25 พ.ค. เวลา 13:30 • สุขภาพ

เจาะลึกบุคลิกภาพส่งผลต่อการนอนหลับอย่างไร

ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ "ตาสว่าง" ทั้งคืน หรือหลับๆ ตื่นๆ จนพักผ่อนไม่เพียงพอใช่ไหมครับ อาการ "นอนไม่หลับ" หรือ Insomnia ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะครับ เพราะมันส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจของเรามากกว่าที่คิด ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างความอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น ไปจนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้า
วันนี้ผมมีเรื่องน่าสนใจจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่าง "ลักษณะบุคลิกภาพ" ของคนเรากับโอกาสในการเกิดภาวะนอนไม่หลับมาเล่าให้ฟังครับ งานวิจัยนี้จัดทำโดยทีมจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซาเปาโล (USP) ในประเทศบราซิล และตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sleep Research ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ลักษณะนิสัยบางอย่างอาจเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เรานอนไม่หลับได้ง่ายขึ้น หรือในทางกลับกัน บางลักษณะนิสัยก็อาจช่วยให้เราหลับสบายตลอดคืนก็ได้ครับ
ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องบุคลิกภาพ ผมขออธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับภาวะนอนไม่หลับกันก่อนนะครับ ภาวะนี้คือความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อยมาก โดยผู้ที่มีภาวะนี้มักจะประสบปัญหาในการเริ่มต้นการนอนหลับ การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง หรือการตื่นนอนเร็วกว่าปกติแล้วไม่สามารถกลับไปหลับต่อได้ ทราบไหมครับว่าประมาณ 30% ของประชากรโลกต้องเผชิญกับปัญหานี้ และในเมืองใหญ่อย่างเซาเปาโล ประเทศบราซิล ตัวเลขนี้สูงถึงเกือบ 45% เลยทีเดียว
1
ในทางการแพทย์ มีทฤษฎีที่เรียกว่า "3 Ps" ของภาวะนอนไม่หลับ ซึ่งอธิบายถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะนี้ ได้แก่
1. Predisposition (ปัจจัยส่งเสริม) สิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งมีแนวโน้มที่จะนอนไม่หลับมากกว่าคนอื่น
2. Precipitation (ปัจจัยกระตุ้น) เหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
3. Perpetuation (ปัจจัยที่ทำให้คงอยู่) พฤติกรรมที่ทำให้คนคนนั้นยังคงอยู่ในวงจรของการนอนไม่หลับ
ซึ่งงานวิจัยนี้ก็พยายามจะดูว่า ลักษณะบุคลิกภาพบางอย่างอาจจัดเป็น "ปัจจัยส่งเสริม" ที่ทำให้คนเราเสี่ยงต่อการนอนไม่หลับมากขึ้นหรือไม่ครับ
"Big Five" 5 มิติบุคลิกภาพที่เราทุกคนมี
เพื่อให้เข้าใจงานวิจัยนี้ได้ดียิ่งขึ้น เรามาทำความรู้จักกับทฤษฎีบุคลิกภาพที่เรียกว่า "Big Five" กันก่อนนะครับ ทฤษฎีนี้บอกว่าบุคลิกภาพของคนเราสามารถอธิบายได้ด้วย 5 มิติหลักๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีระดับของแต่ละมิติแตกต่างกันไป ลองดูนะครับว่าคุณมีลักษณะไหนเด่นบ้าง
1
1. Extroversion (การแสดงตัว) คนที่มีลักษณะนี้สูงมักจะชอบเข้าสังคม พูดเก่ง มีความเป็นผู้นำ ชอบทำกิจกรรมกลุ่ม และกล้าแสดงออก ส่วนคนที่มีลักษณะนี้น้อย ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก็บตัวเสมอไป แต่อาจจะชอบอยู่คนเดียวมากกว่าและรู้สึกว่าการทำงานกลุ่มเป็นเรื่องยาก
2. Neuroticism (ความไม่มั่นคงทางอารมณ์) อันนี้สำคัญเลยครับ เพราะเป็นลักษณะที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางอารมณ์ คนที่มี Neuroticism สูงมักจะมีอารมณ์แปรปรวนง่าย มองโลกในแง่ลบ และเมื่อเจอปัญหาอุปสรรค ก็มักจะเสียศูนย์ จัดการกับความเครียดได้ไม่ดี และมีความเปราะบางทางอารมณ์สูง งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า Neuroticism สูงมีความสัมพันธ์กับภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าด้วยครับ
3. Agreeableness (ความเป็นมิตร) เกี่ยวข้องกับความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คนที่มีลักษณะนี้สูงมักจะเป็นคนใจดี อ่อนโยน ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมาก (บางครั้งอาจจะถึงขั้นตามใจคนอื่นจนตัวเองเดือดร้อน) ส่วนคนที่มีลักษณะนี้น้อยมักจะมองโลกในแง่ร้ายและขี้สงสัยครับ
2
4. Openness to Experience (การเปิดรับประสบการณ์ใหม่) คนที่เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ มักจะมีความคิดสร้างสรรค์ ชอบสำรวจสิ่งใหม่ๆ มีจินตนาการสูง และรับรู้อารมณ์ได้ลึกซึ้ง ส่วนคนที่มีลักษณะนี้น้อยมักจะชอบทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และค่อนข้างหัวโบราณครับ
5. Conscientiousness (การมีจิตสำนึก) หรืออาจเรียกว่าความมุ่งมั่นตั้งใจ คนที่มีลักษณะนี้สูงมักจะเป็นคนเด็ดเดี่ยว มีความรับผิดชอบ ทุ่มเท มุ่งมั่น และสามารถอดทนต่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในปัจจุบันเพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าได้ แต่ถ้าสูงเกินไปก็อาจกลายเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) ได้นะครับ ส่วนคนที่มีลักษณะนี้น้อยมักจะไม่ค่อยเรียกร้องอะไรมาก ไม่ดื้อรั้น หรืออาจจะถูกมองว่าเป็นคน "ขี้เกียจ" ในความหมายทั่วไปครับ
1
ทีมวิจัยได้ศึกษาอาสาสมัคร 595 คน อายุระหว่าง 18-59 ปี แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ (ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ) และกลุ่มควบคุมที่ไม่มีปัญหาการนอนไม่หลับ ทุกคนได้ทำแบบสอบถาม 60 ข้อเพื่อประเมินระดับบุคลิกภาพทั้ง 5 มิติ
ผลลัพธ์ที่ได้น่าสนใจมากครับ
Neuroticism สูงปรี๊ดในกลุ่มคนนอนไม่หลับ พบว่า 61.7% ของผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับมีระดับ Neuroticism สูง เทียบกับเพียง 32% ในกลุ่มควบคุม นี่เป็นลักษณะที่โดดเด่นที่สุดเลยครับ
ส่วน Extroversion (การแสดงตัว) เป็นลักษณะเดียวที่ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองกลุ่มครับ
จากผลการวิเคราะห์ทางสถิติอย่างละเอียด นักวิจัยสรุปได้ว่า คนที่มีระดับ Neuroticism สูง มีแนวโน้มที่จะมีภาวะนอนไม่หลับมากกว่า
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นครับ ทีมวิจัยยังค้นพบอีกว่า "ความวิตกกังวล" (Anxiety) ทำหน้าที่เป็น "ตัวกลาง" ที่สำคัญในความสัมพันธ์นี้ หมายความว่า อาการวิตกกังวลนี่แหละครับที่เป็นตัวเชื่อมโยงทำให้ลักษณะนิสัยแบบ Neuroticism ส่งผลต่อการเกิดภาวะนอนไม่หลับ พูดง่ายๆ คือ คนที่มี Neuroticism สูงมักจะวิตกกังวลง่าย และความวิตกกังวลนั้นเองที่นำไปสู่ปัญหาการนอนไม่หลับ ส่วนภาวะซึมเศร้ากลับไม่พบว่าเป็นกลไกสำคัญในความสัมพันธ์นี้ครับ
การค้นพบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในทางปฏิบัติครับ เพราะมันชี้ให้เห็นว่าในการดูแลผู้ที่มีภาวะนอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะ Neuroticism สูง การประเมินและจัดการกับ "ความวิตกกังวล" ควบคู่กันไปจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
คุณหมอ Bárbara Araújo Conway ผู้ทำวิจัยนี้เน้นย้ำว่า บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องเข้าใจและประเมินบุคลิกภาพของผู้ป่วยที่มาขอความช่วยเหลือเรื่องปัญหาการนอนหลับ ผู้ป่วยกลุ่มนี้สมควรได้รับการประเมินและรักษาภาวะวิตกกังวลเพื่อให้อาการนอนไม่หลับดีขึ้นด้วย ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้การบำบัดและยาที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงสำคัญที่จะต้องมองภาพรวมของประวัติและลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย
ปัจจุบัน การรักษาที่ถือเป็นมาตรฐานสำหรับภาวะนอนไม่หลับคือ การบำบัดด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรมสำหรับภาวะนอนไม่หลับ (Cognitive-Behavioral Therapy for Insomnia หรือ CBT-I) ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ใช้ยา แต่ในบางพื้นที่อาจยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น้อย ดังนั้น การทำความเข้าใจปัจจัยทางจิตวิทยาของผู้ป่วยอย่างลึกซึ้งจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
นักวิจัยเสนอว่าผลการศึกษานี้สนับสนุนการพัฒนา "แนวทางการรักษาแบบข้ามการวินิจฉัย" (Transdiagnostic treatment protocols) คือการผสมผสานเทคนิคและกระบวนการทางพฤติกรรมเพื่อรักษาปัญหาทางอารมณ์หลายๆ อย่างที่มีกลไกพื้นฐานร่วมกัน
"แม้ว่าเราจะมีวิธีการรักษาภาวะนอนไม่หลับที่ไม่ใช้ยาแล้ว แต่ก็เหมือนกับยาที่ไม่มีตัวไหนได้ผลกับผู้ป่วยทุกคน วิธีการบำบัดแบบเดียวก็อาจไม่ได้ผลกับทุกคนเช่นกัน ผลลัพธ์เหล่านี้จะช่วยในการพัฒนาแนวทางการรักษาทางจิตวิทยาและพฤติกรรมแบบใหม่ๆ ที่มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้นสำหรับภาวะนอนไม่หลับ" คุณ Conway กล่าวสรุป
เรื่องราวของบุคลิกภาพกับการนอนหลับนี้ ทำให้เราเห็นว่าร่างกายและจิตใจของเราเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งจริงๆ นะครับ การทำความเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวเอง โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีแนวโน้มวิตกกังวลง่าย (Neuroticism สูง) อาจเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพการนอนหลับของคุณให้ดีขึ้น
2
แหล่งอ้างอิง:
1. Bassette, F. (2025, May 19). Specific personality traits may influence the development of insomnia. Medical Xpress.
2. Conway, B. A., et al. (2025). Personality traits and insomnia: direct and anxiety-mediated associations. Journal of Sleep Research. DOI: 10.1111/jsr.70003
โฆษณา