21 พ.ค. เวลา 01:06 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

The Match : เมื่อการแพ้ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือบททดสอบจิตใจ

มีหนังไม่กี่เรื่อง ที่ทำให้เราต้องรู้สึกลุ้นไปกับการแข่งขันทั้งๆ ที่เราเองก็เล่นเกมนั้นไม่เป็นเลย และ The Match ก็ทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น วันนี้ผมจึงอยากรีวิวหนังเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้อ่านเพื่อไปรับชมกัน
The Match เป็นภาพยนตร์เกาหลีแนวชีวประวัติ-ดราม่าเกี่ยวกับกีฬาหมากล้อม ที่มีฉายทางช่อง Netflix โดยสร้างจากเรื่องจริงของสองปรมาจารย์หมากล้อมชาวเกาหลีใต้ ได้แก่ โจ ฮุนฮยอน และลูกศิษย์ของเขา อี ชางโฮ
1
เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงทศวรรษ 1980 โจ ฮุนฮยอน ได้คว้าแชมป์โลกหมากล้อมมาครอง เขาจึงเปรียบเหมือนเป็นวีรบุรุษเกาหลีที่คนทั้งประเทศต่างยกย่องให้ความเคารพเป็นอย่างสูง มีนักหมากล้อมมากหน้าหลายตาต่างตั้งเป้าจะล้ม โจ ฮุนฮยอนให้ได้เพื่อคว้าเกียรติยศนี้มาครองแต่ก็ไม่มีใครทำได้สำเร็จ
1
จนเมื่อวันหนึ่ง โจ ฮุนฮยอนได้พบ อี ชางโฮ ในวัยเด็ก และค้นพบพรสวรรค์ของเขา โจ ฮุนฮยอนจึงตัดสินใจรับอี ชางโฮ เป็นลูกศิษย์โดยให้มาอยู่ที่บ้านเขาเพื่อฝึกฝนให้เป็นนักหมากล้อมมืออาชีพ
1
โจ ฮุนฮยอนฝึก อี ชางโฮ อย่างเข้มงวด และมักกดดันให้อี ชางโฮต้องทำตามแบบแผนที่เขากำหนด แต่ตัวอี ชางโฮ กลับพบว่าวิธีการเดินของโจ ฮุนฮยอน ไม่เหมาะกับรูปแบบการเล่นของเขา อี ชางโฮ จึงพยายามทดลองรูปแบบการเดินวิธีต่างๆ ที่แตกต่างจากอาจารย์ จนเมื่อเวลาผ่านไป อี ชางโฮก็เริ่มพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นคู่แข่งที่สามารถเอาชนะโจ ฮุนฮยอนอาจารย์ของเขาได้สำเร็จ
1
โจ ฮุนฮยอน รู้สึกเสียศูนย์กับการพ่ายแพ้ให้กับลูกศิษย์ที่เขาสอนมากลับมือ เขาแพ้อย่างต่อเนื่อง จากที่เคยอยู่จุดสูงสุดของภูเขากลับตกลงมาอยู่บนพื้นดิน หลายคนเริ่มคิดแล้วว่าโจ ฮุนฮยอน คือ มีดที่ขึ้นสนิมไม่มีวันกลับมาได้แล้ว
1
แต่แล้ววันหนึ่ง โจ ฮุนฮยอน ก็ได้พบกับข้อความที่เขาเคยเขียนไว้สมัยที่เขาเข้าวงการใหม่ๆ ว่า “การแข่งหมากล้อมแท้จริงคือ การแข่งกับตัวเอง” มันทำให้เขาปล่อยวางเรื่องผลแพ้ชนะ และหวนกลับมาแข่งหมากล้อมใหม่อีกครั้ง แล้วโชคชะตาก็ทำให้ โจ ฮุนฮยอน ต้องโคจรมาพบกับ อี ชางโฮ อีกครั้งในศึกชี้ชะตาที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการ
ซึ่งหากใครอยากรู้ผลแพ้ชนะก็ไปตามดู The Match ได้ทาง Netflix
2
The Match เป็นหนังที่เล่าการแข่งหมากล้อมออกมาได้สนุก แม้ว่าผมจะเล่นไม่เป็นก็เข้าใจและลุ้นไปกับการแข่งขันไปตลอดเรื่อง ที่สำคัญหนังถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งรักและชัง ทั้งเป็นห่วงและอยากเอาชนะ มันจึงมีอารมณ์ร่วมระหว่างทั้งคู่ คนแพ้ก็เศร้า ส่วนคนชนะก็รู้สึกผิด ไม่มีใครอยากให้มันเกิด แต่ทั้งคู่เป็นโปรก็ต้องทำการแข่งขันกันอย่างเต็มที่
2
The Match ไม่ใช่หนังแอ็กชั่น ไม่ใช่หนังเศร้า แต่มันคือหนังที่ขยับใจคนดูทีละหมาก
ช้า..แต่ลึก
นิ่ง..แต่น่าติดตาม
ซึ่งในชีวิตจริงเราก็อาจเหมือนเล่นหมากอยู่บนกระดานโลก
ที่บางครั้งต้องยอมถอยเพื่อมองการณ์ไกล
ที่บางทีต้องยอมแพ้ เพื่อเติบโต
1
และเมื่อเราดูจบ เราอาจหาหนทางเดินหมากบนกระดานชีวิตเราเองเจอก็เป็นได้ครับ
1
โฆษณา