21 พ.ค. เวลา 06:58 • หนังสือ

Hidden Potential

Adam Grant
เมื่อคนธรรมดา จะคว้าสิ่งที่ยิ่งใหญ่
 
คุณเคยสงสัยไหมว่าต้องเป็นคนแบบไหน มีคุณสมบัติอย่างไร จึงจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จได้ สิ่งแรกที่ทุกคนคิดมักจะเป็นเรื่อง พรสวรรค์ ว่าถ้าคนนั้นมีพรสวรรค์จะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่ากว่าคนทั่วไป และมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
แล้วคนธรรมดาที่ไม่มีพรสวรรค์ ต้องทนรับชะตากรรมว่าไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างนั้นหรือ ?
หนังสือเล่มนี้จะบอกคุณได้ว่ามันไม่จริงเลย ทุกคนล้วนมีศักยภาพแฝงอยู่ เราเพียงต้องหาวิธีปลดล็อกศักยภาพเหล่านั้นออกมา และแสดงให้เห็นว่าเราทุกคนสามารถก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมและสามารถประสบความสำเร็จได้แม้เป็นเพียงคนธรรมดาก็ตาม
งานวิจัยเกี่ยวกับความสำเร็จในระยะยาวให้ผลลัพธ์ว่า คนที่มีพรสวรรค์จะสามารถทำได้ดีในช่วงแรก ๆ แต่ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้องก็ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ แต่สิ่งที่เป็นหนึ่งปัจจัยในการช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวคือ “ทักษะแห่งอุปนิสัย” ซึ่งทุกคนสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้
“อุปนิสัย” คือ ชุดหลักการที่ผู้คนรับมาใช้ด้วยเจตจำนงอันแรงกล้า และเลือกใช้ชีวิตตามหลักการนั้น ช่วยให้เข้าใจตัวเอง และควบคุมตัวเองได้
“ทักษะแห่งอุปนิสัย” คือ ทักษะต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราบ่มเพาะ และสร้างอุปนิสัยที่ดีให้กับตัวเรา ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้เราสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้ถึงขีดสุด และก้าวหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม
ทักษะแห่งอุปนิสัย ที่ช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดี ได้แก่
1. จงยอมรับความอึดอัดใจโดยเจตนา
• การที่เรายอมรับที่จะลงมือทำงาน แม้จะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือรู้สึกพร้อมที่จะลงมือทำ เพราะความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถหาข้อมูลได้ครบทุกอย่างจนเรารู้สึกพร้อมได้ 100% การเริ่มลงมือทำเลยจะช่วยให้เราได้ลองและเรียนรู้เกี่ยวกับงานนั้นได้เร็วกว่าการรอความพร้อมแล้วไม่ได้ทำงานอะไรสักที
• เราย่อมรู้สึกอึดอัดใจที่จะทำงานที่ไม่พร้อมเป็นธรรมดา แต่จากงานวิจัยได้ผลลัพธ์ว่า ยิ่งคุณลงมือทำโดยลำบากใจอึดอัดใจมากเท่าไร คุณยิ่งเรียนรู้และเติบโตได้มากเท่านั้น
2. เอาชนะความกลัวจากการทำพลาด
• การลงมือทำย่อมมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้เสมอ แต่ความผิดพลาดไม่ได้หมายถึงจุดจบ หรือความล้มเหลวเสมอไป เมื่อผิดพลาดเราจะได้ประสบการณ์ที่ทำให้เราเก่งขึ้นจากเดิม
• แนวทางแรกในการเอาชนะความกลัว คือ การลดความอ่อนไหวต่อความกลัวนั้นอย่างเป็นระบบ โดยเราค่อย ๆ ทดลองรับมือความกลัวนั้นในแบบน้อย ๆ ในตอนแรก เพื่อสร้างความคุ้นเคย และค่อย ๆ เพิ่มระดับความเข้มข้นของความกลัวนั้น จนเราสามารถรับมือได้ในที่สุด
• แนวทางที่สอง คือ การเผชิญหน้ากับความกลัวนั้นทันที วิธีนี้ทำให้เราต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากสถานะการณ์ที่ต้องเผชิญความกลัวอย่างรุนแรง เมื่อเรารับมือจนสามารถรอดมาได้ จะช่วยให้เรากลัวมันน้อยลงในรอบหน้า (เหมาะสำหรับความกลัวที่ไม่เป็นอันตรายเท่านั้น เช่น การไปต่างประเทศที่เราพูดภาษาถิ่นไม่ได้ เป็นต้น)
3. ทำผิดพลาดมากขึ้น
• เรามักกลัวความผิดพลาด เพราะเมื่อเราทำสิ่งใดผิดพลาดแล้ว เรามักคิดว่า เราจะดูงี่เง่า น่าอับอาย โดนหัวเราะเยาะ และไม่สะดวกใจ
• แต่แท้จริงแล้วความผิดพลาดใด ๆ ล้วนทำให้เรา ฉลาดขึ้น กล้ามากขึ้น สามารถหัวเราะกับตัวเอง และขยายคอมฟอร์ตโซน ของเราได้อีกด้วย
• ยิ่งเราผิดพลาดมากขึ้น เรายิ่งเก่งมากขึ้นไปด้วย
4. มนุษย์ฟองน้ำ
• ฟองน้ำ เป็นสัตว์ที่มีคุณสมบัติที่ดี คือ ความสามารถในการดูดซับ และปรับตัว ซึ่งสามารถทำให้มันสามารถอยู่รอดมาได้มานานกว่า 500 ล้านปี
• ความสามารถในการดูดซับ คือ การเรียนรู้เชิงรุก เพื่อแสวงหาความรู้ ทักษะ มุมมองใหม่ ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
5. ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
• สิ่งใดในโลกล้วนไม่อาจสมบูรณ์แบบไปได้ในทุก ๆ ทางพร้อมกัน ถ้าคุณแสวงหาความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ คุณจะไม่มีทางได้เจอมัน และคุณจะเหน็ดเหนื่อยกับมัน
• ความไม่สมบูรณ์ในแบบที่ใช่ คือ สิ่งที่คุณควรตามหา มันคือการเลือกว่าเราจะยอมรับความสมบูรณ์แบบใด เพื่อสร้างสิ่งที่ดีพอที่มีคุณค่าต่อตัวเรา
โครงสร้างบรรดาลใจ
ทางสู่เป้าหมายใด ๆ ย่อมเจออุปสรรคเสมอ ทำให้เราหมดกำลังใจ เบื่อหน่าย หมดไฟ ซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลว และความหดหู่ได้ การคอยดูแลแรงใจ และคอยสร้างแรงบันดาลใจ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานไปได้ตลอดรอดฝั่ง
“การสร้างนั่งร้าน” ซึ่งเป็นเหมือนการสร้างโครงสร้างชั่วคราวที่ช่วยให้เราสามารถไต่ไปถึงความสูงที่เราไม่สามารถไปได้ด้วยตัวเอง จะเป็นอุปกรณ์ในการช่วยให้เราฝ่าทางตันในการเดินไปข้างหน้าได้
1. เปลี่ยนรูปแบบ
• เปลี่ยนกิจวัตรอันน่าเบื่อหน่าย ให้มีความหมายมากขึ้น สนุกขึ้น
• การทำให้เป็นเกม (Gamification) โดยมีการวัดผล ตั้งเป้าหมาย ท้าทายอย่างเป็นระบบ ทำให้เกิดความสนุก และเพลิดเพลินมากขึ้น
2. พักบ้าง
• การพัก ช่วยลดความเหนื่อยล้า และชาร์จพลังงานกลับมา
1
• การหยุดพัก ช่วยปลดล็อกไอเดียใหม่ ๆ เพื่อให้สมองได้มีเวลาประมวลผลข้อมูลโดยรวมมากขึ้น
• การพักผ่อนไม่ถือเป็นการเสียเวลา มันคือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดี มันคือโอกาสในการรีเซ็ตสมาธิและฟูมฟักไอเดียต่าง ๆ
3. หาทางอ้อมเพื่อก้าวไปข้างหน้า
• เมื่อเราเจอทางตัน การเดินหน้าเข้าไปชนกำแพงอย่างต่อเนื่องอาจใช่คำตอบในการทลายกำแพงนั้น บางทีเราต้องลองถอยออกมาดูสถานการณ์มุมกว้างขึ้น เพื่อเข้าใจปัญหา และสามารถทลายกำแพงนั้น หรือเดินอ้อมมันไปก็ได้
• การลองผิดลองถูก เพื่อสร้างแนวทางที่หลากหลายในการหาคำตอบ เพราะคำตอบไม่ได้มีแค่หนึ่งเดียวเสมอไป
4. มองหาแรงบรรดาลใจ
• มองหาความหมายจากภายในตัวเรา ทำความเข้าใจตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังทำมีความหมายต่อตัวเราอย่างไร ทำไมเราถึงได้อยากทำมัน เมื่อทำสำเร็จแล้วจะช่วยให้เราดีขึ้นอย่างไรบ้าง
• มองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก เรากำลังทำเพื่อใครสักคนอยู่ เรากำลังช่วยเหลือใครอยู่บ้าง การรับคำแนะนำจากผู้อื่นที่เราเชื่อใจ
มาถึงจุดนี้เมื่อคุณค่อย ๆ พัฒนาทักษะด้านอุปนิสัย อย่างครบถ้วนคุณจะมีคุณสมบัติที่จะสามารถ ทำงานเชิงรุก มีวินัย และมีความมุ่งมั่น พร้อมเครื่องมืออย่างการสร้างนั่งร้าน เพื่อทำลายอุปสรรคที่ขวางทางของคุณ ที่นี้คนธรรมดาอย่างเราก็พร้อมที่จะคว้าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เป็นจริงได้แล้ว
โฆษณา