ทั้งประเทศเจริญด้วยพระเยซู
มาระโก 7:24-30 TH1971
[24] พระองค์จึงทรงลุกขึ้นจากที่นั่น ไปยังเขตแดนเมืองไทระ และเมืองไซดอน แล้วเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่งประสงค์จะมิให้ผู้ใดรู้ แต่พระองค์จะทรงซ่อนอยู่มิได้
[25] เพราะทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวที่ผีโสโครกสิง เมื่อได้ยินข่าวถึงพระองค์ ก็มากราบที่พระบาทของพระองค์ [26] ผู้หญิงนั้นมีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย พูดภาษากรีก แล้วนางทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้ขับผีออกจากลูกสาวของตน
[27] ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่นางนั้นว่า <<ให้พวกลูกกินอิ่มเสียก่อน เพราะว่าซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร>> [28] แต่นางทูลตอบว่า <<จริงเจ้าข้า แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินเดนอาหารของลูก>>
[29] แล้วพระองค์ตรัสแก่นางว่า <<เพราะเหตุถ้อยคำนี้จงกลับไปเถิด ผีออกจากลูกสาวของเจ้าแล้ว>> [30] ฝ่ายหญิงนั้นเมื่อไปยังเรือนของตน ได้เห็นลูกนอนอยู่บนที่นอน และทราบว่าผีออกแล้ว
สภาพผู้คนส่วนมากในประเทศไทยตอนนี้ก็กำลังแย่ เหมือนกับแม่คนนี้ที่ลูกสาวตัวเองถูกผีสิง ก็ทุกข์ยากลำบากครับกับสภาพที่กำลังเผชิญความเป็นอยู่ในสังคมที่ต้องต่อสู้แข่งขันปากกัดตีนถีบเพื่อจะเอาชีวิตรอด จะต้องชิงไหวชิงพริบชิงดีชิงเด่นในทุกสังคม และมันมีแต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นกับสภาพปัญหาครับ
หลายคนก็เครียดจนเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายหนีไปเลย ไม่อยากจะอยู่กับความกลัวเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้ มีออกข่าวทุกวัน ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องเลือดเย็น เพราะบ่อยครั้งที่ได้ยินหรือเห็นคนอ่อนแอถูกเอารัดเอาเปรียบข่มเหงทารุณจนตายหรือพิการจากผู้มีอำนาจ แต่ตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีกำลังอะไรพอจะไปสู้ครับกับอิทธิพลอำนาจมืด
มองครอบครัวลูกหลานแล้วก็ทุกข์ทรมานใจจะอยู่รอดปลอดภัยไปได้ยังไงในสภาพสังคมโลกที่เป็นแบบนี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สามารถจะฝากความหวังได้จริงๆ กี่คนๆ อาสาตัวเข้ามา สุดท้ายก็กอบโกยตักตวงผลประโยชน์ เอาของส่วนรวมไปใช้แค่เพื่อตัวเองกับพวกพ้องคนสนิทเท่านั้น แล้วก็หยิบยื่นแค่เศษเดนให้คนส่วนมาก เหมือนกับสภาพผู้คนในกาซาตอนนี้ครับ
ภาพของหญิงคนนี้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากพระเยซูกำลังบอกกับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้อยู่ครับ ไม่มีมนุษย์คนไหนบนโลกนี้ที่จะสามารถช่วยเหลือกับเราได้จริงครับ เอาคนเก่งที่สุดของโลกมารวมกันสักล้านคน ก็ไม่สามารถจะช่วยเราได้จริงๆ
เพราะปัญหาที่แท้จริงของมนุษย์เราก็คือตัวเองนี้ครับ มันอยู่ที่ตัวเราเองที่ต้องเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยนยังไงๆ ก็ต้องพินาศ ตัวเราเองมันเหมือนถูกตั้งโปรแกรมกำหนดไว้แล้วให้ไปสู่ทางพินาศเท่านั้น และหลายคนก็ไม่ได้รู้จักชัดเจนกับตัวเอง แต่ก็เชื่อไว้วางใจกับมันมาก แต่มันกำลังพาไปสู่ความพินาศจริงๆครับ
เคยได้ยินข่าวเรื่องของคดีเปรี้ยวฆ่าหั่นศพเพื่อนไหมครับ ก็ผ่านมาได้8ปีแล้ว ถ้าน้องแอ๋มเขารู้ตัวล่วงหน้าว่าเปรี้ยวน่ากลัวแบบนี้ ก็คงจะไม่กล้าคบ เห็นหน้าตาสวยๆ แบบนั้น แต่ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตมาก
เปรี้ยวฆ่าหั่นศพเพื่อน น้องแอ๋ม
แต่เราเชื่อกันไหมล่ะครับว่าไอ้ตัวเราเองนี้แหล่ะที่น่ากลัวที่สุด มันโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนเปรี้ยว และถ้าคุณยังเชื่อวางใจกับตัวเอง จุดจบของคุณอาจจะหนักหรือเลวร้ายกว่าน้องแอ๋มครับ
ตอนนี้หลายคนไม่เชื่อ แล้วก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อวางใจตัวเองต่อไป เชื่อวางใจในมนุษย์ ไม่เข็ดหลาบ ยังคงไม่สิ้นหวังกับตัวเองครับ แม้หลายคนจะเคยเจอกับตัวเองแล้วกับภัยพิบัติหลายเรื่อง ผลจากชีวิตที่เชื่อมั่นตัวเอง สุดท้ายก็จะต้องผิดหวังและเสียเวลาไปเปล่าๆเรื่อยๆ เพราะมนุษย์ทุกคนเลวร้ายและวางใจไม่ได้เลยครับ
เยเรมีย์ 17:5-6 TH1971
[5] พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า <<คนที่วางใจในมนุษย์ และให้เนื้อหนังเป็นมือของเขา และใจของเขาหันออกจากพระเจ้า คนนั้นก็เป็นที่แช่งสาป [6] เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ในทะเลทราย และไม่เห็นความดีอันใดมาถึงเลย เขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่แตกระแหงที่ในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินเค็มที่ไม่มีคนอาศัย
ตราบใดที่ยังปฏิเสธกับความจริงนี้ ยังเชื่อว่ามนุษย์มีคนดี มีคนที่สามารถทำดีพึ่งพาได้จริง ชีวิตที่เลือกเดินทางนี้ กับผลลัพธฺ์ที่จะได้รับก็เหมือนตามพระคำบอกไว้ล่วงหน้าแล้วตามนี้ครับ คือจะไม่วันได้เข้าถึงสิ่งดี จิตใจจะไม่เคยได้สัมผัสความชุ่มชื้น มีแต่ความร้อนรุ่มกังวลกับชีวิต เป็นแต่หนามที่ให้แต่ความเดือดร้อนกับคนอื่นและตัวเองก็จะเดือดร้อนจากคนอื่นด้วยครับ
ลูกา 6:45 TH1971
[45] คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น
ก็จะพูดออกมา เรียกแต่การสาปแช่งเข้ามาสู่ชีวิตของตัวเองด้วย กับคนที่เชื่อมั่นตัวเองนี้ครับ กับการใช้สติปัญญาของตัวเอง ประดิษฐ์ถ้อยคำคำพูดออกมาก็จะมีแต่คำโกหกหลอกลวง ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ด้วยว่ากำลังโกหกอยู่ยังไง แยกไม่ออกอะไรจริงอะไรเท็จ เพราะมีเพียงพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับคริสตจักรเท่านั้นที่สามารถจะช่วยแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องไหนจริงหรือโกหกครับ
แต่เมื่อเชื่อตัวเองก็ได้แต่ต้องโกหกตัวเองโกหกคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เรียกแต่การสาปแช่งให้เข้ามาสู่ชีวิตตัวเอง ครอบครัวและคนอื่นไม่จบไม่สิ้นครับ
ลูกา 6:45 TH1971
[45] คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น
เพราะไม่เชื่อพระเจ้า ไม่เชื่อกับความจริงที่พระเจ้าส่งมาบอกให้ทางพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับคริสตจักร
สดุดี 10:4 TH1971
[4] เพราะความทะนงตัว คนอธรรมกล่าวว่า <<พระเจ้าไม่ทรงลงโทษ>> ความคิดทั้งสิ้นของเขาคือ <<ไม่มีพระเจ้า>>
แต่ถ้าได้กลับใจหันมาหาพระเจ้ากับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็จะเป็นคำตอบให้มั่นใจได้ว่าทางของพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นความจริง สามารถที่จะฝากชีวิตได้จริงแบบนี้ครับ แต่ในมนุษย์ไม่มีครับกับความจริง มีแต่ความมุสาโกหกตลบตแลง เหมือนกันทั้งหมด ไม่มีใครดีกว่าใคร กับคนที่ดูดีที่สุดนั่นแหล่ะคือยิ่งน่ากลัวที่สุดครับ คนดีจริงมีแต่เพียงพระเยซูเท่านั้น เพราะเป็นพระเจ้าก็เลยดีได้ครับ
สุภาษิต 10:2 TH1971
[2] คลังทรัพย์อธรรมไม่เป็นกำไร แต่ความชอบธรรมช่วยกู้จากความตาย
คนมีความหวังความฝันนั้นดีกว่าคนไม่มี เพราะมันจะเป็นกำลังให้สามารถที่จะก้าวออกไปได้จนกว่าจะถึงเป้าหมายนั้น แต่มันมีความฝันสองที่มาครับ ถ้ามาจากพระเจ้ามันจะนำไปสู่พระพรให้กับคนมากมายด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามมันจะนำสู่การฆ่าทำลายผู้คนมากมายแบบที่เคยเกิดขึ้นกับนักปฏิวัติหลายคนในอดีต พวกเขาก็เริ่มจากมีความฝันอยากเห็นสังคมดีขึ้นนี้ครับ แต่กับความพยายามตั้งใจของมนุษย์ที่ไม่มีพระเจ้าก็จะจบลงที่การฆ่าทำลายเท่านั้นครับ
ศัตรูหรือตัวการตัวปัญหาที่แท้จริงของมนุษย์ก็คือตัวเราเองนี้ครับ ผลจากความบาปที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยของอาดัมกับเอวามนุษย์คู่แรก ตราบใดที่ยังเชื่อวางใจตัวเอง วางใจในมนุษย์ปัญหาไม่มีวันจบสิ้น อยากจบกับปัญหาได้อย่างแท้จริงจะต้องย้ายข้างมาเชื่อวางใจพระเจ้าแทนตัวเองครับ
ปฐมกาล 1:2-3 TH1971
[2] แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น [3] พระเจ้าตรัสว่า <<จงเกิดความสว่าง>> ความสว่างก็เกิดขึ้น
เมื่อขีดเส้นชัดเจนปฏิเสธตัวเองเลือกข้างพระเจ้า ทุกอย่างที่เราขอพระเจ้าจะให้และประกาศออกไปเรื่อยๆ ให้โลกรู้ กับสิ่งที่เราขอจากพระเจ้าครับ และมันจะค่อยๆปรากฏให้เห็นครับ พระเจ้าทำงานตามพระคำตรัสยังไง กับผู้ที่เชื่อพระองค์ก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่ครับ
มาระโก 11:24 TH1971
[24] เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
กับสิ่งที่ผมขอกับพระเจ้าแล้วคือเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ครับกับคริสตจักรข่าวประเสริฐพังงา และจะมีศูนย์ย่อยเกิดขึ้นในทุกจังหวัดทุกอำเภอของภาคใต้ครับ จะมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมากมายเข้ามาสนับสนุนเพราะได้เห็นครับว่านี้คือคำตอบ
นี้คือทางรอดแท้จริงของทุกคนครับ หลายคนก็จะร่วมสนับสนุนให้ที่ดินและก่อสร้างศูนย์ พระเจ้าก็จะให้กับพวกเขาเพิ่มอีกเพื่อจะได้นำมาใช้ในภารกิจของคริสตจักร และยิ่งกว่าพระเจ้าจะให้ครอบครัวพวกเขาก็จะได้หลุดพ้นจากความสิ้นหวังและได้พบความสุขที่แท้จริงเพราะได้มาพบแล้วกับพระเจ้าแท้ทางพระเยซูแบบนี้ครับ
2 โครินธ์ 9:6 TH1971
[6] นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก
ตอนนี้ผมจึงอยากที่จะประกาศความจริงนี้ออกไปให้กับทุกคนครับ เพราะเป็นทางรอดแท้จริงของมนุษย์ทุกคนกับการที่มนุษย์ได้กลับมาหาพระเจ้า พระเจ้าคือผู้จะเปิดทางและให้ทุกสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ให้กับผมเพื่อจะได้ก้าวไปบนเส้นทางนี้ครับ
ยอห์น 11:41-42 TH1971
[41] พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า <<ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ ที่พระองค์ทรงโปรดฟังข้าพระองค์ [42] ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ประชาชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา>>
หินปิดปากถ้ำในชีวิตของผมตลอดมาก็คือการไม่เชื่อพระเจ้าครับ คือการเชื่อมั่นกับตัวเองครับ ตอนนี้ผมได้เอามันออกไปแล้วและพระเจ้าก็ได้ให้ชีวิตใหม่กับผมเหมือนที่ให้ลาซารัสได้ฟื้นคืน เป็นชีวิตใหม่ที่เชื่อวางใจเพียงพระเยซูครับ
มัทธิว 25:29 TH1971
[29] ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา
ครับกับทุกสิ่งที่จำเป็นพระเจ้าก็จะให้กับผม เพื่อผมจะสามารถไปตามจิตใจของพระองค์คือเชื่อวางใจเพียงพระองค์ คือการประกาศความจริงของพระองค์ให้กับทุกคนครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
