Quiet Firing = กลยุทธ์ “บีบให้ออกแบบเงียบๆ” ที่อาจทำลายทั้งคน และชื่อเสียงองค์กร
ในวันที่เศรษฐกิจโลกยังสั่นคลอน และบริษัททั่วโลก—including องค์กรเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Meta, Amazon—ยังคงประกาศ Layoff ต่อเนื่อง บทสนทนาเรื่อง “เลิกจ้าง” กลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในทุกวงการ ทว่า มีอีกหนึ่งวิธีที่ไม่ได้ถูกพูดถึงในวงกว้างเท่าที่ควร คือ “Quiet Firing” หรือการที่องค์กรค่อยๆ บีบพนักงานให้ลาออกเอง—โดยไม่ต้องออกหนังสือเลิกจ้าง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และไม่ทิ้งคราบด่างในสายตาสาธารณะ
ฟังดูเหมือนเป็นทางลัดที่ “ฉลาด” และ “รัดเข็มขัด” กว่าการปลดคนออกตรงๆ ใช่ไหมครับ?
แต่อันที่จริง กลยุทธ์นี้อาจย้อนศร สร้างบาดแผลให้กับพนักงาน สั่นคลอนขวัญคนในองค์กร และในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์อย่างรุนแรง
บทความนี้จะพาไปสำรวจว่า Quiet Firing คืออะไร มีลักษณะอย่างไร? เสี่ยงแค่ไหน และทำไมผู้นำองค์กรจึงควรคิดให้รอบคอบก่อนเดินเกมนี้
⸻
📌 Quiet Firing คืออะไร?
นิยามง่ายที่สุด: การที่หัวหน้า “กดดันพนักงานให้ลาออก” โดยไม่พูดตรงๆ ว่า
“คุณไม่เหมาะกับที่นี่”
Quiet Firing ต่างจาก Layoff ตรงที่มันเงียบ ไม่มีหนังสือเลิกจ้าง และดูเหมือนพนักงานลาออกเอง ทั้งที่ในหลายกรณี เขา “ถูกบีบ” ทางอ้อมจนไม่สามารถอยู่ต่อได้ เช่น ถูกกันออกจากงานสำคัญ, ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน, ถูกโยนงานเกินขีดจำกัด, หรือเจอกับเป้าหมายที่ไม่มีทางทำได้สำเร็จ
Caroline Castrillon คอลัมนิสต์จาก Forbes สรุป “10 สัญญาณอันตราย” ของ Quiet Firing ไว้อย่างน่าคิด และประสบการณ์ของพนักงานทั่วโลกต่างสะท้อนตรงกัน—Quiet Firing กำลังเกิดขึ้นจริง และมากกว่าที่คิด
⚠️ สัญญาณ Quiet Firing ที่คุณควรจับตา
1. คุณถูกกันออกจากโครงการใหญ่โดยไม่มีคำอธิบาย
2. เป้าหมายงานของคุณถูกตั้งให้สูงจนแทบเป็นไปไม่ได้
3. หัวหน้าเลิกสื่อสารโดยตรงกับคุณ หรือเมินคำขอความช่วยเหลือ
4. ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนหรือโบนัสทั้งที่ทำผลงานได้
5. ถูกโยกไปแผนกที่ไม่ตรงกับความสามารถ
6. ถูกกดดันด้วยคำพูดบั่นทอนบ่อยขึ้น
7. งานที่คุณเคยรับผิดชอบถูกส่งต่อให้คนอื่น
8. คุณไม่ได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงาน
9. หัวหน้าเริ่มตรวจงานละเอียดผิดปกติ หรือจับผิดเล็กน้อย
10. คุณเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกแยกออกจากทีมแบบเงียบๆ
ถ้าคุณพบมากกว่า 3 สัญญาณนี้พร้อมกัน อาจถึงเวลาที่คุณต้องประเมินสถานการณ์ใหม่แล้วล่ะครับ
⸻
🤔 ทำไมบางองค์กรถึงเลือก “บีบให้ออก” แทนที่จะ “เลิกจ้างตรงๆ”?
คำตอบหลักๆ มี 3 ข้อ
1. หลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
กฎหมายแรงงานไทยกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานหากเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดร้ายแรง (มาตรา 118 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน) แต่ถ้าพนักงานลาออกเอง นายจ้างไม่ต้องจ่าย
2. ลดความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์
การปลดคนล็อตใหญ่ สร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งใน-นอกองค์กร แต่ Quiet Firing ทำให้ทุกอย่าง “ดูเงียบๆ” เหมือนทุกอย่างปกติ
3. บีบออกโดยไม่ต้องมีหลักฐานผิด
หากพนักงานไม่ได้ทำผิดร้ายแรงแต่ผู้บริหาร “ไม่อยากเก็บไว้” Quiet Firing จึงกลายเป็นทางลัดที่สะดวกกว่า
⸻
⚖️ แล้วผิดกฎหมายไหม? — กฎหมายไทยว่าอย่างไร
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเจตนา และพฤติกรรมที่พิสูจน์ได้ ว่าเป็นการ “บีบให้ออก” จริงหรือไม่?
แนวคำพิพากษาศาลฎีกา เช่น คำพิพากษาที่ 4052/2548 ชี้ว่า หากพนักงานสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ลาออกโดยสมัครใจ แต่เป็นผลจากแรงกดดันจากนายจ้าง ศาลอาจตีความว่าเป็น “การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม” และมีสิทธิเรียกค่าชดเชยได้ตามกฎหมาย
ในเชิงกฎหมายสากล นี่คือรูปแบบหนึ่งของ Constructive Dismissal หรือ การเลิกจ้างโดยปริยาย
⸻
🔥 คุ้มไหมในระยะยาว?
คำตอบคือ “ไม่”….แม้จะประหยัดค่าใช้จ่ายระยะสั้น แต่ผลกระทบระยะยาวนั้นรุนแรงกว่าที่หลายองค์กรคาด
1. กระทบขวัญพนักงานที่ยังอยู่
พนักงานที่เหลือจะเริ่มไม่ไว้ใจองค์กร หรือรู้สึกไม่มั่นคง
2. Employer Branding พัง
แพลตฟอร์มอย่าง Glassdoor หรือกลุ่มสังคมอาชีพใน Facebook/LinkedIn เป็นช่องทางเปิดโปงพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรม และเรื่องพวกนี้ “ไปไวกว่าที่คิด”
3. ดึงดูด Talent ไม่ได้
ในตลาดแรงงานที่การแข่งขันดุเดือด การที่องค์กรมีชื่อเสียง “ไล่คนออกแบบไม่เป็นธรรม” จะกลายเป็นจุดอ่อนทันที
⸻
✅ แล้วองค์กรควรทำอย่างไร?
การ “ปรับโครงสร้าง” หรือ “ลดคน” ไม่ใช่เรื่องผิด หากเกิดจากสถานการณ์จำเป็นทางธุรกิจ แต่สิ่งสำคัญคือ “วิธี” ที่ใช้
สิ่งที่ควรทำแทน Quiet Firing
• พูดคุยตรงไปตรงมาอย่างให้เกียรติ
• เสนอแผน Reskilling หรือโยกย้ายภายใน (หากยังมีโอกาส)
• ถ้าเลิกจ้างจริง ควรมีแพ็กเกจชดเชยที่เหมาะสมตามกฎหมาย
• ให้บริการ outplacement หรือคำแนะนำเรื่องการหางานใหม่
ทั้งหมดนี้จะไม่เพียงช่วยให้พนักงานจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี แต่ยังช่วยให้องค์กรรักษาความเป็นมนุษย์ในวัฒนธรรมการทำงาน
⸻
🧭 การ “จัดการคน” คือภาพสะท้อน “จริยธรรม” ขององค์กร
ในวันที่องค์กรทุกแห่งต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ความกดดัน และต้นทุนที่สูงขึ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรถูกตัดทิ้งคือ “ความเป็นมนุษย์”
Quiet Firing อาจดูเป็นกลยุทธ์เฉียบคมในเชิงตัวเลข แต่ในความเป็นจริง มันคือการบั่นทอนความไว้ใจในองค์กร และอาจทำลายชื่อเสียงที่สะสมมาหลายปีในพริบตา
และเหนือสิ่งอื่นใด…
วิธีที่องค์กรปฏิบัติกับพนักงานในวันที่ยากที่สุด จะกลายเป็นตัวตัดสินว่า องค์กรนั้นคือผู้นำที่แท้จริง หรือแค่ผู้ถืออำนาจที่ไร้หัวใจ
ขอให้ทุกการตัดสินใจเกี่ยวกับ “คน” ตั้งอยู่บน “ความเข้าใจ” ไม่ใช่แค่ “ตัวเลข”
⸻
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#QuietFiring
#EmployerBranding
#HRStrategy
#จริยธรรมองค์กร
#แรงงานไทย
#บทความแรงงาน
#ResilientLeadership
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
