แด็กนัลเกลี้ยกล่อมโทลคีนเสนอหนังสือให้สำนักพิมพ์ เมื่อ "เดอะฮ็อบบิท" ถูกวางจำหน่ายในปีต่อมา นิยายเรื่องนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านทั้งผู้ใหญ่และเด็กอย่างกว้างขวางกระทั่งสำนักพิมพ์ต้องขอร้องให้โทลคีน เขียนนิยายภาคต่อของเดอะฮ็อบบิท และนั่นคือ "อภินิหารแหวนครองพิภพ" (The Lord of the Rings)
...
"อภินิหารแหวนครองพิภพ" (The Lord of the Rings)
โทลคีนตอบสนองต่อคำขอของสำนักพิมพ์ซึ่งเกิดเป็นไตรภาคของนิยายแฟนตาซีแห่งศตวรรษที่ 20 และเป็นผลงานนิยายแฟนตาซีที่โด่งดังที่สุด—นวนิยายมหากาพย์ "อภินิหารแหวนครองพิภพ" (The Lord of the Rings) ในการตีพิมพ์ครั้งแรกระหว่างปี ค.ศ. 1954-55 นิยายเรื่องนี้ถูกแบ่งพิมพ์ออกเป็นสามเล่มอันเนื่องมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งกลายมาเป็นกรอบการสร้างภาพยนตร์แบบไตรภาคในอีก 50 ปีต่อมา
โทลคีนใช้เวลาเขียนเรื่องเล่าเบื้องต้นและภาคผนวกของ "อภินิหารแหวนครองพิภพ" นานกว่า 10 ปี โดยตลอดช่วงเวลานั้น ท่านได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากเพื่อนพ้องในกลุ่ม "หยดหมึก" (Inklings) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนสนิทอย่าง ซี.เอส. ลูอิส (C.S. Lewis) ผู้เขียน "อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย" (The Chronicles of Narnia) เรื่องราวใน "เดอะฮ็อบบิท" และ "อภินิหารแหวนครองพิภพ" ต่างเป็นเรื่องราวที่มี "ซิลมาริลเลียน" (The Silmarillion) เป็นปูมหลังหากเกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากนั้นนานมาก
คริสโตเฟอร์ ลูกชายคนที่ 3 ของโทลคีน บรรจุเรื่องราวการแก้ไขงานเขียนใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่านี้ ไว้ในหนังสือชุด "ประวัติศาสตร์แห่งมัชฌิมโลก" (The History of Middle-earth) ที่ถูกตีพิมพ์หลังจากที่โทลคีนถึงแก่กรรมไปแล้ว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936 เป็นต้นมา โทลคีนเริ่มขยายเรื่องราวของ "ประวัติศาสตร์แห่งมัชฌิมโลก" ออกไปให้ครอบคลุมถึงตำนาน "การล่มสลายของนูเมนอร์" (The Fall of Númenor) โดยได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานของแอตแลนติส
"หนังสือสำหรับเด็กและเรื่องสั้นอื่นๆ" (Children's books and other short works)
นอกจากการสร้างเทวปกรณ์แนวบทกวีแล้ว โทลคีนยังสนุกกับการสร้างนิยายแฟนตาซีเพื่อเล่าให้ลูกๆ ฟัง รวมทั้งเขียนจดหมายคริสต์มาสจากซานตาคลอสถึงลูกๆ จนกลายมาเป็นชุดรวมเรื่องสั้นและได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ "จดหมายจากซานตาคลอส" (The Father Christmas Letters)
นอกจากนี้แล้ว ยังมีผลงานอื่นๆ อย่าง "คุณบลิสส์" (Mr. Bliss) และ "โรเวอร์รันดัม" (สำหรับเด็ก, Roverandom) และ "ใบไม้ขี้บ่น" (Leaf by Niggle—part of Tree and Leaf) การผจญภัยของทอม บอมบาดิล (The Adventures of Tom Bombadil) สมิธแห่งวูตตัน เมเจอร์ (Smith of Wootton Major) และ ชาวนาไจลส์แห่งแฮม (Farmer Giles of Ham) นิยายเรื่อง โรเวอร์รันดัม และ สมิธแห่งวูตตัน เมเจอร์ เหมือนกับเดอะฮ็อบบิทในแง่ที่หยิบยืมแนวคิดมาจาก "กรุตำนาน" (legendarium) ของโทลคีนเอง
...
ผลงานที่ คริสโตเฟอร์ โทลคีน รวบรวมขึ้นเป็นเล่ม
ปี ค.ศ. 2007 "บุตรธิดาแห่งฮูริน" (The Children of Húrin) บอกเล่าเรื่องราวบุตรและธิดาของ "ฮูริน ธาเลียน" (Húrin Thalion) นั่นคือ ทูริน ทูรัมบาร์ (Túrin Turambar) และนีเอนอร์ (Nienor) ผู้เป็นน้องสาว
ปี ค.ศ. 2009 "ตำนานแห่งซิกูร์ดและกูดรุน" (The Legend of Sigurd and Gudrún) "ตำนานของซิกูร์ด" (The Legend of Sigurd) และการล่มสลายของนิฟลุงก์ส (The fall of the Niflungs) จากเทวปกรณ์เยอรมัน เขียนในรูปบทกวีเล่าเรื่องที่มีคำสัมผัสคล้องจองตามแบบของบทกวีโบราณของชาวนอร์สชื่อ "เอลเดอร์ เอ็ดดา" (Elder Edda)
ปี ค.ศ. 2013 "ความพินาศของอาร์เธอร์" (The Fall of Arthur) บทกวีเล่าเรื่องที่โทลคีนเขียนขึ้นระหว่างทศวรรษ 1930 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายแบบอาร์เธอร์สมัยกลางแต่มีฉากหลังเป็นสมัยหลังการอพยพของชาวโรมันที่แสดงภาพของอาร์เธอร์ในฐานะกษัตริย์นักรบชาวบริเตนที่ต่อต้านการรุกรานของชาวแซ็กซั่น
ปี ค.ศ. 2014 "เบโอวูลฟ์: ฉบับแปลและความเห็นประกอบ" (Beowulf: A Translation and Commentary) เป็นหนังสือเกี่ยวกับเบโอวูลฟ์ฉบับร้อยแก้วที่โทลคีนแปลไว้ในระหว่างทศวรรษ 1920 พร้อมกับความเห็นประกอบจากสรุปย่อของการบรรยายของโทลคีน
ปี ค.ศ. 2015 "เรื่องของคุลเลอร์โว" (The Story of Kullervo) เล่าเรื่องราวจากบทกวีภาษาฟินนิชสมัยศตวรรษที่ 19 ที่โทลคีนเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1915 ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่อ็อกซ์ฟอร์ด
ปี ค.ศ. 2018 "ความพินาศของกอนโดลิน" (The Fall of Gondolin) เล่าถึงนครอันลึกลับแต่สวยงามที่ถูกทำลายโดยพลังแห่งอำนาจมืด โทลคีนเรียกหนังสือเล่มนี้ว่า เป็น "เรื่องจริงเรื่องแรกของมัชฌิมโลก"