21 พ.ค. เวลา 10:09 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 251 พี่น้องร่วมสาบานที่ไท่หู

溶溶漾漾白鸥飞,绿净春深好染衣。
南去北来人自老,夕阳常送钓船归。
นางนวลขาวร่อนพลิ้วริ้วคลื่นนที
เขียวขจีสีธรรมชาติย้อมใหลหลง
ขึ้นเหนือล่องใต้ไม่นานชราลง
อัสดงส่งเรือประมงกลับยังฝั่ง
หลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่งกับทหารเรือสองนายล่องเรือน้อยในทะเลสาปไท่หูจนเข้าใกล้อู๋เจียง 吴江 เห็นฝูงเรือประมงราวห้าสิบลำแต่ไกล
หลี่จวิ้นว่า “พวกเราทำทีมาซื้อปลา ไปหาข่าวที่นั่น”
ทั้งห้าแจวเรือเข้าเทียบข้างฝูงเรือประมง หลี่จวิ้นถามว่า “พ่อเฒ่าประมง มีปลาหลีฮื้อไหม”
ชาวประมงว่า “ถ้าอยากได้หลีฮื้อตัวใหญ่ ต้องตามไปซื้อที่บ้านข้า”
หลี่จวิ้นแจวตามเรือประมงนั้นไป ไม่นานก็ถึง บริเวณโดยรอบมีดงต้นหลิ่วค่อม บ้านยี่สิบกว่าหลังตั้งอยู่กลางรั้วล้อม ชาวประมงผูกเรือแล้วนำหลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่งสามคนขึ้นบนฝั่งเดินมายังคฤหาสน์ชนบทหลังหนึ่ง พอก้าวเท้าเข้าประตูไปได้หนึ่งก้าว ประมงเฒ่ากระแอมไอ ชายฉกรรจ์แปดคนถือตะขอยาวมากดตัวพวกหลี่จวิ้น พาเข้ามาในคฤหาสน์ ไม่ถามไถ่อะไร จับมัดไว้กับหลักไม้
หลี่จวิ้นมองดูโดยรอบ เห็นชายฉกรรจ์สี่คนนั่งอยู่ในโถงมุงหญ้า คนเป็นหัวหน้าผมเหลืองเคราแดง สวมเสื้อคลุมไหมสีเขียว คนที่สองร่างผอมเคราข้างแก้มสั้น สวมเสื้อคลุมนุ่นคอกลมปกดำเขียว คนที่สามหน้าดำเคราคางแพะยาว คนที่สี่หน้าตอบคางกว้างเคราดังพัด สองคนหลังสวมเสื้อคลุมสีเขียวเหมือนกัน สวมหมวกปีกว้างกำมะหยี่สีดำ อาวุธพิงอยู่ข้างกาย
คนหัวหน้าตะคอกถามหลี่จวิ้นว่า “พวกเจ้า มาจากไหน มาทำอะไรที่ทะเลสาปของข้า”
หลี่จวิ้นว่า “ข้าเป็นคนหยางโจว 扬州 มาที่นี่พื่อหาซื้อปลา”
คนหน้าตอบว่า “พี่ท่านอย่าเสียเวลาถาม เห็นอยู่ว่าเป็นจารชน ควักหัวใจออกมาให้ข้าแกล้มเหล้าดีกว่า”
หลี่จวิ้นพอได้ฟังก็ตรองว่า “ข้าทำการค้าเถื่อนอยู่สวินหยางนานหลายปี มาเป็นผู้กล้าเหลียงซานอีกกี่ปี คิดไม่ถึงว่าวันนี้ต้องมาจบชีวิตที่นี่ ก็เอาเถอะ”
แล้วถอนหายใจ มองดูถงเวย ถงเหมิ่งแล้วว่า
“วันนี้พลอยทำให้น้องทั้งสอง ต้องมาเป็นผีที่นี่ด้วย”
ถงเวย ถงเหมิ่งว่า “พี่ท่านอย่าพูดอย่างนั้น พวกเราถึงตายก็ช่างเถอะ เพียงแต่มาตายที่นี่ เสียดายชื่อพี่ท่าน”
ทั้งสามมองหน้ากัน แล้วยืดอกพร้อมรับความตาย
ชายฉกรรจ์สี่คนมองดูคนทั้งสามแล้วหันไปคุยกันเอง มองหน้ากันแล้วว่า “เจ้าคนหัวหน้านี่ ต้องไม่ใช่คนระดับล่าง”
ชายฉกรรจ์คนหัวหน้าหันมาถามว่า “พวกเจ้าสามคนทำอะไรกัน ชื่อแซ่อะไร บอกพวกข้ามา”
หลี่จวิ้นตอบว่า “พวกเจ้าจะฆ่าก็ฆ่า ชื่อแซ่ถึงตายก็ไม่บอก อย่าหวังจะรู้ชื่อไปเยาะเย้ยถากถาง”
คนหัวหน้าได้ฟังวาจานี้ โดดลุกขึ้นชักดาบตัดเชือกให้คนทั้งสาม แล้วทั้งสี่ประมงช่วยพยุงทั้งสามเข้าบ้านไปนั่ง คนหัวหน้าค้อมคารวะกล่าวว่า
“พวกข้าเป็นโจรมาชั่วชีวิต ยังไม่พบคนขวัญแข็งเช่นผู้กล้า พี่ชายทั้งสามมาจากที่ใด ใคร่เรียนถามนามสูงส่ง”
หลี่จวิ้นว่า “เห็นว่าพวกพี่ท่านทั้งสี่ ต้องเป็นผู้กล้าเช่นกัน ข้าจึงบอกให้ ข้าทั้งสามเป็นขุนพล ลูกน้องท่านซ่งกงหมิงแห่งเขาเหลียงซาน ข้าคือมังกรน้ำขุ่นหลี่จวิ้น น้องทั้งสองนี้ คนหนึ่งคือมังกรทะลวงถ้ำถงเวย อีกคนคือมังกรตลบน้ำถงเหมิ่ง บัดนี้ได้รับนิรโทษกรรมจากราชสำนัก ออกปราบเหลียวได้ชัยกลับกรุง แล้วทรงมีพระราชบัญชาใหม่ ให้มาปราบฟางล่า หากพวกท่านเป็นคนของฟางล่า ก็นำพวกเราทั้งสามไปขึ้นรางวัลได้เลย พวกเราไม่ขัดขืน”
ทั้งสี่ได้ฟัง พากันกราบคารวะ คุกเข่ากล่าวว่า
“พวกเรามีตา แต่หารู้จักเขาไท่ซาน จึงได้บังอาจลบหลู่ ต้องขออภัย
พวกเราไม่ใช่ลูกน้องของฟางล่า แต่เดิมก็เป็นโจรปล้นเขากิน บัดนี้มาได้ทำเลดีที่บ้านหวีหลิ่ว 榆柳庄 แห่งนี้ รอบด้านเป็นคลองลึก เข้าได้แต่ทางเรือ พวกเราเป็นชาวประมงไว้ตบตาหากินปล้นชิงในทะเลสาปไท่หู พวกเราเรียนรู้วิชาทางน้ำ จึงไม่มีใครกล้ามารังควาน
พวกเราเคยได้ยินชื่อเสียงเขาเหลียงซานมานาน รวมทั้งชื่อของพี่ท่าน และยังมีอีกคนเรียกขาวคะนองคลื่นจางซุ่น ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาพบพี่ท่านตัวจริง”
หลี่จวิ้นว่า “จางซุ่นเป็นพี่น้องของข้า เป็นแม่ทัพเรืออยู่ด้วยกัน ตอนนี้รบกับพวกโจรอยู่ที่เจียงยิน วันหน้าจะแนะนำให้รู้จัก แล้วพวกท่านทั้งสี่ ขอทราบว่ามีนามใด”
คนหัวหน้าว่า “พวกผู้น้องล้วนเป็นโจรจึงมีชื่อประหลาด ท่านพี่อย่าได้ขำ ผู้น้องคือ มังกรเคราแดงเฟ่ยเป่า 赤须龙费保 ผู้นี้คือ เสือขนหยิกหนีหยุน 卷毛虎倪云 ผู้นี้คือ มังกรไท่หูปู่ชิง 太湖蛟卜青 ผู้นี้คือ หมีหน้าตอบตี๋เฉิง 瘦脸熊狄成”
1
หลี่จวิ้นรู้ชื่อคนทั้งสี่แล้วยินดียิ่งนักว่า
“พวกท่านก็ไม่ต้องระแวงกันแล้ว คนครอบครัวเดียวกัน ท่านพี่ซ่งกงหมิงได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหน้าปราบฟางล่า จะเข้าตีซูโจวแต่ยังไม่สบช่อง จึงให้พวกข้าทั้งสามมาดูลาดเลา วันนี้ได้พบท่านทั้งสี่ ข้าจะพาไปพบท่านแม่ทัพ รับรองว่าต้องได้เป็นขุนนาง เสร็จศึกฟางล่า ราชสำนักจักต้องอวยยศ”
เฟ่ยเป่าว่า “ขอรับไว้ด้วยใจ หากพวกเราทั้งสี่อยากเป็นขุนนาง ไปอยู่กับฟางล่าก็คงได้เป็นถ่งจื้อ 统制 นานแล้ว แต่พวกเรารักอิสระเสรี ไม่อยากเป็นขุนนาง หากพี่ท่านต้องการให้พวกเราทั้งสี่ช่วยเหลือ จะบุกน้ำลุยไฟ ถึงไหนถึงกัน แต่จะให้พวกเราเป็นขุนนาง พวกเราไม่ต้องการ”
หลี่จวิ้นว่า “เช่นนั้น พวกเรามาร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันเป็นไร”
สี่ผู้กล้าชอบใจยิ่ง สั่งให้ล้มหมูและแพะ จัดสุราอาหาร ร่วมสาบานยกหลี่จวิ้นเป็นพี่ หลี่จวิ้นเรียกถงเวย ถงเหมิ่งมาร่วมสาบานด้วย
จากนั้นทั้งเจ็ดก็ร่วมหารือกันเรื่องซ่งกงหมิงจะเข้าตีซูโจว
“ฟางเม่าไม่ยอมออกรบ เมืองล้อมรอบด้วยน้ำ แต่ลำคลองแคบเกินกว่าจะใช้เรือรบ เช่นนี้จะตีเมืองอย่างไร”
เฟ่ยเป่าว่า “พี่ท่านพักที่นี่ให้สบายใจสักสองวัน อีกไม่ช้าลูกน้องฟางล่าจากหางโจว 杭州 จะมาราชการที่ซูโจว เราจักใช้โอกาสนี้ชิงเมืองเสีย ผู้น้องจะให้พวกประมงไปสืบดู หากมีคนมาค่อยวางแผนกัน”
หลีจวิ้นว่า “แยบยลยิ่งนัก”
เฟ่ยเป่าเรียกพวกชาวประมงไปเฝ้าฟังข่าว และชวนหลี่จวิ้นร่ำสุราอยู่ที่บ้านเสียสามวัน พวกประมงกลับมาแจ้งว่า
“ที่ตำบลผิงว่าง 平望镇 มีเรือบรรทุกอยู่สิบกว่าลำ ท้ายเรือปักธงเหลืองเขียนว่า บรรทุกเสื้อเกราะเพื่อจวนอ๋อง เห็นว่าเป็นเรือมาจากหางโจว บนเรือมีคนเพียงลำละห้าถึงเจ็ดคน”
หลี่จวิ้นว่า “นี่นับเป็นโอกาส ขอให้น้องเราช่วยเหลือด้วย”
เฟ่ยเป่าว่า “ไปกันตอนนี้เลย”
หลี่จวิ้นว่า “ถ้าคนบนเรือหนีไปได้สักคน แผนนี้คงไม่สำเร็จ”
เฟ่ยเป่าว่า “พี่ท่านวางใจ ผู้น้องรับรองเอง”
ว่าแล้วก็ระดมเรือประมงเจ็ดสิบลำ ทั้งเจ็ดคนลงลำหนึ่ง ที่เหลือเป็นพวกประมง ซ่อนอาวุธ ล่องเรือตามลำคลองเล็กออกสู่แม่น้ำใหญ่
คืนนั้นดาวพราวฟ้า เรือหลวงทั้งสิบลำจอดทอดสมออยู่หน้าศาลพญามังกรเจียงตง 江东龙王庙 เรือของเฟ่ยเป่านำหน้ามาถึง เป่าปากเป็นสัญญาน คนจากเรือเจ็ดสิบลำกรูกันขึ้นบนเรือหลวง คนบนเรือโผล่หน้ามาก็ถูกตะขอยาวเกี่ยวจับสิ้น มัดเป็นพวงละสามคนห้าคน คนที่โดดหนีลงน้ำ ก็ไม่พ้นตะขอยาวเกี่ยวจับตัวไว้ จากนั้นก็ใช้เรือเล็กลากจูงเรือใหญ่เข้าสู่ทะเลสาปไท่หูล่องมายังบ้านหวีหลิ่ว ถึงเมื่อราวยามสี่ เชลยที่จับมาก็มัดเป็นพวงแล้วใช้หินถ่วงให้จมน้ำตายเป็นผีไท่หู เหลือหัวหน้าสองคนไว้สอบถาม
ผู้ครองเมืองหางโจวคือรัชทายาทองค์โตของฟางล่า หนานอานอ๋อง 南安王 ฟางเทียนติ้ง 方天定 เชลยทั้งสองเป็นขุนนางดูแลคลัง รับบัญชาให้นำชุดเกราะผลิตเสร็จใหม่มามอบแก่อ๋องใหญ่สามฟางเม่า หลี่จวิ้นถามชื่อแซ่คนทั้งสอง ทวงหนังสือส่งมอบของ แล้วจัดการสังหารทั้งคู่เสีย
หลี่จวิ้นว่า “ข้าต้องกลับไปหารือกับท่านพี่ด้วยตนเอง แล้วจึงค่อยลงมือ”
เฟ่ยเป่าว่า “ข้าให้เรือส่งพี่ท่านกลับไปทางลัด”
แล้วเตรียมเรือเร็วให้ประมงสองคนไปส่ง
หลี่จวิ้นกำชับถงเวย ถงเหมิ่งและเฟ่ยเป่า ให้ซ่อนเรือบรรทุกไว้ให้ดีในคลองหลังบ้าน อย่าให้ใครรู้ระแคะระคาย
เฟ่ยเป่าว่า “ไม่มีปัญหา”
หลี่จวิ้นลงเรือเล็กลัดทางมาจนถึงค่ายที่วัดหานซาน เข้าพบเล่ารายละเอียดแก่ซ่งเจียง อู๋ย่งได้ฟังก็ชอบใจว่า
“เช่นนี้ ซูโจวก็อยู่แค่เอื้อม ขอให้ท่านแม่ทัพบัญชาให้หลี่ขุย เป้าสวี้ เซี่ยงชง หลีกุ่นนำทหารโล่สองร้อย ตามหลี่จวิ้นกลับไปยังบ้านที่ไท่หู ร่วมมือกับพวกเฟ่ยเป่าทั้งสี่ ลงมือในวันที่สอง ดังนี้…”
1
หลี่จวิ้นรับบัญชานำทหารมาถึงริมทะเลสาปไท่หูแล้วให้พักรอ ตนกับสองชาวประมงรีบข้ามทะเลสาปไปก่อน แล้วจึงส่งเรือกลับมานำทางพวกหลี่ขุยไปยังบ้านหวีหลิ่ว เมื่อมาถึง หลี่จวิ้นแนะนำหลี่ขุย เป้าสวี้ เซี่ยงชง หลีกุ่นแก่เฟ่ยเป่า เฟ่ยเป่าเห็นหน้าตาท่าทางหลี่ขุยแล้วตกใจอยู่ไม่น้อย
ถึงกำหนดวัน เฟ่ยเป่าแต่งตัวเป็นขุนนางคลังนำส่งชุดเกราะ หนีหยุนแต่งเป็นผู้ช่วย นำหนังสือส่งมอบของติดตัวไว้ พวกชาวประมงขึ้นประจำเรือแต่งตัวเป็นพวกคนคุมเรือ หลี่ขุยและทหารสองร้อยนายซ่อนไปในท้องเรือ ปู่ชิง ตี๋เฉิงอยู่เรือลำสุดท้ายขนเชื้อไฟ
ขณะจะออกเดินทาง ชาวประมงเข้ามาแจ้งว่า “มีเรือลำหนึ่ง แจวไปมาน่าสงสัยอยู่ในทะเลสาป ”
พอออกมาดูก็เห็นสองคนบนหัวเรือคือ จอมเวทเทพเดินหนไต้จง ฟ้าคำรามหลิงเจิ้น หลี่จวิ้นเป่าปากให้เสียง เรือลำนั้นแจวรี่ตรงมายังบ้าน เทียบเรือที่ริมตลิ่ง ทั้งคู่ก้าวขึ้นบก หลี่จวิ้นถามว่า “ท่านทั้งสองมานี่ด้วยเหตุใด”
ไต้จงว่า “ท่านพี่ให้พวกหลี่ขุยมาแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง จึงให้ข้ากับหลิงเจิ้นนำปืนใหญ่หนึ่งร้อยกระบอกตามมา แต่ในทะเลสาปพวกเราตามไม่ทัน ที่นี่ก็ไม่กล้าผลีผลามเข้ามา ปืนพวกนี้สำหรับใช้ในวันพรุ่งนี้ หลังจากเข้าเมืองได้แล้ว ให้ยิงปืนนี้เป็นสัญญานในยามเหม่า 卯时 (6:00 น.)”
หลี่จวิ้นว่า “ดีจริง” แล้วให้ขนย้ายลังปืน ฐานตั้งปืนไปซุกไว้กับชุดเกราะตามเรือ
เฟ่ยเป่าพอรู้ว่าไต้จงมา ก็จัดสุราอาหารเลี้ยงรับรอง หลิงเจิ้นพามือปืนมาด้วยสิบคน ให้ซ่อนตัวไปในเรือลำที่สาม
คืนนั้นออกเดินทางในยามสี่ มาถึงเชิงกำแพงเมืองซูโจวยามห้า ทหารรักษาการบนกำแพงเมืองแลเห็นธงฝ่ายใต้ จึงรายงานไปยังขุนพลผู้รักษาประตูเมือง ขุนพลเสือดาวเหินกวอสื้อกว่าง 飞豹大将军郭世广 ขึ้นบนกำแพงมาดูเอง แล้วบอกให้ส่งหนังสือส่งมอบของชักขึ้นมาดูบนกำแพง เห็นว่าถูกต้อง จึงส่งต่อไปยังจวนท่านอ๋องใหญ่สาม ท่านอ๋องส่งผู้ตรวจการมาดูที่กำแพงอีกทีให้แน่ใจ แล้วจึงอนุญาตให้เข้าเมืองได้
1
กวอสื้อกว่างนั่งลงข้างประตูน้ำ ให้คนลงไปตรวจดูในเรือ เห็นว่าที่บรรทุกมาเต็มไปด้วยชุดเกราะ จึงปล่อยให้เรือเข้ามาทีละลำ พอครบสิบลำก็ปิดประตูน้ำลง ผู้ตรวจการนำพลห้าร้อยเรียงรายอยู่บนฝั่งสั่งให้เรือทอดสมอ
1
หลี่ขุย เป้าสวี้ เซี่ยงชง หลีกุ่นออกมาจากเรือ ผู้ตรวจการเห็นคนทั้งสี่หน้าตาน่ากลัว อ้าปากจะถาม เซี่ยงชง หลีกุ่นหมุนโล่ซัดมีดใส่ผู้ตรวจการตกม้าตาย ทหารห้าร้อยนายจะขึ้นมาบนเรือ หลี่ขุยถือสองขวานโดดขึ้นฝั่งไล่สับตายไปสิบกว่าคน ทั้งห้าร้อยถอยหนีไปหมด เหล่าผู้กล้าในเรือและทหารโล่สองร้อย โผล่ออกมาจากเรือเที่ยวจุดไฟเผา หลิงเจิ้นกับลูกน้องนำปืนใหญ่เรียงตั้งบนฐาน ยิงใส่อาคารบ้านเรือนเสียงดังสนั่นจนแผ่นดินสะเทือน เกิดโกลาหล
อ๋องสามฟางเม่าอยู่ในจวน ได้ยินเสียงปืนใหญ่ตกใจจนขวัญหนี ขุนพลรักษาเมืองนำทหารวิ่งออกมากลางเมือง ทหารตามประตูเมืองรายงานว่า พวกซ่งลอบยิงธนูมาถูกทหารเราตาย แล้วปีนกำแพงเข้ามาได้ สภาพการณ์ในเมืองระอุ ไม่รู้ว่าทหารซ่งเข้ามาได้แล้วเท่าไร
หลี่ขุย เป้าสวี้นำทหารโล่เที่ยวไล่สังหารอยู่กลางเมือง หลี่จวิ้น ไต้จงกับพวกเฟ่ยเป่าทั้งสี่คุ้มกันหลิงเจิ้นและปืนใหญ่ ซ่งเจียงให้ทหารปีนกำแพงเข้ามาได้ ทหารฝ่ายใต้หนีตายกันอลหม่าน
อ๋องสามฟางเม่านำทหารม้าห้าร้อยจะหนีออกจากเมืองทางประตูใต้ มาพบพายุหมุนดำหลี่ขุยเข้า ไล่สังหารทหารม้าจนแตกกระจาย หลู่จื้อเซินนำทหารโผล่มาจากตรอกมาไล่ฆ่าพวกที่หนี ฟางเม่าควบม้าจะกลับจวน มาถึงสะพานอูเชว่ 乌鹊桥 ปะกับอู่ซงควงมีดศีลเข้าตัดขาม้าขาด ฟางเม่าตกม้า อู่ซงตามเข้ามาตัดหัวหิ้วไปเป็นผลงาน
ซ่งเจียงเข้ายึดจวนอ๋องเป็นกองบัญชาการ ทหารไล่สังหารพวกฝ่ายใต้ หรือจับเป็นเชลย รอดไปได้แต่หลิววิน 刘赟 นำทหารเดนตายหนีไปยังสิ้วโจว 秀州
神器从来不可干,僭王称号讵能安?
武松立马诛方貌,留与凶顽做样看。
อาญาสิทธิ์หาใช่ให้ใช้เล่น
ริช่วงชิงเป็นราชันสุขสันต์เล่า
อู่ซงตัดขาม้าฆ่าฟางเม่า
พวกเหิมเกริมดูเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ตอนก่อนหน้า : ศึกซูโจว
ตอนถัดไป : มังกรเตรียมปล่อยวาง
โฆษณา