24 พ.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

ทำความรู้จักเภสัชกรเฉพาะทางสาขาโรคไต: เพื่อนคู่คิดพิชิตโรคไตเรื้อรัง

โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease - CKD) เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมหาศาลทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ป่วยกว่า 35.5 ล้านคน และน่าตกใจที่ว่า 9 ใน 10 คนที่มีภาวะนี้ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังป่วยอยู่ ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวยอดฮิตอย่างเบาหวานและความดันโลหิตสูง วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า "เภสัชกรเฉพาะทาง" (Specialty Pharmacist) มีบทบาทสำคัญอย่างไรในการช่วยดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
1
ลองนึกภาพนะครับว่าไตของเราเปรียบเสมือนเครื่องกรองน้ำมหัศจรรย์ของร่างกาย ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด ควบคุมสมดุลของเหลวและแร่ธาตุต่างๆ รวมถึงผลิตฮอร์โมนที่จำเป็น แต่เมื่อไตเริ่มทำงานผิดปกติหรือเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ นั่นคือสัญญาณของ "โรคไตเรื้อรัง" ซึ่งน่ากังวลตรงที่ในระยะแรกๆ มักไม่แสดงอาการชัดเจน กว่าจะรู้ตัวก็อาจเข้าสู่ระยะที่รุนแรงแล้ว สาเหตุหลักๆ ก็มาจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ไม่ดี รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุที่มากขึ้น พันธุกรรม หรือการใช้ยาบางชนิดอย่างไม่เหมาะสม
1
แม้ว่าปัจจุบันโรคไตเรื้อรังจะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่เราสามารถชะลอความเสื่อมของไตและรักษาสภาพการทำงานของไตให้ยาวนานที่สุดได้ และนี่คือจุดที่เภสัชกรเฉพาะทางจะเข้ามามีบทบาทสำคัญครับ
1
เภสัชกรเฉพาะทางคือใคร? และแตกต่างจากเภสัชกรทั่วไปอย่างไร?
หลายท่านอาจคุ้นเคยกับเภสัชกรตามร้านขายยาหรือโรงพยาบาลทั่วไป แต่ "เภสัชกรเฉพาะทาง" นั้นจะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการดูแลผู้ป่วยโรคที่ซับซ้อนและต้องใช้ยาที่มีเทคนิคการบริหารยาเฉพาะหรือมีราคาสูง เช่น โรคติดเชื้อบางชนิด โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงโรคไตเรื้อรังด้วยครับ
ร้านยาเฉพาะทาง (Specialty Pharmacy) จะเน้นการให้บริการยาสำหรับภาวะสุขภาพที่รุนแรงซึ่งต้องการการรักษาที่ซับซ้อน เภสัชกรเฉพาะทางเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น ตั้งแต่การให้ความรู้ คำปรึกษา การติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงการประสานงานกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
บทบาทสำคัญของเภสัชกรเฉพาะทางในการจัดการโรคไตเรื้อรัง
1. การให้ความรู้และคำแนะนำเฉพาะบุคคล
เภสัชกรเฉพาะทางจะให้เวลากับผู้ป่วยในการอธิบายเรื่องโรคไตเรื้อรังอย่างละเอียด รวมถึงยาแต่ละชนิดที่ผู้ป่วยได้รับ ทั้งวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง ประโยชน์ของยา ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรับมือ สิ่งสำคัญคือการทำให้ผู้ป่วยเข้าใจภาวะของตนเอง เพราะมีข้อมูลยืนยันว่าความเข้าใจที่ชัดเจนช่วยให้ผู้ป่วยร่วมมือในการใช้ยาได้ดีขึ้น
2. การดูแลการใช้ยาอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง (Medication Adherence)
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมักจะมีหลายโรคประจำตัวร่วมด้วย ทำให้ต้องรับประทานยาหลายชนิด การติดตามการใช้ยาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เภสัชกรเฉพาะทางจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการใช้ยา ป้องกันการใช้ยาซ้ำซ้อน หรือยาที่อาจตีกัน นอกจากนี้ยังช่วยติดตามว่าผู้ป่วยใช้ยาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะการขาดยา โดยเฉพาะยาควบคุมเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไต อาจทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นได้
ยกตัวอย่างเช่น ยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists (GLP-1 RAs) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวานและบางครั้งจัดอยู่ในกลุ่ม "specialty lite" (ยาเฉพาะทางที่เข้าถึงง่ายขึ้น) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยป้องกันหรือชะลอการเสื่อมของไตในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ เภสัชกรเฉพาะทางจะมีบทบาทในการแนะนำวิธีการฉีดยาเหล่านี้ที่ถูกต้อง รวมถึงการจัดการเมื่อลืมฉีดยา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์จากยาสูงสุด
3. การติดตามผลการรักษาและผลข้างเคียงจากยา
เภสัชกรเฉพาะทางจะมีการติดต่อกับผู้ป่วยและแพทย์ผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ เช่น ความดันโลหิต ค่าน้ำตาลสะสม (HbA1c) และค่าอัตราการกรองของไต (eGFR) มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการดูแลโดยเภสัชกรช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควบคุมความดันโลหิตซิสโตลิก (ตัวบน) และระดับฮีโมโกลบินได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสำคัญมากเพราะความดันโลหิตซิสโตลิกที่สูงสัมพันธ์กับการเสื่อมของไตที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะในระยะที่ 3 และ 5
4. การจัดการกับยาที่อาจเป็นพิษต่อไต (Nephrotoxic Drugs)
ยาหลายชนิด ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้เอง (OTC) หรือแม้แต่สมุนไพรบางชนิด ก็อาจส่งผลเสียต่อไตได้ สถาบัน American Academy of Family Physicians ระบุว่ากว่า 20% ของภาวะไตเสียหายอาจมีสาเหตุมาจากยา เภสัชกรเฉพาะทางจะช่วยตรวจสอบยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ทั้งหมด รวมถึงยาที่ใช้รักษาโรคอื่นๆ เช่น ผู้ป่วย HIV ที่อาจได้รับยาที่มีผลต่อไต เภสัชกรจะช่วยระบุยาหรือปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจทำให้การทำงานของไตแย่ลงได้
1
แม้แต่ในกลุ่มยารักษาโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted oncology therapies) เช่น ยากลุ่มยับยั้ง EGFR (eGFR inhibitors) หรือยากลุ่มยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ (anti-angiogenesis inhibitors) ก็อาจรบกวนการทำงานของหลอดเลือดฝอยในไต ทำให้เกิดโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ความดันโลหิตสูง ไตวายเฉียบพลัน หรือแม้แต่โรคไตเรื้อรังได้ เภสัชกรเฉพาะทางจึงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบขนาดยาเริ่มต้น ติดตามการทำงานของไตระหว่างการรักษา และร่วมมือกับทีมแพทย์ในการปรับขนาดยาหรือเปลี่ยนยาหากจำเป็น
5. การให้คำแนะนำเรื่องการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
นอกจากการใช้ยาแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็สำคัญไม่แพ้กัน เภสัชกรเฉพาะทางจะให้คำแนะนำเรื่องการควบคุมอาหารที่เหมาะสมกับระยะของโรคไต เช่น การจำกัดโซเดียม โปรตีน หรือฟอสฟอรัส การออกกำลังกายที่เหมาะสม การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการเลิกสูบบุหรี่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้
หัวใจสำคัญของการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังคือการทำงานเป็นทีม เภสัชกรเฉพาะทางจะทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล นักโภชนาการ และบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลแบบองค์รวมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงผู้จ่ายยา แต่เป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้ป่วยในทุกขั้นตอน
โรคไตเรื้อรังเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิด แต่การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและการได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากทีมผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเภสัชกรเฉพาะทาง จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใส่ใจสุขภาพไตตั้งแต่วันนี้ การตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง และการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อมีข้อสงสัย คือสิ่งสำคัญที่เราทุกคนสามารถทำได้
ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเห็นภาพรวมและตระหนักถึงความสำคัญของเภสัชกรเฉพาะทางในการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมากขึ้นนะครับ อย่าลืมว่าสุขภาพไตที่ดี เริ่มต้นได้ที่ตัวคุณเอง
คุณคิดว่าการมีเภสัชกรเฉพาะทางเข้ามาช่วยดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงโรคไต จะสามารถยกระดับการดูแลสุขภาพในบ้านเราให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้างครับ?
1
แหล่งอ้างอิง:
1. The Role of Specialty Pharmacists in Managing Chronic Kidney Disease.โดย Lana Shalumova, PharmD, CSP
2. Centers for Disease Control and Prevention. Chronic Kidney Disease in the United States, 2023. Updated May 15, 2024.
3. Antwerp GV. Growth of Specialty Lite may create challenges for RX stakeholders. Deloitte United States. August 8, 2024.
โฆษณา