28 พ.ค. เวลา 05:23 • ท่องเที่ยว
มหาวิหารแคนเทอร์เบอรี

Canterbury Cathedral…สถาปัตยกรรมที่เล่าเรื่องได้

Chapter 83/3: A Journey to Canterbury Cathedral
มาถึง Highlight ของเมือง Canterbury กันละค่ะ สถานที่ที่พลาดไม่ได้เมื่อมาที่เมืองนี้เพราะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม เรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ
พร้อมกันรึยังคะ…ป่ะ
Canterbury Cathedral หรือ อาสนวิหารแคนเทอร์เบอรี มีชื่อเต็มๆ ว่า "Cathedral and Metropolitical Church of Christ at Canterbury" เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมือง Canterbury มณฑล Kent ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ
เสียดายตอนที่เราไปประตูทางเข้ากำลังทำการบูรณะอยู่ ของจริงจะเป็นแบบนี้
รูปจาก https://www.exploringgb.co.uk/blog/christ-church-gate-canterbury
อาสนวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างปี ค.ศ. 597 โดย St. Augustine (นักบุญออกัสติน) ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจาก Saint Gregory I the Great (พระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 1) แห่งกรุงโรมให้มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาท่านก็ได้กลายเป็น Archbishop of Canterbury (อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์บรี) คนแรกของอังกฤษ
Canterbury Cathedral นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของ Anglican Communion หรือคริสตจักรแองกลิกันทั่วโลกแล้ว ยังเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปยุคกลางอีกด้วย
รายละเอียดบนเพดานประตูทางเข้า
สิ่งที่เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับสถานที่แห่งนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1170 เมื่อ St. Thomas Becket อาร์ชบิชอปในขณะนั้นได้เกิดความขัดแย้งกับ King Henry II (พระเจ้าเฮนรีที่ 2) จนเป็นเหตุให้อาร์ชบิชอปถูกลอบสังหารภายในอาสนวิหารแห่งนี้ และพระศพของท่านก็ถูกเก็บไว้ในโบสถ์น้อย Trinity Chapel ซึ่งอยู่ด้านใน ทำให้ผู้แสวงบุญต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อที่จะเคารพพระศพของท่านกันอย่างมากมาย
Canterbury Cathedral ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี 1988 และที่นี่ยังเป็นโบสถ์ประจำตำแหน่งของ Archbishop of Canterbury ผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของนิกายแองกลิกันทั่วโลกอีกด้วย
พอเดินผ่านประตูมาถึงจะเจอกับตัวอาสนวิหาร
ยิ่งใหญ่อลังการมาก
เราเดินเข้ามาด้านในจะเจอกับ Nave (เนฟ) หรือโถงกลางของวิหารซึ่งสูงโปร่งและตกแต่งอย่างงดงามด้วย Stained Glass หรือกระจกสีโบราณ
โถงกลางของวิหารนี้สร้างในสไตล์ Perpendicular Gothic (เพอร์เพ็นดิคิวลาร์กอธิก) ซึ่งเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมกอธิกแนวตั้งแบบอังกฤษที่เน้นความสูง ความโปร่ง เส้นตั้งตรงที่โดดเด่น เพดานทรงพัด หน้าต่างทรงสูง และใช้หินประดับอย่างละเอียด (เป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนกับกอธิกของฝรั่งเศสอย่างมหาวิหาร Notre-Dame)
เดินมาจนสุดทางจะเจอกับ Pulpitum screen ซึ่งเป็นผนังหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างโถงกลางและบริเวณที่คณะนักร้องประสานเสียงจะร้องเพลงในวิหาร ผนังนี้ใช้เพื่อแบ่งแยกบริเวณพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำพิธีของนักบวชออกจากพื้นที่ของฆราวาสทั่วไป
Pulpitum screen
Pulpitum screen นี้ถูกสร้างขึ้นประมาณปี 1450 ทำจากหินที่แกะสลักอย่างประณีตแสดงรูปปั้นของบุคคลสำคัญในราชวงศ์ 6 พระองค์ ประกอบไปด้วย (จากซ้ายไปขวา) Richard II (พระเจ้าริชาร์ดที่ 2), Henry V (พระเจ้าเฮนรีที่ 5), Ethelbert (พระเจ้าเอเธลเบิร์ต), Edward the Confessor (พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพบาป), Henry IV (พระเจ้าเฮนรีที่ 4) และ Henry VI (พระเจ้าเฮนรีที่ 6)
เมื่อผ่าน Pulpitum screen เข้ามาจะเป็นส่วนของ Quire
Quire
Quire เป็นส่วนกลางของอาสนวิหารซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การร้องเพลงตอนเย็นและการนมัสการวันอาทิตย์ ซึ่งคณะนักร้องประสานเสียงของอาสนวิหารจะร้องเพลงที่นี่
ม้านั่งทั้งสองข้างจะเรียกว่าคอก
ส่วนนี้ของอาสนวิหารได้รับการสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1174
เราพลาดจุดสำคัญอันนึงไปเพราะมัวแต่ถ่ายรูปเพดานที่เราเห็นว่ามันสวยดี มารู้ทีหลังว่าคืออะไรเลยขอเอารูปจากในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ สังเกตุตรงมุมขวาล่างของรูปข้างบนที่เป็นดาบสีดำไขว้กันอยู่
มันเป็นแท่นบูชาเพื่อระลึกถึง Thomas Becket ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 1170 จากการถูกลอบสังหารเนื่องจากเกิดความขัดแย้งกับพระเจ้าเฮนรีที่ 2 เกี่ยวกับสิทธิและอภิสิทธิ์ของคริสตจักร
รูปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Becket#/media/File:Sculpture_by_Giles_Blomfield_-_Martyrdom,_Canterbury_Cathedral_2024-12-29.jpg
ในรูปจะเห็นดาบสองเล่มที่แขวนอยู่บนไม้กางเขนเหล็ก เงาที่ฉายจากสปอตไลท์แสดงให้เห็นดาบของอัศวินทั้งสี่คนที่ลงมือสังหาร Thomas Becket ที่ปลายดาบทั้งสองเล่มและไม้กางเขนจะมีสีแดงซึ่งหมายถึงเลือดติดอยู่ด้วย
ถัดมาจะเป็น Trinity Chapel (ทรินิตี้ แชเพล) หรือโบสถ์ย่อยพระตรีเอกภาพซึ่งหมายถึงพระบิดา พระบุตร และพระจิต
Trinity Chapel
Trinity Chapel เป็นจุดที่มีความสำคัญที่สุดของอาสนวิหาร Canterbury เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นโบสถ์ย่อยที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศาลเจ้าของนักบุญ Thomas Becket (St. Thomas Becket Shrine) และสิ่งนี้เองที่ดึงดูดให้ผู้แสวงบุญทั่วทั้งยุโรปในยุคกลางต่างหลั่งไหลเดินทางกันเข้ามาเพื่อสวดภาวนาขอพรกัน ณ ที่แห่งนี้
ป.ล. หลังจากการมรณกรรมไม่นาน Thomas Becket ก็ได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญ St. Thomas Becketโดยสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3
แต่ต่อมาในปี 1538 King Henry VIII (พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8) ได้สั่งให้ทำลายศาลเจ้าของ St. Thomas Becket ในช่วงการปฏิรูปศาสนา ทำให้ปัจจุบันใน Trinity Chapel จึงเหลือเพียงเทียนหนึ่งเล่มที่วางอยู่บนพื้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึง St. Thomas Becket Shrineในอดีต
จากศาลเจ้าของ St. Thomas Becket เหลือเพียงเทียน 1 เล่ม
เดินออกมาที่ด้านนอกเราจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างที่ยังคงความสวยงามให้เห็นมากมายไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู โถงทางเดิน
จุดที่เราชอบมากคือโถงทางเดินที่อยู่รอบ Great Cloister หรืออารามใหญ่ที่อยู่หลังอาสนวิหาร เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยมาก
นักบวชจะใช้ทางเดินนี้เพื่อเดินจากอารามไปยังห้องประชุมสงฆ์ หรือไปสวดมนต์ในอาสนวิหาร ซึ่งทางเดินนี้จะมีทั้งหมด 4 ด้านล้อมรอบลานตรงกลาง แต่ละด้านจะประกอบไปด้วยช่อง 8 ช่องรวมทั้งหมด 36 ช่อง
บนเพดานก็มีรายละเอียดที่สวยงามมาก
เราเดินออกจากอาสนวิหารมาด้านนอกเพื่อชมความงามโดยรอบของ Canterbury Cathedral อีกครั้ง
เป็นอาสนวิหารที่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากจริงๆ
ตรงประตูทางเข้าฝั่ง West จะมีรูปปั้นของ Queen Elizabeth II (สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2) คู่กับ Prince Philip (เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ) อยู่ด้วย
รูปปั้นของ Queen Elizabeth II และ Prince Philip
รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 พรรษาของพระองค์หรือที่เรียกว่า Diamond Jubilee โดย Queen Elizabeth II ได้ทรงมาทำพิธีเปิดรูปปั้นนี้ด้วยพระองค์เองอีกด้วย
ส่วนอันนี้คือรูปปั้นของ King Henry VIII (พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8)
รูปปั้นของ King Henry VIII
ผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์นิกายใหม่ให้แก่ประเทศอังกฤษ Church of England และแต่งตั้งตัวพระองค์เองให้เป็นประมุขของศาสนจักรอีกตำแหน่งหนึ่ง ส่งผลให้กษัตริย์ของอังกฤษเป็นทั้งประมุขของอาณาจักรควบคู่ไปกับประมุขของศาสนจักรมาจนถึงทุกวันนี้
เป็นยังไงกันบ้างคะกับการพาทัวร์เล็กๆ ที่ Canterbury Cathedral ใน Blog นี้ หวังว่าจะชอบกันนะคะ Blog ของเราอาจจะดู nerd ประวัติศาสตร์หน่อยๆ เพราะเวลาไปไหนอยากจะเก็บภาพและเรื่องราวของสถานที่นั้นๆ มาเล่าให้คนอ่านของเราได้เรียนรู้และสนุกไปด้วยกัน
 
เพราะสิ่งที่เราเห็นมันช่วยบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันของสถานที่นั้นได้ดีมาก และยังสร้างมนต์ขลังให้กับคนที่มาเยือนได้เอากลับไปเก็บไว้ในความทรงจำด้วย
รถขายไอติมสุดคิวท์หน้า Canterbury Cathedral
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและร่วมเดินทางไปด้วยกันนะคะ 😊 แล้วเจอกันใหม่ใน Blog หน้าที่ยังคงอยู่ในอังกฤษกันอีกค่ะ
โฆษณา