1 มิ.ย. เวลา 16:02 • ความคิดเห็น

ในวันที่ทำงานไม่เห็นคุณค่าเรา

เปิดมากับเรื่องเล่าความ toxic แต่ต้องทนอยู่ของเรากันค่ะ ขอเกริ่นก่อนเลยเราเผชิญเรื่องนี้มาสักระยะนึงอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์เป็นเหมือน roller coaster ส่วนใหญ่ลงไม่มีขึ้นเลย เริ่มจากเราอาจจะเป็น people pleaser มากเกินไป
เจตนาของเราไม่ได้คาดหวังให้ใครมองเราในทางดีหรือไม่ดี เพราะเราเคยเป็นคน pleaser มากๆ สุดท้าย คนที่ไม่ชอบเรามันก็ไม่ชอบอยู่ดี เลยถือว่าการ pleaser ของเราคือมารยาท ทำพอประมาณ ไม่ได้คาดหวัง ในการทำงานร่วมกันในฐานะเพื่อนมนุษย์แม้จะไม่ชอบกันขนาดไหนคงไม่มีใคร ที่เดินไปหาคนที่ไม่ชอบแล้วพูดจาไม่ดีหรือปฏิบัติไม่ดี เพราะมันบ่งบอกถึง EA AQ ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา
เราเคยเจอความ toxic ในการทำงานจนต้องลาออก เพราะการโดนกระทำเกินกว่าเหตุของหัวหน้างานจนทำให้เราเสียทั้งสุขภาพกายและจิต เป็นความดิ่งขั้นสุดในชีวิต จมปลักกับความไม่เห็นค่าตัวเอง โทษตัวเองที่อดทนไม่พอ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง เชียร์อัพยังไงก็ไม่ดีขึ้น เหตุการณ์ในครั้งนั้นเราใช้ระยะเวลา 1-2 ปี ให้ผ่านมันไปให้ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนคลื่นใต้น้ำที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับตอกย้ำว่าหรือเป็นเราที่มันไม่ดีเอง เราต้องมีอะไรผิดพลาดสักที่
“ใครทำได้ ก็ให้คนนั้นทำ”
เรารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้างานคือเขาเริ่มจะใช้งานเราน้อยลง เราก็เข้าใจการแจงงานของเขา จริงๆมันก็เป็นผลดี ในแง่ใครทำได้ก็ให้คนนั้นทำ
ตอนนั้นเรานั่งเฉยๆเพื่อดูเขาทำงานกันเกือบ 30 นาที และบทสนทนาเริ่มที่จะไม่ได้คุยกับเรา เราเลือกที่จะมองข้ามไปและเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้งหลังจากนั้น เราเลยเลือกที่จะเดินออกมาในวงสนทนา ไปหาไรทำ มันอาจจะเป็นการหลีกหนีปัญหาความอึดอัดในรูปแบบหนึ่ง เรายังทำงานที่หัวหน้าสั่งปกติ แต่พักหลังเราสัมผัสได้ว่า งานที่เราได้รับมอบหมายส่วนใหญ่ มันจะเป็นงานที่ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาในด้านหน้าที่การงานเรา เช่น ล้างของ เตรียมกับข้าวให้คนในทีม ทำอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานจนเรากลับมาร้องไห้
เรารู้สึกอยู่ตรงนั้นมันไม่มีตัวตน
รู้สึกว่าเอาล่ะ โดนแล้ว เรารู้ตัวตลอดเลยค่ะ อาจจะมีคำพูดที่ดูถูกก็มีบ้าง เจตนาเขาอาจจะไม่ได้สื่อแบบนั้นก็ได้ เราอาจจะเก็บมาคิดไปเอง เรามองว่าโอเคเขาเป็นของเขาแบบนั้น (เพื่อนร่วมงานคนอื่นเราทำงานกันปกติ มีความสุขเวลาทำงานอยู่ด้วยกันดี หยอกกันทำงานกัน เอนจอยมากค่ะ มีแค่หัวหน้าที่ปฏิบัติกับเราแปลกๆ เพื่อนร่วมงานก็รับรู้ค่ะแต่ทำไรไม่ได้) พักหลังเราพยายามเปลี่ยนมุมมองพยายามรู้จักเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น ให้ทำก็ทำ
แม้ในใจคือกรี๊ดหลายรอบมาก ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากออกมาจากตรงนั้น เราโคตรอยากจะเขียนใบลาออกตั้งแต่วันแรกที่โดนไล่ไปล้างของเลยค่ะ นี่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานมา ทำไมเรามาได้แค่นี้ เป็นการตั้งคำถามกับอนาคตตัวเอง แต่การจะลาออกก็ใช้เงินสำรองในการไปเริ่มต้นใหม่ (อาจจะผิดเองที่เราไม่มีการวางแผนการเงินที่ดี สถานการณ์ที่เราแบกรับมันมากเกิน ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องนี้ค่ะ) เหมือนคนที่จะหนีก็ไปไม่ได้ ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิต แถมยังโดนลดทอนคุณค่าอีก
มองไปทางไหนก็ไม่มีใครเลย มีแค่เราที่ต้องผ่านไป เราตระหนักถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เจอตลอดคือทำไมคนบางคนถึงยอมทนกับเรื่องต่างๆ “เราไม่มีทางไปตัดสินใจเรื่องของใคร ผ่านมุมมองของเราได้เลย เพราะเราไม่ได้อยู่ในจุดที่เขาอยู่ แค่เคารพการตัดสินใจและให้กำลังใจ ช่วยเหลือเท่าที่เราช่วยได้ก็พอ” อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราคิดว่ามันดีกว่าเราจะไปตอกย้ำ บั่นทอนความรู้สึกคนนึงไปอีก ไม่ใช่คนที่ทนอยู่ไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง แต่ในสถานการณ์นั้นดีที่สุดของเขาอาจจะได้เท่านี้ ทุกสิ่งต้องใช้เวลาในการผ่านไปทั้งนั้น
ทำยังไงให้เราจะได้ไปจากที่นี่และรอด !!
เริ่มจาก manifest ตัวเองก่อน เขียนข้อความที่อยากให้เกิดขึ้นแปะหัวเตียงเหมือน “เขียนฝันไว้ข้างฝา” (เพลงมา ! 5555) เราศึกษามาเยอะมาก เราไม่ใช่คนที่เจอปัญหานี้คนแรก คนที่เจอเหมือนเรา อยู่ในสถานการณ์แบบเรามีเยอะ เราเชื่อแบบนั้น ครั้งนี้เราหนีปัญหานี้โดยการลาออกไม่ได้ เพราะเราแบกรับภาระของครอบครัว ไม่มีใครช่วยซัพพอตเราได้ เราเชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆรอเราอยู่ แต่เราจะไม่แค่รออยู่เฉยๆ เราจะพัฒนาตัวเองระหว่างที่เวลาการอดทนของเรานั้นกำลังดำเนินการผ่านไป เราวางแผนที่จะไป มันต้องมีจังหวะและโอกาสเราเชื่อแบบนั้น
เราเลยคิดจะทำอะไรใหม่ๆ อย่างน้อยก็การเริ่มต้นหาอะไรใหม่ๆให้กับตัวเอง จะบอกว่ายากมากค่ะ ที่ต้องเอาชนะทุกสิ่ง เรายังต้องสู้กับความรู้สึกตัวเองทุกวัน กรวดน้ำก่อนไปทำงานทุกวัน แม้เราจะรู้วิธีการรักตัวเอง จัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับเลยว่าพอไปเจอสถานการณ์จริงอีกรอบก็ยากจะทำใจ เหมือนกับ “รู้หมด แต่ทำ(ใจ)ไม่ได้” เราได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรนะ แต่มันเป็นค่ะ กลับมาร้องไห้คนเดียวเกือบทุกวัน ตอนทำงานก็แอบไปร้องไห้มุมห้องต่างๆแล้วกลับมาทำงานต่อ ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องออกมาจริงๆ
เหมือนที่มีคนบอก สภาพแวดล้อมเราเปลี่ยนมันไม่ได้หรอก เราอยู่ไม่ถูกที่ แต่เราเลือกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเราได้ บอกตัวเองว่า
“จะพาตัวเองไปให้ไกล ไปให้พ้น”
จากที่อยู่ตอนนี้ให้ได้ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นทันทีภายในพรุ่งนี้ แต่เราจะต้องทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ เราบอกตัวเองแบบนั้น ตอนนี้เราอยู่ใน phase แรกของการขยับค่ะ
มาเล่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ของเรา อาทิตย์ที่ผ่านมามันก็เป็นเหตุการณ์แย่ๆของเราอีกครั้ง เราผ่านเหตุการณ์นี้เมื่อเดือนก่อนมาได้ มันจะต้องดีขึ้น เราจะพาตัวเองออกมาให้ได้ เอาไว้มีความคืบหน้าใดๆที่เป็นเหตุการณ์ดีๆเราจะมาอัพเดทแชร์อีกครั้งนะคะ
สิ่งที่เราทำอยู่เพื่อกำลังผ่านพ้น
  • 1.
    สวดมนต์ ทำบุญ
  • 2.
    ดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่ชอบ
  • 3.
    พบปะผู้คน เอาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศธรรมชาติ
ทั้งหมดที่กล่าวมาเราทำหมดเลยค่ะ เราหวังว่าระหว่างทางที่เราจะไปถึง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราก้าวผ่านมันไปได้ ไว้บทความต่อไปเราจะมาเล่าสถานที่ที่เราไปพักผ่อน เพลงที่เราชอบฟัง หนังที่เราชอบดู อาหารที่เราชอบกินมารีวิวนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ เป็นครั้งแรกที่เรามาแชร์ประสบการณ์ เรียกว่าระบายดีกว่า เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ ใน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 1 ปีหรือมากว่านั้นเรากลับมาอ่านคงตลกตัวเอง ตอนนั้นฉันเป็นบ้าอะไร แต่ตัวเราในวันนี้กำลังเจอเหตุการณ์ที่ในอนาคตอาจจะเป็นความทรงจำที่ทำให้เราเติบโต ชีวิตคือการเรียนรู้ แต่ไม่รู้ไปเรียนอะไรมา ทำนองนั้นค่ะ …
โฆษณา