5 มิ.ย. เวลา 08:21 • ข่าว

อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ที่อาจเข้ามาถูกที่แต่ผิดจังหวะ

บทสรุปการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา ผลปรากฏชัดแล้วว่า อี แจ-มยอง อดีตผู้นำฝ่ายค้าน สามารถชนะเลือกตั้งได้อย่างขาดลอย ด้วยคะแนนเสียง 49.42% จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์สูงถึง 79.38% นับเป็นตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์ที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีของเกาหลีใต้ ที่ส่งให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 14 ของเกาหลีใต้
ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากความผิดพลาดของการตัดสินใจประกาศกฏอัยการศึกของอดีตประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงจากการแทรกแซงทางการเมืองจากกลุ่มผู้ฝักใฝ่เกาหลีเหนือ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกถอดถอนจากตำแหน่งผู้นำ และสร้างความแตกแยกในสังคมของเกาหลีใต้อย่างกว้างขวาง
แต่อีกส่วนก็ต้องยกเครดิตให้กับความใจสู้ของ อี แจ-มยอง เองที่ทำให้เขาฝ่าฟันจากดินสู่ดาวทำเนียบฟ้าได้ในวันนี้
จากเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่มีพี่น้องถึง 7 คน และยากจนมาก จนต้องปลอมชื่อเข้าไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ยังเด็ก แม้จะอายุไม่ถึง ซ้ำยังโชคร้าย ถูกเครื่องจักรโรงงานบดข้อมือจนพิการ ไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมจนถึงปัจจุบัน
แต่เขายังต้องกัดฟันทำงานเพื่อหาเงินเรียน เพราะในสมัยเขา รัฐบาลเกาหลียังไม่มีสวัสดิการเรียนฟรีในระบบการศึกษาภาคบังคับ และส่งตัวเองจนเรียนจบปริญญาด้านกฎหมายได้สำเร็จ เป็นทนายประชาชนที่ใฝ่ฝันว่าหากได้ทำงานการเมือง เขาจะจำกัดสิทธิพิเศษของกลุ่มอภิสิทธิ์ชน และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
2
อี แจ-มยอง ลงสนามการเมืองครั้งแรกในปี 2005 เพื่อชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซ็องนัม แต่ก็พ่ายแพ้ยับเยินในสนามแรก และต่อๆมาอีกหลายสนามกว่าจะได้รับชัยชนะในสนามท้องถิ่นเมืองซ็องนัมได้ในที่สุดในการเลือกตั้งปี 2010 ที่กลายเป็นก้าวแรกของการเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว และก้าวหน้าขึ้นมาเรื่อยๆ จากนายกเทศมนตรีเมือง สู่ผู้ว่าการจังหวัดคย็องกี และเข้าสู่สภาการเมืองระดับชาติได้ในที่สุด
1
ซึ่งเขาเคยลงศึกเลือกตั้งใหญ่ของเกาหลีใต้ครั้งที่แล้วเมื่อปี 2022 และพ่ายแพ้ให้กับ ยุน ซ็อก-ยอล ไปด้วยคะแนนเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด 47.83% ต่อ 48.56%
เคยเกือบถูกลอบสังหารด้วยการแทงคอหอยด้วยมีด เมื่อต้นเดือนมกราคม 2024 ที่เมืองปูซาน
และเคยเกือบถูกลอบสังหารทางการเมืองในปลายปีเดียวกัน ถ้า ยุน ซ็อก-ยอล ยึดอำนาจทางการเมืองสำเร็จ
จึงเรียกได้ว่า เขาคือแมว 9 ชีวิตอย่างแท้จริง และชัยชนะของเขาในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่ส้มหล่น แต่เป็นประสบการณ์ทางการเมืองที่ล้มลุกคลุกคลานมาหลายสิบปีจนสุกงอมในเวลาที่ถูกต้อง แต่มันจะถูกจังหวะหรือเปล่า นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
2
เนื่องจาก อี แจ-มยอง มีมุมมองทางการเมืองสายกลาง ที่ต้องการปรับสมดุลย์ของนโยบายต่างประเทศของเกาหลีใต้ ไม่ให้สุดโต่งจนเกินไปเหมือนในสมัยของยุน ซ็อก-ยอล ที่เอนเอียงไปทางสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน และยกระดับความแข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ
1
แต่จากสุนทรพจน์ในพิธีเข้ารับตำแหน่งของอี แจ-มยอง ได้กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในระเบียบโลก ที่ส่งผลต่อนโยบายคุ้มครองทางการค้าและการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานถือเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของเกาหลีใต้” ที่สื่อถึงความวุ่นวายจากกำแพงภาษีของทรัมป์ในตอนนี้
1
และถึงแม้สหรัฐจะเป็นพันธ์มิตรที่สำคัญมากๆของเกาหลีใต้ ที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยังได้ออกมาย้ำเตือนสถานะพันธมิตรกับรัฐบาลใหม่ของบ้านโสมขาวว่าอยู่ในกลุ่ม "Ironclad" ที่จะแหกกรงออกไปไม่ได้
1
แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัฐบาลของอี แจ-มยอง จะมี นโยบายเชิงบวกต่อจีนมากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมา ซึ่งในช่วงที่หาเสียงที่ผ่านมา อี แจ-มยอง ก็ได้พูดถึงการปรับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียเสียใหม่
1
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีใต้มีเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับจีน และ รัสเซีย และมีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์อย่างลึกซึ้ง เป็นความจริงที่ไม่ควรถูกมองข้าม หรือถูกจำกัดจากการที่เกาหลีใต้มีความสัมพันธ์แบบไตรภาคีกับร่วมกับสหรัฐและญี่ปุ่น
นอกจากนี้ อี แจ-มยอง ยังมีความคิดที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ และการที่เกาหลีใต้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับจีน ก็อาจช่วยให้ความตึงเครียดระหว่าง 2 เกาหลีลดลงได้
และด้วยแนวคิดนี้เองที่อดีตผู้นำ ยุน ซ็อก-ยอล ได้ยกมาเป็นข้ออ้างในการประกาศกฏอัยการศึก เพื่อต้องการปราบปรามนักการเมืองที่ "ฝักใฝ่เกาหลีเหนือ" ที่หมายถึงกลุ่มของ อี แจ-มยอง นั่นเอง และยังทำให้มีชาวเกาหลีใต้ที่สนับสนุน ยุน ซ็อก-ยอล จำนวนมาก เชื่อว่าการถอดถอนอดีตประธานาธิบดียุน เกิดจากการแทรกแซงทางการเมืองของจีน นั่นจึงเป็นที่มาของการโบกธงชาติสหรัฐในกลุ่มม็อบที่สนับสนุนยุน ซ็อก-ยอล
1
และถึงแม้หลักการใช้นโยบายการเมืองที่เป็นกลาง หรือการเพิ่มมิตร ลดศัตรู เป็นสิ่งที่(น่าจะ)ดี และ เกาหลีเหนือ-ใต้ ก็เคยดีกันมาก่อนจนถึงขนาดผู้นำเดินจูงมือข้ามเส้นพรมแดนที่ 38 ร่วมกันมาแล้ว ในยุคของผู้นำมุน แจ-อิน
1
แต่นโยบายนี้ อาจไม่ใช่จังหวะที่ดีนัก ในวันที่สหรัฐมีผู้นำชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่ศรัทธาในนโยบายสายกลาง ถ้าอยากจะคบหากัน ต้องเลือกข้างมาชัดๆ มิตรหรือศัตรู เคลียร์คัทกันไปเลย
และในตอนนี้ ทรัมป์ได้ประกาศใช้กำแพงภาษีบีบสินค้าของเกาหลีใต้ที่ 25% และกำลังรอท่าทีการเจรจาจากรัฐบาลใหม่ของเกาหลีใต้ และจะไม่ลังเลเลยที่จะกดดันเกาหลีใต้บนโต๊ะเจรจา หากเห็นเงาของจีนแอบซ่อนอยู่ข้างหลังรัฐบาลของโสมขาวแม้เพียงแว่บเดียวก็ตาม
2
ก็ต้องมานับดูว่า อี แจ-มยอง แมว 9 ชีวิต ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เหลืออีกกี่ชีวิต และยังเหลือมากพอที่จะชนกับทรัมป์ได้หรือไม่
3
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา