19 พ.ค. เวลา 15:03 • ข่าวรอบโลก

📰 โจมตีไม่เลิก! ทรัมป์ปะทะบียอนเซ่ กล่าวหายัดเงินหนุนคามาลา ‘ผิดกฎหมายเลือกตั้ง’

Donald Trump guns for Beyoncé after taking swipes at Taylor Swift, Bruce Springsteen: ‘…a lot of explaining to do’
📌 สรุปข่าวเด่น: ใครโดน ทรัมป์โจมตี และเพราะอะไร?
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าวิจารณ์บุคคลในวงการบันเทิงสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหันมาโจมตี บียอนเซ่ (Beyoncé) หลังเธอประกาศสนับสนุน คามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งปี 2024 ซึ่งทรัมป์อ้างว่าเป็น "การบริจาคแคมเปญที่ผิดกฎหมาย"
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ก็เพิ่งกล่าวหาว่า บรูซ สปริงส์ทีน ให้เงินอย่างผิดกฎหมายแก่ฝั่งตรงข้ามทางการเมือง และพูดถึง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ว่า "ไม่ปังแล้ว" หลังเธอเคยประกาศไม่สนับสนุนเขาในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ในโพสต์บน Truth Social ทรัมป์กล่าวว่า:
“บียอนเซ่ได้เงิน 11 ล้านดอลลาร์ เพื่อขึ้นเวที แสดงตัวแป๊บเดียว แล้วบอกสนับสนุนคามาลา ก่อนจะถูกโห่ใส่ ทั้งที่ไม่ได้ร้องเพลงซักเพลง!”
เขาเรียกเหตุการณ์นี้ว่า
“การโกงการเลือกตั้งอย่างผิดกฎหมายขั้นสูงสุด!”
พร้อมขู่จะ เปิดการสอบสวนใหญ่ ต่อการใช้จ่ายดังกล่าวซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นการ แฝงค่าจ้างเพื่อซื้อการสนับสนุนทางการเมือง
🎤 ใครโดนพาดพิงบ้าง?
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวพาดพิงบุคคลดังเหล่านี้:
บียอนเซ่ (Beyoncé) – กล่าวหาว่าได้รับค่าจ้างเพื่อหนุนคามาลา
เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) – กล่าวหาว่าความนิยมตกหลังประกาศไม่เอาทรัมป์
บรูซ สปริงส์ทีน (Bruce Springsteen) – อ้างว่าบริจาคผิดกฎหมายให้คู่แข่ง
โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah) และ โบโน่ (Bono) – ถูกพาดพิงว่า “ต้องมีคำอธิบายอีกมาก”
📣 วิเคราะห์เบื้องหลัง: ทำไมทรัมป์ถึงรุกหนักใส่คนดัง?
ท่าทีของทรัมป์สะท้อนความตึงเครียดทางการเมืองและพยายามดึงประเด็น “เซเลบฝั่งเสรีนิยม” เข้ามาโยงกับการโกงเลือกตั้ง เพื่อสร้างกระแสไม่ไว้วางใจคู่แข่งอย่างคามาลา แฮร์ริส และพรรคเดโมแครต
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสะท้อนยุทธศาสตร์ดั้งเดิมของทรัมป์ในการโจมตีบุคคลสาธารณะเพื่อเรียกเสียงจากฐานผู้สนับสนุนอนุรักษ์นิยม ซึ่งมักมีมุมมองลบต่อเหล่าศิลปินแนวเสรีนิยมที่แสดงจุดยืนทางการเมือง
🌏 ผลกระทบต่อภาพลักษณ์สหรัฐฯ และกระแสโลก
กรณีนี้อาจทำให้เกิด ความหวาดระแวงต่อเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของคนดัง ในสหรัฐฯ และกระตุ้นการถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับบทบาทของศิลปินในการเมือง
การกล่าวหาว่า “รับเงินเพื่อออกความเห็นทางการเมือง” อาจสร้างบรรยากาศความกลัวให้ศิลปินและคนดังทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่เสรีภาพทางการแสดงออกยังเปราะบาง
🇹🇭 วิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทยและตลาดหุ้นไทย
กรณีนี้แม้จะดูไกลตัว แต่มีผลสะเทือนมาถึงไทยในหลายมิติ:
🔸 1. ความเชื่อมั่นต่อตลาดบันเทิงโลกสั่นคลอน
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจบันเทิง คอนเทนต์ดิจิทัล และการบริหารสิทธิ์ภาพลักษณ์ศิลปิน เช่น
PLANB (แพลน บี มีเดีย) – มีการบริหารสิทธิ์ภาพลักษณ์ศิลปิน นักกีฬา และสื่อโฆษณานอกบ้าน
VRANDA (วีรันดา รีสอร์ทฯ) – มีการลงทุนในธุรกิจบันเทิงและโลกเสมือน (Virtual Experience)
AQUA (อควา คอร์ปอเรชั่น) – ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาและสื่อกลางแจ้งที่อาจได้รับผลกระทบจากการลดความนิยมของศิลปินที่เกี่ยวพันทางการเมือง
หุ้นเหล่านี้อาจได้รับแรงกระเพื่อมจากความกังวลเรื่อง การแทรกแซงทางการเมืองต่อ Soft Power ของศิลปิน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์และคอนเทนต์ที่ขายได้ทั่วโลก
หากกระแสดราม่ากับศิลปินระดับโลกอย่าง Beyoncé และ Taylor Swift บานปลาย อาจกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค-แบรนด์ในไทยที่ใช้ภาพลักษณ์ของศิลปินหรือแนวเพลงเหล่านี้ในการทำตลาด
🔸 2. กระแส ESG และเสรีภาพในการแสดงออก
นักลงทุนสถาบันที่ให้ความสำคัญกับหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) เริ่มจับตามากขึ้นว่า บริษัทจดทะเบียนในไทยมีท่าทีอย่างไรต่อประเด็นเสรีภาพในการแสดงออกของบุคลากรและพันธมิตรทางธุรกิจ
กรณีที่ศิลปินระดับโลกถูกวิจารณ์หรือโจมตีจากฝ่ายการเมือง อาจจุดกระแสเรียกร้องให้บริษัทในไทย
✹ เคารพสิทธิเสรีภาพของพนักงาน ในการแสดงความเห็นทางสังคมหรือการเมือง
✹ หลีกเลี่ยงการแทรกแซงทางการเมืองที่อาจกระทบภาพลักษณ์องค์กร
✹ แสดงจุดยืนชัดเจนต่อคุณค่าเสรีภาพ ความหลากหลาย และความเท่าเทียม
การเพิกเฉยต่อประเด็นเหล่านี้ อาจกระทบต่อ คะแนน ESG หรือความน่าเชื่อถือในสายตานักลงทุนต่างชาติที่ถือเกณฑ์ด้าน “Social & Governance” เป็นหนึ่งในเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนระยะยาว
🔸 3. กลุ่ม Tech และ Media ที่พึ่งพา Influencer และศิลปิน
หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและมีเดียที่มีโมเดลธุรกิจเกี่ยวข้องกับการใช้ Influencer Marketing หรือ สิทธิ์ภาพลักษณ์ศิลปิน อย่างเด่นชัด เช่น
SABUY (สะบาย เทคโนโลยี) – มีพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตลาดออนไลน์ ระบบสะสมแต้ม และแพลตฟอร์มที่ใช้คนดังในการเข้าถึงผู้บริโภค
บริษัทเหล่านี้อาจเผชิญความเสี่ยงจาก กระแสสังคมที่อ่อนไหวต่อท่าทีทางการเมืองของศิลปินหรือ influencer โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้บุคคลมีชื่อเสียงในกิจกรรมทางการตลาด หรือเป็น Brand Ambassador
หากบุคคลเหล่านั้นถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง อาจส่งผลต่อ ภาพลักษณ์ แบรนด์ และการตอบรับของผู้บริโภค ซึ่งล้วนมีผลต่อรายได้และมูลค่าตลาดในระยะสั้นถึงกลาง
📌 บทสรุป: ข่าวนี้สะท้อนอะไร?
ข่าวนี้สะท้อนการเมืองแบบสหรัฐฯ ที่ยังผูกพันกับวัฒนธรรมคนดังและป๊อปคัลเจอร์อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่าโลกยุคใหม่ เส้นแบ่งระหว่างการเมือง-บันเทิงกำลังเลือนรางอย่างชัดเจน
และในยุคที่ข่าวสารข้ามพรมแดนได้ในเสี้ยววินาที ผลสะเทือนจากคำพูดของผู้นำสหรัฐฯ ก็สามารถโยงใยมาถึงภาคธุรกิจไทยได้อย่างไม่คาดคิด
📌 Hashtags ที่เกี่ยวข้อง:
#ประชาธิปไตยระอุ #TrumpVsCelebrities #Beyoncé #TaylorSwift #KamalaHarris #USPolitics #เลือกตั้งสหรัฐ2024 #SETImpact #หุ้นไทย
#WorldScope #ข่าวโลกต้องรู้ #Blockditซีรีส์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา