25 พ.ค. เวลา 10:01 • ประวัติศาสตร์

รู้หรือไม่? "แฮมเบอร์เกอร์" อาหารสัญลักษณ์ของอเมริกา

มีที่มาย้อนไปถึงยุคมองโกลรุ่งเรือง ไปร่วมหาคำตอบกัน
Hamburger (แฮมเบอร์เกอร์) ขนมปังกลมๆ 2 แผ่น ประกบกัน มีตรงกลางวางด้วยเนื้อบดที่เอาไปย่างบนกระทะ พร้อมผักสดและเครื่องเคียงต่างๆ เป็นอาหารที่สื่อสัญลักษณ์แทนประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจบ้านเราเรียก “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ส่วนอเมริกาเรียก “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์”
บทความนี้ไปร่วมหาคำตอบกันครับ ว่าแฮมเบอร์เกอร์มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติของอเมริกาได้อย่างไร
  • เส้นทางประวัติศาสตร์จากทวีปเอเชียมุ่งสู่อเมริกา
มีหลายแหล่งหรือบางบทความระบุว่า แฮมเบอร์เกอร์มีต้นกำเนิดมาจากเยอรมนี เพราะชื่อมีที่มาจาก Hamburg (ฮัมบวร์ก) เมืองท่าขนาดใหญ่ในยุโรป ก่อนจะส่งต่อสูตรเนื้อบดย่างมาฝั่งอเมริกา แต่จากการศึกษาของนักวิจัยเฉพาะด้านของเมนูนี้และบางสถาบันค้นคว้าด้านเกษตรกรรมกลับพบว่า
เรื่องราวต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์สามารถย้อนกลับไปถึงยุคกลาง หรือ ช่วงศตวรรษที่ 13 ในแผ่นดินกว้างใหญ่ของมองโกเลีย ซึ่งมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ชนชาติ คือ มองโกล กับ ทาทาร์
เป็นช่วงที่ชนชาติมองโกลที่อยู่ในดินแดนตะวันตกได้ก่อตั้งประเทศชินฉาข่านขึ้น (ชื่อภาษาอังกฤษว่า Golden Horde) จากที่ยุคก่อนนี้ 2 ชนชาตินี้ผลัดกันต่างแย่งชิงอำนาจปกครองในดินแดนแถบนี้ และทาทาร์ก็ถูกทางมองโกลตีแตกพ่าย
ศตวรรษที่ 13 การสู้รบของชนชาติมองโกลเมื่อครั้งก่อตั้งประเทศ Golden Horde ที่มาภาพ: Wikimedia Commons
ชนชาติทาทาร์ในยุคนั้นได้มีการเก็บรักษาเนื้อแกะดิบไว้บริเวณอานม้า เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารโบราณ เพราะขณะที่ขี่ม้าเดินทางไกลตลอดวัน โดยที่เนื้อแกะซึ่งอยู่บนอานม้านี้จะถูกกระแทกไปมาตลอดทางตามแรงควบม้า ทำให้เนื้อดิบนุ่มขึ้น
เมื่อถึงเวลาตั้งค่ายพักแรม พวกเขาก็จะนำเนื้อดิบนี้ออกมาทิ้งไว้สักครู่ให้อุ่นขึ้น แล้วสับให้ละเอียดพอประมาณ โดยที่ใส่เครื่องเทศหรือปรุงรสเข้าไป (ทานเป็นแบบเนื้อดิบ) พร้อมทานได้ตลอดเส้นทาง
  • เมนูสเต็กเนื้อดิบที่ชื่อ Tartare ก็น่าจะมีที่มาจากตรงนี้ตามชื่อชนชาติ Tatars นั่นเอง
1
เมนูนี้ได้ถูกส่งต่อถ่ายทอดไปถึงยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะเมืองท่าริมฝั่งทะเลบอลติกทางแถบสแกนดิเนเวีย ผู้ที่นิยมทานก็เป็นพวกลูกเรือที่ทำงานบนเรือเดินสมุทร
หลายศตวรรษถัดมา เมนูนี้ก็ได้เดินทางมาถึงเมืองท่า Hamburg ในเยอรมัน โดยมีการดัดแปลงเปลี่ยนจากเนื้อแกะดิบสับมาเป็นเนื้อวัวบดเป็นก้อนและทำให้สุก โดยเมนูนี้ยังส่งต่อมาถึงปัจจุบันในชื่อ Frikadellen
เมนูเนื้อบดของเยอรมันที่ชื่อ Frikadellen ที่มาภาพ: https://dirndlkitchen.com/frikadellen-german-hamburgers
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ได้มีผู้อพยพชาวเยอรมันได้เดินทางจาก Humburg ไปตั้งรกรากที่ดินแดนอเมริกา โดยที่พวกเขาชอบทานเมนู Frikadellen ในตอนที่อยู่ฝั่งยุโรป เพราะอร่อยและราคาถูกด้วย จึงมีการนำสูตรทำเมนูนี้เดินทางมาขึ้นฝั่งที่อเมริกาด้วย
เมื่อมาถึงฝั่งทวีปอเมริกา ผู้คนจึงมองเมนู Frikadellen ว่าเป็นสัญลักษณ์ของคนเยอรมันย้ายถิ่นมาอยู่อเมริกา ดังนั้นเพื่อให้หนีจากความเป็นชาติเยอรมัน คนเยอรมันที่อพยพไปจึงมีการดัดแปลงโดยมองเมนูนี้ว่าเป็นเมนูสเต็กเนื้อบดสไตล์ฮัมบวร์ก และเปลี่ยนชื่อเป็น “Hamburg Steak”
คนเยอรมันที่อพยพไปอเมริกาส่วนใหญ่ในยุคนั้นจะมาทำฟาร์มกัน และเป็นช่วงที่งานประจำปีของรัฐ (State Fair) กำลังเป็นที่นิยม (คล้ายๆกับงานวัดหรืองานออกร้านประจำปีในบ้านเรา) ถ้านึกภาพไม่ออกลองดูลักษณะบรรยากาศงานรูปแบบนี้จากด้านล่าง
1
State Fair ในอเมริกา ที่มาภาพ: https://smartasset.com/mortgage/americas-best-state-fairs
งานออกร้านนี้จะมีเปิดบูธขายอาหารด้วย โดยคนเยอรมันที่อพยพไปจะทำเมนู Hamburg Steak ขายเป็นหลัก ซึ่งเมนู Hot Dog ก็มีขายตามงานนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
ดังนั้น Hot Dog จึงเป็นที่มาให้คนที่เปิดบูธขายอาหารในงานเหล่านี้ ได้ประยุกต์นำขนมปังมาประกบคู่กับสเต็กเนื้อบดซึ่งเป็นเมนูของคนเยอรมันอพยพ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น Hamburg Sandwiches และกลายเป็นชื่อเรียกเมนู Hamburger ในที่สุด
  • ใครเป็นคนต้นคิดเมนูแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกา
นักวิจัยสำรวจแล้วพบว่าไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าใครเป็นผู้คิดคนแรกเอาขนมปังมาประกบบนสเต็กเนื้อบด จนกลายเป็นแฮมเบอร์เกอร์ในปัจจุบัน เพราะดูเหมือนจะทำขึ้นพร้อมๆกัน โดยส่วนใหญ่พบว่าเริ่มมีที่มาจากรัฐทางเขต Midwest ก่อน ไล่จาก "เท็กซัส-โอไฮโอ-วิสคอนซิน"
ต่างรัฐต่างเคลมว่าเป็นต้นกำเนิดของแฮมเบอร์เกอร์ ตัวอย่างเช่น
  • วิสคอนซิน บอกว่าเป็น “Home of the Hamburger” โดยเชื่อว่าคนที่คิดทำคนแรกคือ Charles Nagreen ในปี 1885 เริ่มต้นทำธุรกิจเมื่ออายุ 15 ปี จากมีทบอลก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงหันมาจับทำเมนูเนื้อบดประกบด้วยขนมปัง ธุรกิจประสบความสำเร็จรันจนเขาเสียชีวิตในปี 1951 ปัจจุบันที่นี่มีการจัดงานประจำปีที่ชื่อ Burger Festival มีการเดินพาเหรดแฮมเบอร์เกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แฮมเบอร์เกอร์สไตล์ของวิสคอนซิน ที่มาภาพ: https://www.rachaelrayshow.com/recipes/25788_wisconsin_style_burgers_with_worcestershire_b_l_t_and_pub_cheese
  • โอไฮไอ เชื่อว่าคนที่คิดทำคนแรกคือพี่น้อง Frank และ Charles ในปี 1885 โดยได้เดินสายจัดงานออกร้านไปทั่ว โดยขายเมนูแซนวิชที่มีไส้เป็นชิ้นหมูบดก้อนเป็นหลัก
เมื่อครั้งมาจัดงานที่ Hamburg, New York สองพี่น้องพบว่าเนื้อหมูขาดตลาด คนขายหมูบอกว่าอากาศร้อนและชื้นเกินไปที่จะแล่หมู พวกเขาเลยแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนไปใช้เนื้อวัวบดแทน และตั้งชื่อเมนูว่า Hamburger ตามชื่อเมืองที่ไปจัดงานคือ Hamburg, New York
แฮมเบอร์เกอร์สไตล์ของโอไฮโอ ที่มาภาพ: http://edition.cnn.com/travel/article/original-american-hamburger-restaurants-history/?hpt=ob_blogfooterold
  • คอนเนตทิคัต เชื่อว่าในปี 1895 เมื่อ Louis Lassen เจ้าของร้านชื่อ Louis’ Lunch ใน New Haven เป็นร้านทำกันแบบครอบครัว เริ่มเปิดขายแฮมเบอร์เกอร์ให้ลูกค้าที่แวะเวียนผ่านมา โดยใช้เนื้อวัวบดย่างแล้วประกบด้วยขนมปังในรูปแบบแซนวิช
ร้าน Louis’ Lunch ใน New Haven, Connecticut ที่มาภาพ: http://edition.cnn.com/travel/article/original-american-hamburger-restaurants-history/?hpt=ob_blogfooterold
แฮมเบอร์เกอร์สไตล์ของคอนเนตทิคัต ที่มาภาพ: http://edition.cnn.com/travel/article/original-american-hamburger-restaurants-history/?hpt=ob_blogfooterold
  • เท็กซัส เชื่อว่าในปี 1904 โดย Fletch 'Old Dave' Davis จาก Athens, Texas เป็นผู้ริเริ่มทำเมนูใหม่นี้ขายในงาน 1904 St Louis World Fair โดยย่างเนื้อบดให้ด้านนอกกรอบ ประกบด้วยขนมปังหนาๆแบบโฮมเมด และมีหอมใหญ่สดสไลด์หนาๆวางบนเนื้อ
และ Old Dave ยังนับว่าเป็นผู้คิดค้นทำ French Fries โดยจุดประสงค์เพื่อขายคู่กินกับแฮมเบอร์เกอร์ที่เค้าคิดค้นทำก่อนหน้า
แฮมเบอร์เกอร์สไตล์เท็กซัส ที่มาภาพ: https://www.texasmonthly.com/issue/august-2009
  • บทสรุป:
  • เส้นทางของแฮมเบอร์เกอร์เริ่มต้นจากการถนอมเนื้อดิบไว้กินระหว่างเดินทางไกล จากในเอเชีย (มองโกล) ส่งต่อไปยังยุโรปจนถึงเยอรมัน ซึ่งได้มีการดัดแปลงเป็นการทำให้สุกทาน ก่อนที่จะส่งต่อข้ามทวีปไปยังดินแดนอเมริกา โดยมีการดัดแปลงประยุกต์ผสมผสานกับเมนูฮอทด็อกที่มีขายอยู่ก่อน จนกลายเป็น Hamburger ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาในที่สุด
  • อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แฮมเบอร์เกอร์เป็นสัญลักษณ์ของชาติ นั่นคือความนิยมในการบริโภคเมนูนี้ในหมู่ชนชั้นคนทำงานในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมตอนปลาย ทำให้เป็นเมนูประจำวันที่ขาดไม่ได้ เพราะทานสะดวกและรวดเร็ว
  • ใครเป็นผู้คิดค้นทำเมนูนี้ไม่สามารถบอกได้แน่ชัด แต่ก็มีหลายร้านอาหารที่ทำเมนูนี้ขายตั้งแต่เริ่มเปิดธุรกิจจนถึงปัจจุบันร่วมกว่า 100 ปีได้แล้ว
เรียบเรียงโดย Right Style
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
รศ.ดร. เมชฌ สอดส่องกฤษ, อาจารย์สาขาภาษาจีน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี - https://metchs.blogspot.com/2011/11/44.html
<เครดิตภาพปก: Pixabay>
โฆษณา