25 พ.ค. เวลา 04:32

#จุดเริ่มต้นของการป่วยทางจิตของผม

ในปี 2542 ผมเริ่มมีอาการของโรคไตผมรักษาโดยการควบคุมอาหารและรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นจนถึงปี 2543จึงเริ่มฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ผมฟอกเลือดอยู่สองปีผมเริ่มมีอาการทางจิต ตอนแรกนั้นผมไม่ทราบว่ามันเป็นโรคอะไรแต่ผมเริ่มมีอาการเห็นภาพมายา(ภาพหลอน)ผมจึงไปพบจิตแพทย์ คุณหมอให้ยามาทานและบอกว่าเป็นอาการของโรคทางจิตที่มีความเกี่ยวเนื่องจากสมอง ผมรักษาอยู่หกเดือนคุณหมอท่านก็ย้ายงานไปอยู่ฝ่ายบริหารและไม่มีหมออื่นมารักษาต่อ ผมจึงต้องหยุดการรักษาไปโดยปริยาย ในปี 2545 ผมได้ไปผ่าตัดปลูกถ่ายไตที่
รพ.รามา อาการทางจิตเริ่มกำเริบมากขึ้นผมจึงไปพบจิตแพทย์ที่ รพ.รามา คุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคจิตเภท นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จิกชื่อของโรคที่ผมเป็นอยู่ บอกตรงๆว่าผมไม่รู้จักโรคนี้มาก่อนโรคนี้จะมีอาการหูแว่ว และเห็นภาพมายา(ภาพหลอน)และมีอาการหวาดระแวง ผมรักษาด้วยการทานยา คุณหมอที่ รพ.รามาปรับยาอยู่สามถึงสี่ครั้งอาการก็ดีขึ้นแต่ไม่หายขาด ผมเคยถามคุณหมอว่าโรคนีรักษาหายมั้ย คุณหมอบอกว่าต้องใช้เวลาในการรักษา เวลาผ่านไปสามปีผมก็ยังไม่หายจากโรคจิตเภทผมจึงคิดว่ามันคงไม่หายแล้ว
ซึ่งผมก็เข้าใจถูกว่ามันไม่หายเพราะคุณหมอบอกผมในปีที่ 21ของการรักษาว่าโรคนี้รักษาไม่หาย ผมทำใจยอมรับความจริงมาตั้งแต่ปีที่สามที่ผมถามคุณหมอแล้ว โรคนี้มีเหตุมาจากความผิดปรกติของสารสื่อประสาทที่ชื่อ"โดปามีน" เมื่อโดปามีนแปรปรวนจะทำให้เกิดความเสียสมดุลย์ ยาที่คุณหมอให้มาทานนั้นเป็นยาที่ปรับความเสียสมดุลย์ของโดปามีนให้กลับมามีความสมดุลย์ดังเดิม ซึ่งมันก็รักษาอาการนี้ได้ดีแต่มันยังรักษาอาการบางอาการไม่หายคืออาการหูแว่ว ผมมีอาการหูแว่วมาตลอด 23 ปีของการรักษา แต่ผมก็ยอมรับอาการนี้ได้
และใช้ชีวิตได้ตามปรกติ จนเมื่อปี 2563 แม่ของผมล้มป่วยลงและเป็นผุ้ป่วยติดเตียงทำให้ผมมีความเครียด อาการของโรคจิตเภทที่รักษาจนสงบไประยะหนึ่งนั้นได้กำเริบขึ้นมากอีก และช่วนนั้นผมได้ย้า รพ.ที่รักษามารักษากับ รพ.ใกล้บ้านแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น(ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โรคโควิตระบาด) จนเมื่อแม่ของผมได้เสียลงผมจึงกลับไปรักษาที่ รพ.รามาอีกครั้งคุณหมอที่ รพ.รามาจึงปรับยาให้อีกครั้งจนอาการเริ่มดีขึ้น
...นักศึกษายามราตรี...
โฆษณา