29 พ.ค. เวลา 06:53 • ข่าว

ทรัมป์เตรียมยึดวีซ่านักศึกษาจีน

ชี้นักศึกษาจีนเป็นภัยความมั่นคงของสหรัฐ
โดนัลด์ ทรัมป์ ยังวอแวกับชาวนักศึกษาต่างชาติ กับชาวมหาวิทยาลัยไม่เลิก ถึงขนาดที่สั่งห้ามมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติมาแล้ว ล่าสุด ทรัมป์ยังสร้างเรื่องต่อ เมื่อมีข่าวออกมาว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มทำการ "เพิกถอนวีซ่านักเรียนอย่างแข็งกร้าว" กับบรรดานักศึกษาจีนที่กำลังเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสาขาวิชาการที่มีความละเอียดอ่อน หรือ พบว่ามีสัมพันธ์กับเครือข่ายพรรคคอมมิวนิสต์จีน
คำสั่งนี้ มีการเผยแพร่ผ่าน X ของ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อวานนี้ (พุธ 28 พ.ค. 25) และยังได้ออกประกาศบนเว็บไซท์ทางการของกระทรวง ขึ้นหัวข้อตัวใหญ่ชัดเจนว่า
“New Visa Policies Put America First, Not China”
"นโยบายวีซ่าใหม่ ที่อเมริกาต้องมาก่อน ไม่ใช่จีน"
โดยเนื้อหาในประกาศ บอกเพียงสั้นๆ เพียง 2 ประโยคถ้วนว่า
"Under President Trump’s leadership, the U.S. State Department will work with the Department of Homeland Security to aggressively revoke visas for Chinese students, including those with connections to the Chinese Communist Party or studying in critical fields. We will also revise visa criteria to enhance scrutiny of all future visa applications from the People’s Republic of China and Hong Kong."
1
"ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐจะทำงานร่วมกับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ที่จะเพิกถอนวีซ่าของนักศึกษาจีนอย่างแข็งกร้าว ที่จะรวมถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือผู้ที่กำลังศึกษาในสาขาที่สำคัญ และเราจะแก้ไขเกณฑ์การพิจารณาวีซ่าใหม่เพื่อเพิ่มการตรวจสอบใบสมัครวีซ่าทั้งหมดที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและฮ่องกง”
1
ก่อนหน้านี้ มาร์โก รูบิโอ ได้ออกคำสั่งถึงสถานทูตสหรัฐในต่างประเทศทั้งหมด ให้ระงับการนัดหมายเพื่อพิจารณาวีซ่านักเรียน เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐเตรียมที่จะนำระบบการตรวจสอบประวัติการใช้สื่อโซเชียลของผู้สมัครมาเป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินให้วีซ่า
ทำให้กระบวนการพิจารณาวีซ่านักเรียนของสถานทูตสหรัฐหยุดชะงักลงทันที แม้จะบอกว่านักศึกษาต่างชาติยังสามารถยื่นใบสมัครวีซ่าได้ตามปกติก็ตาม แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า ไม่มีอะไร "ปกติ" อีกต่อไปในยุคของรัฐบาลทรัมป์
มาถึงวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า นักศึกษาจีนได้กลายเป็นเป้าหมายโดยตรงของทรัมป์ไปแล้ว ที่เป็นผลพวงมาจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างจีน และ สหรัฐ โดยทรัมป์ได้กล่าวหาว่าจีนจ้องเอาเปรียบ และ แสวงหาผลประโยชน์จากสหรัฐ
1
อีกทั้ง สส. จากพรรครีพับลิกันจำนวนไม่น้อยออกมาระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันการศึกษาจีน-สหรัฐ ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ที่เปิดช่องให้มีการถ่ายเทนวัตกรรมของสหรัฐ ไปสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการทหารของจีน
ดังนั้น จึงต้องกดดันให้สถาบันการศึกษาในสหรัฐ ตัดสัมพันธ์กับทางฝั่งจีนให้หมด ไล่นักศึกษาจีนกลับไป และกันไม่ให้นักศึกษาจีนรุ่นใหม่ๆเข้ามาเรียนในสหรัฐได้อีก - นั่นคือไอเดียคร่าวๆ ของรัฐบาลทรัมป์ในการแก้ปัญหาสมองไหล เทคโนโลยีไหลจากสหรัฐไปยังจีน
แต่นโยบายนี้ก็เป็นการทุบหม้อข้าวสถาบันการศึกษาในสหรัฐเหมือนกัน ที่ในแต่ละปีจะมีนักศึกษาจีนเข้ามาเรียนต่อให้สหรัฐกว่าปีละ 2.7 แสนคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากแล้ว จากเดิมที่จำนวนนักศึกษาจีนเคยพีคที่สุดในปี 2019 (ก่อนเกิดวิกฤติ Covid-19) ที่มีนักศึกษาจีนเข้ามาเรียนต่อในสหรัฐมากกว่า 3.7 แสนคน
1
แม้นักศึกษาจีนบางส่วนจะรับทุนการศึกษามาเรียน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาที่จ่ายค่าเรียนเต็ม มีฐานะ มาใช้ชีวิตเต็มที่ในสหรัฐอเมริกา เท่ากับว่าสถาบันของสหรัฐจะขาดรายได้จากกลุ่มนักศึกษาจีนส่วนนี้ไปด้วย
แต่ทรัมป์อาจจะคิดว่าไม่เป็นไร เรายังเหลือนักศึกษาต่างชาติอีกตั้ง 3 ใน 4 แต่ถ้าคิดว่าในจำนวนนี้อาจจะติดปัญหาจากเกณฑ์การพิจารณาวีซ่าใหม่ ไม่ผ่านมาตรฐานการใช้โซเชียลมีเดียของสหรัฐบ้าง สนับสนุนปาเลสไตน์บ้าง ต่อต้านกลุ่มทุนอิสราเอลบ้าง อยู่บ้านวิจารณ์ทรัมป์บ้าง เผลอๆ อาจจะเหลือได้วีซ่าจริงๆไม่ถึงครึ่งก็ได้
1
ยัง..ยังไม่พอ ทรัมป์ยังประกาศตัดงบสนับสนุนงานวิจัยของหลายสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐ และล่าสุดได้ออกร่างกฎหมายใหม่ชื่อเก๋ One Big Beautiful Bill ที่จะมีการปรับเปลี่ยนสูตรการคำนวน วงเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของนักศึกษาอเมริกันโดยใช้ค่าเฉลี่ยรวม มิใช่ค่าใช้จ่ายจริงของแต่ละสถาบัน
1
แล้วยังจำกัดวงเงินในการกู้ยืมไม่เกิน 50,000 เหรียญสำหรับหลักสูตรปริญญาตรี และ ไม่เกิน 1.5 แสนเหรียญ สำหรับหลักสูตรป.โท และ ป.เอก และเพิ่มเงื่อนไขการกู้ ที่จะทำให้นักศึกษาชาวอเมริกันแท้ๆ เข้าถึงเงินกู้ทางการศึกษายากขึ้น หรือ วงเงินไม่พอ ต้องไปกู้จากสถาบันเอกชน มีค่าใช้จ่ายผ่อนมากกว่าเดิม แต่วงเงินน้อยกว่าเดิม
1
ด้วยปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงในนโยบายหลายอย่าง จากที่วางแผนจะปิดสวิทช์นักศึกษาจีน อาจจะกลายเป็นปิดสวิทช์นักศึกษาอเมริกัน กับสถาบันในบ้านตัวเองไปด้วย ที่จะมีรายได้จากนักศึกษาลดลงมาก
1
ซึ่งสถาบันการศึกษาอาจจะไม่ได้กลัวเทคโนโลยีจะรั่วเท่ารัฐบาลสหรัฐ แต่ตอนนี้น่าจะห่วงเรื่องหาทุนในสนับสนุนงานวิจัยในอนาคตของตัวเองมากกว่า
2
จริงๆแล้ว ไม้เบื่อ ไม้เมา ที่ทรัมป์อยากจะเล่น อาจจะเป็นเหล่าบรรดาชาวมหาวิทยาลัยสหรัฐ ก็เป็นไปได้🤭
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา