20 พ.ค. เวลา 07:24 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวครูบาอาจารย์ เราก็มีองค์ศาสดา เป็นบรมครู เราก็ได้ กราบไหว้ บูชาท่านเรื่อยมา ตั้งแต่ยังไม่รู้เรื่องราวของท่าน เป็นเด็กไร้เดียงสา เห็นปูย่าตายาย ทำบุญใส่บาตร ยิ่งทำบุญบ้าน ทอดกฐิน ก็เห็นคนมาช่วยกัน ช่วยกันทำอาหารเลี้ยงพระ
พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เริ่มฝึกหัด เห็นหลวงพ่อองค์พระแก้วลอยมา ..ก็ชอบ ..แต่ก็ไม่รู้ว่า ที่เห็นในสมาธินั้นมาจากเรื่องราวอะไร แต่นั่นก็ทำให้เริ่มสนใจ ในเรื่องราวคำว่าสมาธิ ..ก็หาหนังสือตำรา มาอ่านวุ่นวาย กำลังภายใน ลมปราณ ..สมาธิโยคี ก็เที่ยวหาไปอ่าน หนังสือทำนองหัวใจกรรมฐาน กรรมฐาน 40 ก็หามาอ่าน ..ก็ได้แต่อ่านๆไป
คราวนี้ ในการปฏิบัติ สมาธิ มันก็เริ่มมีเรื่องราวแปลกๆ เนื่องกลิ่น เหม็นเน่า ลอยมา กลิ่นหนูตายซากลอยมา เดินจงกรม ก็เหมือนไปเดินบนก้อนเมฆ(มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น) บางที่นั่งสวดมนต์ ..ฝาผนัง หายไปหมด มีแต่ดวงกลมๆ ลอยเต็มไปหมด มันชักไม่ได้การ ก็เพลาการปฏิบัติลง แต่ก็อธิษฐานขอให่เจอะเจอครูบาอาจารย์ที่ท่านสามารถชี้แจง เรื่องราวเหตุต่างๆ ให้เราได้
พอเรา. พบพระที่ท่านปฏิบัติ ท่านพูดไม่กี่คำ เรื่องราวของธรรมอนันตัง ธรรมวิปริต ธรรมอนันทจักร .. ไปจนถึงคำว่า ธรรมโลกุตระ ที่มีเรื่องราวของภาพแสงสีแสงเหตุผล ท่านบอกว่ามาเรียนรู้แล้วจะสนุก ตอนนั้น ก็ยังคิดไม่ได้ว่า ครูบาอาจารย์นอก..ทีท่านทำได้ นั่นมีความสำคัญ ก็ไม่ได่สนใจเอาใจใส่มากนัก สวดมนต์กราบพระก็กราบๆไป ไม่รู้จักว่า กราบแบบนั้นเอาอารมณ์มากราบ แม้แต่การทำบุญ ก็ใช้แต่อารมณ์มาสร้างบุญกุศล
คราวนี้ ถึงคราวที่ท่านเริ่มสอนจริง ..ท่านสอนตั้งแต่การกราบพระ ทำอย่างไร จึงจะเอาจิตมากราบพระสวดมนต์ปฏิบัติธรรม คือ เอา..จิตมาสร้างบุญกุศล มิใช่เอาอารมณ์มาสร้างบุญกุศล เอาอารมณ์มาประพฤติปฏิบัติธรรม
ท่านบอกว่า ในการประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศล แต่ละครั้ง..หากเราเริ่มต้นดี เอาจิตมากราบพระ กราบอย่างไร จึงจะกราบให้ถึงพระ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ . กราบอย่างไร ถึงจะเกิดแสงรัตนะ แล้วการสร้างบุญกุศล ทำอย่างไร จึงเกิดคำว่า บุญกุศลเกิดขึ้น ก็เป็นเรื่องของแสงรัตนะอีก
การได้พบพระที่ท่านปฏิบัติธรรมมาหลายปี ยืนสมาธิที่ก็รวดเดียวจากหกโมงเย็น ถึงเที่ยงคืน ไม่ขยับเขยื้อนเลย ก็ทำใหิ้เราได้เรียนรู้ การประพฤติปฏิบัติธรรม ตามร่อยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ได้ฟังเรื่องราวอะไรจากท่าน ท่านก็บอกให้ฝึกหัด ค่ิอยๆฝึก พอทำไป เราก็เหมือนได้ครูที่ท่านช่วยสงเคราะห์ให้ ทำให้รู้ว่า พระที่ท่านไปอยู่ป่านั้นท่านไปอะไรกัน .
แล้ว เทพที่ข่วยสงเคราะห์ ภิกษุในป่าก็มี มีมัคคทายกใหญ่ ..ท้าวสักกะเทวราช ที่ท่านสถิตย์ชั้นดาวดึงส์ ท่านก็ช่วยเหลือดูแล คราวนี้ ..เมื่อเราได้เจอะเจอ ท่านก็ช่วยสงเคราะห์ ในเรื่องราวของธรรม เรื่องราวอาราธนา พระ ..มาสอนให้ พอพระมาสอน ก็มีเรื่องราวของหูทิพย์ตาทิพย์ มาฟังธรรม เทพทุกองค์ ท่านก็เคารพ นบนอบ เราก็ได้เรียนรู้จัก เรื่องราวของเทพบ้าง ทุกพระองค์ต่างขี้ไป ที่พระพุทธเจ้า ธรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยากเข้านิพพาน แต่ก็ยังทำไม่ถึง ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด
เมื่อเรานำกายมาฝึกหัด นั่งหลับตา มันก็มีเรื่องราวอารมณ์ปรุงแต่ง ทำกายทำจิตไม่ได้ ยิ่งมีความติดขัด จิตมันก็ไมก้าวหน้าขึ้นมาได้เลย เรื่องราวเล่านี้ เหมือนเราไม่มีปัญญาแก้ไขให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้เลย นั่นจึงเป็นเรื่องที่เราต้องมีอาจารย์นอก คอยบอกหนทาง คอยตักเตือน เหมือนช่างปั้นหม้อดิน คอยตบคอยเตือน แก้ไข ปั้นดินเป็นหม้อที่สวยงาม
คราวนี้ในการประพฤติปฏิบัติ ทำอย่างไร เราถึงจุดเที่ยนธรรมขึ้นมาได เพื่อให้จิตเรานั้นมีแสง. ส่องเรื่อง สำรวจเรื่องราวต่างๆ ในกายบิดามารดา ที่จิตอาศัย ธาตุทั้งสี่ ขันธ์ทั้งห้ วิญญาณทั้งหกน้ำเลือดน้ำหนอง ตัวกินเลือดเบือดกินเนื้อ อะไรต่างๆมากมายก่ายกองมทั้งอารมณ์โลภโกรธหลง .
ในการจุดเมลเทียน กายนั้นเหมือนต้นเทียน จิตนั้นเหมือนไส้เทียน ไส้เทียนที่ไม่ถูกจุด มันก็ไม่มีแสง เราก็หาครูบาอาจารย์..ที่จิตท่านมีแสงรัตนะ มาช่วยจุดไส้เทียนขึ้นมา จุดให้ไส้เทียนติดไฟ สว่างขึ้นมาด้วยแสงรัตนะธรรม ธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นก็จะช่วยในเรื่องราวของจิต ให้มีปัญญาธรรมขึ้นมา
หากไส้เทียนนั้นไม่ถูกจุด กายนั้นก็เหมือนถูกทิ้ง ปล่อยไปตามกรรม จิตที่อยู่ในกาย ก็ไม่อาจรับรู้ เรื่องราวต่างๆที่อาศัยกาย อาศัยอารมณ์นั้นได้ คือ ไม่สามรถจะเห็นเรื่องต่างๆของกายที่จิตอาศัย ที่ว่า เกิดแก่เจ็บตายได้เลย ไม่รู้ว่า เค้าให่กายนี้มาทำไม เกิดแล้วตาย ..ได้เพียงแค่นั้นเองหรือ
โฆษณา