30 พ.ค. เวลา 16:34 • หนังสือ

An Honest Thief เมื่อการสารภาพคือการไถ่บาปสุดท้ายของชีวิต

บางทีมนุษย์ก็มิได้ถูกแบ่งอย่างง่ายดายเป็น “คนดี” หรือ “คนชั่ว” หากแต่เป็นปัจเจกที่แบกรับความขัดแย้งในใจ ทั้งศีลธรรม ความยากจน ความเจ็บปวด และบาปที่ซ่อนอยู่ลึกในจิตสำนึก เรื่องสั้น An Honest Thief (โจรผู้ซื่อสัตย์) คือผลงานชิ้นเล็กแต่หนักแน่นของดอสโตเยฟสกี้ที่บอกเล่าเรื่องราวของชายยากไร้คนหนึ่ง ผู้ทำผิด แต่กลับมีความสำนึกผิดที่บริสุทธิ์กว่าคนจำนวนมากที่สวมหน้ากากแห่งความดีเสียอีก
อาจจะดูย้อนแย้งว่าคนที่ขึ้นชื่อว่า "โจร" จะไปมีความซื่อสัตย์ได้อย่างไร คุณอาจจะยังไม่เคยรู้จักชายที่ชื่อ เอเมลยาน อิลยิช (Emelyan Ilyitch) โจรผู้แสนอ่อนแอแต่ซื่อตรง
คือเรื่องมันเป็นอย่างงี้ครับ "ผู้เล่าเรื่อง" ของเราซึ่งเป็นชายธรรมดาๆ เช่าบ้านอยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาได้รับชายคนหนึ่งเข้ามาพักด้วย ชื่อว่า อัสตาฟี อิวาโนวิช (Astafy Ivanovich) วันหนึ่งผู้เล่าของเราได้ถูกโจรขโมยเสื้อไปต่อหน้าต่อตาของอัสตาฟี ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้อัสตาฟีได้เล่าเรื่องของโจรผู้ซื่อสัตย์ที่เขาเคยพบเจอให้ฟัง
เอเมลยาน อิลยิช ชายผู้นี้ดูไม่มีคุณค่าใดๆ ในสายตาสังคม เป็นเพียงคนจรที่พึ่งพาเหล้าราคาถูกเพื่อดำรงอยู่ไปวันๆ ด้วยความเมตตาหรืออาจเป็นเพียงความไม่กล้าปฏิเสธ อัสตาฟีจึงอนุญาตให้ชายผู้นี้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว
เอเมลยาน ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย เขาไม่ทำงาน ไม่มีเงิน ในบางทีเงินหรือของในบ้านของอัสตาฟีหายไป เขาก็มักจะเกิดความสงสัยในตัวเอเมลยานเสมอ แต่เขาไม่กล้าที่จะตัดสินชายคนนี้อย่างรุนแรง เพราะช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น เอเมลยานไม่เคยโกหกโจ่งแจ้ง ไม่เคยหาข้ออ้างให้ตัวเอง และแม้จะยากจนและตกต่ำเพียงใด เขาก็ยังมีศักดิ์ศรีในแบบของตน
หลังเหตุการณ์ของหายเริ่มเกิดบ่อยครั้ง อัสตาฟีก็เริ่มแน่ใจว่าเป็นฝีมือของเอเมลยาน และเขาก็เริ่มเว้นระยะห่างกับเอเมลยาน และพยายามพูดให้เขางานทำหรือให้ย้ายออก ซึ่งเอเมลยานไม่เคยปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับตรงๆ เช่นกัน จนวันนึงเอเมลยานก็ได้หายไปจากบ้าน
อัสตาฟีไม่ได้ตามหา แต่ก็หวังในใจว่าให้เอเมลยานปรับเปลี่ยนตัวเองและทำให้ชีวิตดีขึ้นได้สักที หลังจากผ่านไปวันแรก อัสตาฟีก็เริ่มกังวล และเริ่มเดินไปตามตรอก ซอย หรือแม้แต่โรงเตี๊ยม แต่ก็ไม่พบร่องรอยของเอเมลยาน
วันหนึ่งอัสตาฟีอยู่บ้าน มีคนมาหาเขาที่ประตูบ้าน คนๆ นั้นคือเอเมลยาน ในสภาพที่โทรมลงอย่างมาก อัสตาฟีได้ให้เอเมลยานเข้ามาพัก เขาพบว่าเอเมลยานไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน และกำลังป่วยหนักจนใกล้ตาย ขณะที่นอนพักอยู่นั้น เอเมลยานพยายามที่จะสารภาพความจริงเรื่องเสื้อและเงินที่ถูกขโมยไปหลายรอบ แต่ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุดก่อนตาย เขาจึงยอมรับอัสตาฟีว่า เขาคือผู้ขโมยเงินไป พร้อมกับความเสียใจและสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง
การสารภาพนี้มิได้เกิดขึ้นเพราะความกลัวต่อการลงโทษ แต่เพราะความรู้สึกผิดที่กัดกินใจเขามาตลอด เขาไม่สามารถตายไปโดยที่ยังแบกความผิดไว้ได้ นี่อาจเป็นศีลธรรมในความหมายของชื่อเรื่อง ไม่ใช่การไร้บาป แต่คือการกล้าเผชิญหน้ากับบาป และกล้ายอมรับมันอย่างตรงไปตรงมา แม้จะเป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตก็ตาม
เอเมลยานไม่ใช่ฮีโร่ เขาไม่ได้ต่อสู้กับความชั่วร้ายหรือสร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ เขาคือคนที่ล้มเหลวในชีวิต เป็นนักดื่ม เป็นคนเร่ร่อน เป็นขโมย และสุดท้ายตายอย่างเงียบงัน แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็คือมนุษย์ที่ยังรักษาความรู้สึกผิดไว้ในใจ เขาไม่ได้หลอกตัวเองว่าทำไปเพราะความจำเป็น เขาไม่กล่าวโทษโชคชะตาหรือระบบสังคม เขาเพียง “รู้” ว่าสิ่งที่เขาทำผิด และสุดท้ายก็กล้าเผชิญหน้ากับความผิดนั้น ในขณะที่หลายๆ คนไม่กล้า
An Honest Thief ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่าของคนจนคนหนึ่งที่ขโมยเงิน แต่เป็นงานที่ส่องสะท้อนความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์ การเผชิญหน้ากับศีลธรรมในโลกที่ไม่มีขาวหรือดำ มีเพียงความขุ่นมัวของความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความทรมานภายในใจ เอเมลยาน อิลยิช คือภาพแทนของมนุษย์ที่มีความอ่อนแอแต่ไม่ได้ไร้ความดีงาม
“ศีลธรรม” อาจไม่ได้มีอยู่ในความประพฤติดีเพียงอย่างเดียว หากแต่คือการยอมรับต่อความผิดที่ทำ และความพยายามเล็กๆ ที่จะยังรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ในโลกที่ทอดทิ้งเราไปแล้ว ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเรา เราอาจจะเคยเป็นแบบเอเมลยาน อิลลิชโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้
ภาพ : Kestutis Kasparavicius

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา