Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แอร์(โด)ฮา...เล่า(เอา)เรื่อง
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 02:37 • หนังสือ
EP.4 ลูกเรือไม่ใช่นางแบบ…แต่คือคนที่เทรนให้"แบก"ความปลอดภัยไว้หลังม่าน
ในช่วงการเทรนนี้ ไม่มีใครเด่นกว่าใคร ไม่มีแบรนด์ ไม่มีดีกรี ไม่มีหน้าสวย
มีแค่หัวใจที่ต้องเข้มแข็งพอ...จะดูแลชีวิตคนทั้งลำ”
Phase 1: ปฐมนิเทศ & ปรับโหมดชีวิต (Week 1)
วันแรกของการเทรน...โลกของลูกเรือไม่ใช่แค่ “เดินสวยบนเครื่อง”
เพื่อนร่วมรุ่นหลากหลายสุด ๆ — บางคนจบการบิน บางคนไม่เคยนั่งเครื่องมาก่อน ลูกคุณหนู ยันมาทำงานเอาสังคม หรือมนุษย์ Born to be air ด้วยความ 3 ภาษา แบบmother tongue
แต่ทุกคนได้รับ ตารางเทรน 2 เดือน พร้อมคำเตือนที่ฟังแล้วหนาวๆร้อนๆ
“ทุกวันคือสนามสอบ พลาดวันใดวันหนึ่ง = ไม่ผ่าน”
“ชื่อเสียง ความเก่ง ความภูมิใจจากโลกนอกสนามบิน ต้องวางไว้ก่อน”
ทุกคนถูกแจก manual หนาเท่าดิกชันนารี Oxford สีเหลืองสดที่พกทุกครั้งเมื่อขึ้นบิน
เนื้อหาแน่นตั้งแต่ safety, systems, emergency, first aid ยันวิธีเปิดประตูเครื่อง
จากคนที่เคยตื่นสิบโมง → กลายเป็นมนุษย์ตีห้า ต้มกิน นอนกินกับสิ่งนี้
อ่าน manual ตอนฟ้ายังไม่สาง…ด้วยคาเฟอีนกับความฝันล้วนๆ+ด้วยมิโส MISO (M150) ที่ทำให้ระดับความตื่นตัวพร้อมที่จะพุ่งใส่ตำราตลอดเวลา
(ถ้ามีขนมปังวิเศษโดราเอมอนคือจะดีมาก แปะแล้วกินจำได้ทั้งเล่ม)
Phase 2: Fire Drill & Safety Drill (Week 2–3) เราย้ายไปฝึกที่ ศูนย์ฝึกลูกเรื่องการบินไทย
สารพัด เหตุไฟไหม้, อพยพ, เปิด slide, ใช้อุปกรณ์เพลิงเรียนเรื่อง Classของไฟที่ต้องนำมาดับ ลึกยันวัตถุ สารกัดกร่อนประเภทต่างๆ — แบบฝึกจริง เจ็บจริง ตะโกนจริง เสียงแหบแหก จำตำแหน่งอุปกรณ์บนเครื่องทุกรุ่น เหมือนนักบิน แต่ไม่มีสิทธิขับ สิ่งที่จำได้ดีคือ
วันนั้นทุกคนตื่นตั้งแต่เช้า ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวั่น ทั้งห่วงหน้าไม่ให้หลุดตอนกระโดด
เพราะวันนี้ไม่ใช่วันเรียนธรรมดา แต่คือวัน “Emergency Evacuation Drill”
ที่ต้อง “เปิดประตูฉุกเฉิน และกระโดดสไลด์จริง” ไม่ใช่ดูจากยูทูบหรือหนังสือที่ท่องมา
นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น
⟫⟫⟫ เปิดประตูฉุกเฉินและอพยพ ⟫⟫⟫
• ทุกคนต้อง Role play รับบท “Cabin Crew at Overwing exit” (ทางออกฉุกเฉินที่อยู่บนปีกเครื่องบิน)
• Instructor ให้คำสั่ง:
“เมื่อได้สัญญาณ Brace แล้ว คุณมีเวลาไม่เกิน 5 วินาทีในการเปิดประตูและตะโกนคำสั่ง!”
สิ่งที่ต้องทำ
• ถกแขนเสื้อชุดหมีสีฟ้า จับ Handle ใช้ไหล่ประคองน้ำหนักของประตูฉุกเฉิก(น้ำหนักประมาณ 18 กิโลกรัม) เอาดีๆคือ “ยกไม่ขึ้นคือจบ..กลับบ้านนะ”
• ตะโกนดั่งพี่ว้ากที่คณะวิศวะด้วยคำว่า “EVACUATE! EVACUATE!” ออกไปพร้อมยกประตูออก (Overwing Exit) กรณีฉุกเฉินจริงจะต้องเขวี้ยงออกนอกเครื่อง และดึงSlide แต่นี้คือเครื่องบินจำลอง จึงยกมาข้างใน
ต้องมั่นใจว่าบรรดาเพื่อนๆที่รับบทเป็นผู้โดยสารนั้นต้องออกมา และแน่นอนว่าเรา Command “EVACUATE! EVACUATE!” จนกว่าผู้โดยสารจะหมด และเราต้องคว้าอุปกรณ์ยังชีพทั้งหมดตามจุดที่มอบหมาย (ต่างตำแหน่ง ต่างอุปกรณ์) ที่ต้องจำว่าอยู่ที่ไหนและลงตามเป็นคนสุดท้ายหลังผู้โดยสารลงทั้งหมด โหดไหมในความเป็นจริงคือ จะตาย จะเสี่ยงต้องทำDrillเหล่านี้ เพราะลงไปแบบกลัวชีวิต ผู้โดยสารและเราก็จะไม่รอดหรือโอกาสรอดลดลงจากการอพยพอยู่ดี บอกแล้วว่า "สติ" ค่ะทุกคน เพราะฉะนั้นเวลาเห็นแอร์หน้ามุ่ยตอนลงและขึ้นนั้นคือ
กำลัง บททวน Drill Emergency ที่ต้อง Remind (เอาไว้จะเล่าให้ฟังคราหนา)
ประเด็นคือ คนสุดท้ายจริงๆที่ลงคือ กะปิตัน หรือ “กัปตัน” ของเครื่องค่ะ ถึงตอนนี้เริ่มจะไม่อยากมีแฟนเป็นกัปตันกันแล้วละสิ
ต่อมา
⟫⟫⟫ กระโดดลง Slide (บนบก) ⟫⟫⟫
• ยืนหน้า slide สูงเท่าชั้นสองของบ้าน
• Instructor บอกให้ “cross arms, sit, and slide”
• ในหัวคือ…
“ขออย่าให้หมุน 360 องศาเหมือนลูกบอลเป็นพอ” เห็นเพื่อนแล้วคือเลือดซิบหนังกำพร้าลอกค่ะ! ด้วยความสูงและความเร็วเสียดทานตอนลง
• ตอนกระโดดจริงคือ…
เอ้ยยยย ถึงพื้นอย่างปลอดภัย สวยงาม เอาจริงคือ ชอบมากความสูง แทบจะอยากวิ่งแล้วกระโดดลงมา
แม้ว่า ในเพื่อนร่วมรุ่นเราอาจจะมีบ้างที่กลัวความสูง แต่ความตั้งใจนั้นชนะความกลัวความสูงของเพื่อนหลายคนในวันนั้น เยี่ยมมากตัวเธอ!
⟫⟫⟫ กระโดดลงน้ำ (Slide into Pool) ⟫⟫⟫
• ศูนย์ฝึกมี “mock-up aircraft door” ที่ต่อ slide ลงสระน้ำ
• คราวนี้ต้องใส่ life vest, สูบลม, แล้วกระโดดลงน้ำจริง
• ต้องฝึก:
o กระโดดพร้อมเป่านกหวีด
o ว่ายไปจับ raft และช่วยผู้โดยสารขึ้นแพ
o ดึงสายฉุกเฉินที่อยู่ใต้ก้นแพยาง (survival kit)
Phase 3: First Aid Intensive (Week 4)
“ลูกเรือไม่ใช่หมอ...แต่ต้องช่วยชีวิตได้ก่อนหมอมาถึง”
เนื้อหานี้จริงจังและหนักหัวใจที่สุด
• CPR, AED
• เด็กสำลัก
• คนคลุ้มคลั่ง
• แผลไหม้
• คลอดกลางฟ้า (มีจริง มีเรียน!)
ถ้าคิดว่าเวลาการบินของสายการบินในประเทศไม่นานนัก มากที่สุดอาจแค่ชั่วโมงครึ่ง ในทางกลับกันทุกนาทีคือความเป็นความตายของคนที่เป็นที่รักของใครบ้างคน
Phase 3 ที่เกิดขึ้นจริงคือ ดิชั้นทำคลอดให้มนุษย์มัมบนเครื่องค่ะ! บนไฟลต์ไป อเมริกา ณ สายบินเบอร์กันดี เอาไว้เล่าในครั้งหน้า กลิ่นเลือดและ เสียงรัวลิ้นตามธรรมเนียม เข้าสู่โสตประสาททันที
Phase 4: Manual & SOP (Week 5–6)
เข้าสู่โหมด สอบวิชาหนักหัว(ใจ)แต่จำเป็น
• ท่อง manual ราวกับจะสอบใบขับขี่ชีวิต
• จำชื่ออุปกรณ์ จุดเก็บ รหัสประตู
• เข้าใจระบบ cabin pressurization, decompression, smoke evacuation, emergency landing
เพื่อนบางคนภาษาอังกฤษไม่แข็ง…จำไม่ได้
ใครสอนเร็วก็สอน ใครเข้าใจช้าก็ไม่ถูกทิ้งไว้
Phase 5: Mock Flight & Final Exam (Week 7–8)
จำลองเที่ยวบินจริง รับบทลูกเรือทุกขั้นตอน
• ต้อนรับ
• สาธิต
• เสิร์ฟ
• เจอเหตุฉุกเฉิน
• สื่อสารกับนักบิน
Final Exam = ข้อเขียน + ปฏิบัติ + “สอบใจ”
สอบว่า...เราเหมาะจะรับผิดชอบชีวิตคนอื่นไหม?
มิตรภาพมันไม่ได้แค่ช่วยติว
แต่มัน “ยืนอยู่ข้าง ๆ” ในวันที่เรารู้สึกแย่ที่สุด
บทเรียนที่โหดที่สุดในคลาส ไม่ใช่เรื่อง safety หรือ manual แต่คือการเรียนรู้ว่า...ไม่มีใครบินลำพังได้โดยไม่มีทีม
เพื่อนจากต่างจังหวัด ต่างสำเนียง ต่างพื้นฐานทางบ้าน หรือการเงิน
กลับทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น เห็นข้อดีของกันและกัน
แม้จะผ่านไปหลายปี ทุกคนยังคงพูดถึงรุ่นเราถึงความเหนียวแน่น และก๋ากั๋น (อาจจะ Sensor หน่อยๆ)
มันน่าจะเริ่มต้นจากความผูกพันธ์และความรัก ที่เติบโตร่วมกัน ร้องไห้บ้าง ด่ากันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง ตามประสา
วันนี้แม้จะเดินบนเส้นทางที่ต่างกัน
แต่ทุกครั้งที่หันกลับมา
ภาพวันแรกในห้องเทรน...ยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
พบกันและติดตาม ตอนหน้า EP.5 ไฟลต์แรก พร้อมปีกที่ไม่ได้ติดไว้แค่หน้าอก...แต่ติดไว้ในใจ
Blockdit :
https://www.blockdit.com/pages/682754c120d2dd1052d3cc83
FB :
https://www.facebook.com/profile.php?id=61576348083135&sk=followers
#แอร์โดฮาเล่าเอาเรื่อง
#ชีวิตจริงของตัวมัมบนฟ้า
ขอบคุณที่แวะเข้ามา
ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะคะ แล้วเราจะได้ออกเดินทางไปด้วยกัน ❤️
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
4
2
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย