31 พ.ค. เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
เมียนมาร์ (พม่า)

ประเทศเมียนมาร์ ตอนที่ 6 จากเผด็จการสู่ความหวังใหม่

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 นายพลเนวิน ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของอูนุ ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมทั้งล้มล้างรัฐธรรมนูญอย่างเบ็ดเสร็จ และจัดตั้ง "สภาปฏิวัติ" ขึ้นมาบริหารประเทศในระบอบสังคมนิยมภายใต้การนำของกองทัพ ทำให้พม่ากลายเป็นรัฐเผด็จการทหารอย่างเต็มรูปแบบ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจนได้รับสมญานามว่า “ฤาษีแห่งเอเชีย”
ตลอดระยะเวลา 26 ปีที่นายพลเนวินอยู่ในอำนาจ ประเทศพม่าต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงอย่างรุนแรง จากประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับต้น ๆ ของโลก กลับกลายเป็นประเทศที่ผลิตข้าวได้เพียงพอแค่สำหรับบริโภคในประเทศเท่านั้น การค้าขายและการลงทุนทุกภาคส่วนหยุดชะงัก สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นกลายเป็นของหายาก ในขณะที่การทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการกลับแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง ข้าราชการร่ำรวยขึ้นจากระบบอุปถัมภ์ แต่ประชาชนทั่วไปกลับถูกทอดทิ้ง
ภาพการลุกฮือ 8888
สถานการณ์เหล่านี้นำไปสู่ “การลุกฮือ 8888” ในวันที่ 8 สิงหาคม 1988 การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพม่า ซึ่งมีประชาชนหลายแสนคนเข้าร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย และมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้นายพลเนวินต้องยอมลงจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศในวัย 77 ปี
ภายหลังการลาออกของเนวิน พลเอกอาวุโส ซอ มอง ได้ขึ้นสู่อำนาจแทน และพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่ประเทศ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สหภาพแห่งพม่า” (Union of Burma) เป็น “สหภาพแห่งเมียนมา” (Union of Myanmar) โดยมีเจตนาลดภาพความเป็นชาติพันธุ์พม่าเพียงกลุ่มเดียว และสะท้อนความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ประกอบกันเป็นประเทศนี้
พลเอกอาวุโส ซอ มอง
ในปี ค.ศ. 1990 รัฐบาลทหารได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ การเลือกตั้งครั้งนี้กลายเป็นหมุดหมายประวัติศาสตร์ เมื่อ นางอองซาน ซูจี บุตรสาวของ นายพลอองซาน วีรบุรุษแห่งการกู้เอกราชของพม่า ได้หวนคืนสู่มาตุภูมิหลังจากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ และได้รวมพลังกับแกนนำการลุกฮือ 8888 ก่อตั้ง พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy – NLD)
พรรคของเธอได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย ด้วยการคว้า 392 ที่นั่งจากทั้งหมด 492 ที่นั่งในรัฐสภา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมในตัวเธออย่างมหาศาลจากประชาชน ทว่า คณะทหารกลับปฏิเสธที่จะรับรองผลการเลือกตั้ง โดยอ้างเหตุผลด้านความไม่สงบภายในประเทศ พร้อมทั้งสั่ง กักบริเวณนางอองซาน ซูจี ไว้ที่บ้านพักในกรุงย่างกุ้งอย่างไม่มีกำหนด
บ้านพักที่กักบริเวณของนางอองซาน ซูจี ในกรุงย่างกุ้ง
นับแต่นั้น นางอองซาน ซูจี ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของพม่า เธอถูกควบคุมตัวหรือกักบริเวณอยู่นานรวมกว่า 15 ปี แต่ก็ยังคงยืนหยัดอย่างสงบและสันติในการเรียกร้องเสรีภาพและสิทธิของประชาชน จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันสำคัญจากนานาชาติที่มีต่อรัฐบาลทหารพม่า
ในปี 1992 พลเอกอาวุโสซอ มอง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลด้านสุขภาพ แต่มีนักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าเขาถูกบีบให้ออกจากอำนาจโดย พลเอกตาน ฉ่วย คู่แข่งคนสำคัญภายในกองทัพ เนื่องจากซอ มองมีท่าทีสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตยเกินไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มอนุรักษนิยมในกองทัพ
พลเอกตาน ฉ่วย
จากจุดเริ่มต้นของการลุกฮือในปี 1988 สู่การปรากฏตัวของอองซาน ซูจี และการต่อสู้ที่ยังไม่จบสิ้น พม่ายังคงอยู่ในวังวนของการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่เปราะบาง แต่ความหวังแห่งประชาธิปไตยก็ยังไม่ดับมอดลงพร้อมๆกับความขัดแย้งที่ซ่อนเร้นอยู่
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference ตอนที่ 6 จากเผด็จการสู่ความหวัง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา