห์ท่า” เป็นเจดีย์เก่าที่สร้างขึ้นในภายหลังที่ตั้งบ้านสิงห์ท่าแล้ว
เจดีย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานกับกรมศิลปากร และได้มีการบูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี ๒๕๔๕ โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรในขณะนั้น (นายสุธี มากบุญ) ได้บอกเล่าให้ฟังว่าในการบูรณะได้มีการนำสิ่งของมงคลและวัตถุสิ่งของของอดีตเจ้าเมืองยโสธร ซึ่งได้รับมอบจากท่านอัยการบำเพ็ญ ณ อุบล นำมามอบให้เก็บรักษาไว้ที่ศาลากลางจังหวัด เมื่อมีการบูรณะเจดีย์วัดสิงห์ท่าจึงได้ขออนุญาตบรรจุสิ่งของเหล่านั้นไว้ในองค์เจดีย์เพื่อเป็นสมบัติของเมืองยโสธร
1
จากเจดีย์วัดสิงห์ท่า เดินย้อนกลับมาหน้าประตูวัดสิงห์ท่า เดินเลี้ยวขวาไปจะเป็นแนวอาคารชิโนโปรตุกีส เรื่อยไปจนถึงสี่แยก จะมีอาคารแบบชิโนโปรตุกีสที่สวยงามอยู่ตรงด้านขวาของสี่แยก เป็นจุด check in ถ่ายรูป
ถ้าเดินข้ามแยกตรงไป เลยอาคารชิโนโปรตุกีส จะมีโรงหนังเก่า ซึ่งตอนนี้ได้มีการปรับปรุงเพื่อเปิดสถานที่เที่ยวชมอีกแห่งหนึ่งของเมืองเก่า ชื่อ “สิงห์ท่าเธียเตอร์” ซึ่งทราบมาว่าในอนาคตจะเป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ และเป็น art gallery
จากสิงห์ท่าเธียเตอร์ เดินย้อนกลับมาสี่แยกแล้วเลี้ยวไปทางขวามือจะไปเจอ “บ้านดิน” เก่าแก่ ซึ่งเมื่อ ๑๑๐ ปีที่แล้ว สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงบันทึกถึงไว้ในหนังสือ “การเสด็จตรวจราชการหัวเมือง” ไว้ว่า “..ในตัวเมืองยโสธรมีถนนใหญ่เป็นทางสี่แยก ริมถนนใหญ่เป็นทางสี่แยกมีร้านเป็นตึกดิน..”
ถัดจากจัตุรัสเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าไป ยังมีสถานที่สำคัญที่ควรไปเที่ยวชม คือ วัดมหาธาตุ เพื่อสักการะพระธาตุพระอานนท์ซึ่งมีแห่งเดียวในไทย และพระพุทธบุษยรัตน์ พระประจำเมืององค์ที่เล็กที่สุดในไทยมีขนาดเพียง ๑.๙ นิ้ว และชมหอไตรกลางน้ำ
ฝั่งที่ติดแม่น้ำชี จะมีวัดศรีธรรมาราม ซึ่งในวัดจะมีพระสุกประดิษฐานอยู่ให้กราบสักการะ และยังมีใบเสมาโบราณที่ตั้งอยู่ในวัดให้ได้ชม
อีกทีหนึ่งถัดจากวัดศรีธรรมาราม คือ ที่ตั้งอนุสาวรีย์พระสุนทรราชวงศา เจ้าเมืองยโสธรคนแรก บริเวณบุ่งน้อย บุ่งใหญ่ ติดริมน้ำชี
สุดท้ายที่ต้องไม่พลาด ห่างจากเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าออกมาหน่อย คือ “วิมานพญาแถน” แลนด์มาร์กของจังหวัดยโสธร ริมลำทวน ซึ่งจะมีพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก พิพิธภัณฑ์พญาคาก และองค์พญาแถนอยู่ให้สักการะ ที่วิมานพญาแถนนี้ถ้าไปตอนเช้าหรือเย็นๆ เดินริมน้ำก็จะได้ชมบรรยากาศลมเย็นๆ อ่อนๆ ริมน้ำ ให้สัมผัส
การเดินทางมายโสธรที่ใช้เวลาน้อยที่สุด คือ การเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งมีให้เลือกจะไปลงที่สนามบินร้อยเอ็ด หรืออุบลราชธานี ถ้าเลือกที่ใกล้กว่าก็คงเป็นสนามบินร้อยเอ็ด ถ้ามาทางร้อยเอ็ด ก็อาจจะได้ไปแวะเที่ยวหอโหวด ที่เมืองร้อยเอ็ดได้ด้วย
จากสนามบินร้อยเอ็ดเดินทางมาตัวเมืองยโสธรใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ถ้ามีเวลา ๒ วัน มาเสาร์อาทิตย์ก็จะเที่ยวในเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่าและตัวเมืองยโสธรได้ครบ และอาจมีเวลาไปเที่ยวธาตุก่องข้าวน้อย หรือไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก ที่อำเภอมหาชนะชัย หรือไปเที่ยวชมเลือกซื้อหมอนขิดที่หมู่บ้านหมอนขิด บ้านศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว ได้ด้วย
 
เล่าเรื่องโดย นาย BT
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา