เบื้องลึกประวัติศาสตร์เขมรแดง: จากอุดมคติสู่โศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เมื่อพูดถึง **เขมรแดง** ภาพความโหดร้าย การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และผลกระทบต่อประเทศไทยมักผุดขึ้นมาในความคิด เรื่องราวนี้ซับซ้อนและน่าเศร้า เริ่มต้นจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้และฝรั่งเศสกลับมายึดครองกัมพูชาอีกครั้ง แม้กัมพูชาจะได้รับเอกราชในปี 1953 แต่ความวุ่นวายทางการเมืองก็ปะทุขึ้น
**พล พต** หรือ ซา ลอต นักศึกษาทุนที่ได้ไปเรียนรู้แนวคิดคอมมิวนิสต์จากฝรั่งเศส กลับมาเข้าร่วมกับ **เขมรเวียดมินห์** ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาล พระเจ้าสีหนุ กษัตริย์ผู้มีอำนาจทางการเมือง พยายามคานอำนาจและปกครองประเทศแบบพรรคเดียว สร้างความไม่พอใจให้แก่ฝ่ายซ้าย พล พต ซึ่งในขณะนั้นเป็นครูสอนหนังสือ ได้ทำงานเบื้องหลังเพื่อรวบรวมกำลังผู้ที่มีแนวคิดเดียวกัน
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ **ลอน นอล** ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1966 เขามีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและใช้นโยบายที่กดขี่ชาวนา ทำให้เกิดการประท้วงและนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง ภาพความโหดร้ายของลอน นอล ทำให้ประชาชนจำนวนมากหันไปเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ที่พระเจ้าสีหนุเริ่มเรียกว่า **เขมรแดง**
ในปี 1970 ลอน นอล ฉวยโอกาสที่พระเจ้าสีหนุอยู่ต่างประเทศ ยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ กวาดล้างชาวเวียดนามและล้มล้างระบอบกษัตริย์ เปลี่ยนกัมพูชาเป็นสาธารณรัฐ เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความรุนแรงและสังหารหมู่ชาวเวียดนามนับพัน พระเจ้าสีหนุผู้ถูกยึดอำนาจ ได้เดินทางไปยังปักกิ่งและตัดสินใจร่วมมือกับเขมรแดงเพื่อโค่นล้มลอน นอล การสนับสนุนจากจีนและเวียดนามเหนือ ทำให้เขมรแดงเติบใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อกองกำลังสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดถล่มกัมพูชาอย่างหนัก ทำให้ชาวบ้านที่โดนลูกหลงเกิดความแค้น และเข้าร่วมกับเขมรแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดกรุงพนมเปญก็แตกในวันที่ 17 เมษายน 1975 เขมรแดงเข้ายึดอำนาจ ชาวบ้านต่างยินดี แต่ไม่รู้เลยว่าชีวิตหลังจากนี้จะตกอยู่ภายใต้การปกครองที่โหดร้ายยิ่งกว่าเดิม
หลังยึดพนมเปญ เขมรแดงได้กวาดต้อนผู้คนออกจากเมืองทันที โดยอ้างว่าจะพาไปทำการเกษตรในชนบทเพื่อสร้างกัมพูชาให้เป็นประเทศเกษตรกรรมในอุดมคติ นโยบายนี้ทำให้เกิดการบังคับใช้แรงงานอย่างหนัก การอดอยาก และการสังหารผู้คนจำนวนมากด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน เพื่อประหยัดกระสุน เด็กจำนวนมากถูกจับฟาดกับต้นไม้จนเสียชีวิต
นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นชนชั้นทุนนิยม ปัญญาชน หรือผู้ที่นิยมต่างประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติพันธุ์ ต่างถูกจับเข้าคุก ทรมาน และสังหารใน **ทุ่งสังหาร** ไม่มีการทราบตัวเลขที่แน่ชัด แต่คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ถึง 1-3 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 7.8 ล้านคน
พล พต ยังสั่งทำลายสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่บ่งบอกถึงชนชั้น ทำให้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เสียหายอย่างใหญ่หลวง หลังเขมรแดงยึดประเทศ กัมพูชาตกอยู่ในความวุ่นวาย ประชาชนนับแสนคนหนีตายเข้าสู่ประเทศไทย รัฐบาลไทยในขณะนั้น โดยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ได้ตัดสินใจเปิดประตูต้อนรับผู้ลี้ภัย โดยมีค่ายอพยพชื่อดังอย่าง **เขาอีด่าง**
ความตึงเครียดในภูมิภาคยังคงอยู่ เขมรแดงพยายามทำสงครามกองโจรกับเวียดนาม จนกระทั่งนายกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ผลักดันนโยบาย "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" ทำให้มีการเจรจาสันติภาพระหว่าง 4 ฝ่ายของกัมพูชา และเวียดนามยอมถอนกำลังออกไปในที่สุด
**พล พต** เสียชีวิตในปี 1998 โดยยังไม่ได้รับโทษใดๆ แม้ทุกวันนี้กัมพูชาจะพัฒนาไปมาก แต่ร่องรอยความเสียหายยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานที่ถูกทำลาย หรือผู้คนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากช่วงเขมรแดงปกครอง นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดที่ฝังไว้ตามชายแดนยังคงเป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คนในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าความเจ็บปวดจากสงครามยังคงตราตรึงอยู่ในใจชาวกัมพูชาเสมอ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
