คนไม่เข้าใจสงครามเท่านั้น จึงอยากได้สงคราม
ไม่ว่าใครจะด่านายกไหม กับการให้สัมภาษณ์นี้
แต่ผมเห็นด้วย
ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่า นางมีความเข้าใจแค่ไหน
กับสิ่งที่พูดออกมา แต่อย่างน้อย มันก็ถูกต้อง
…และผมมีความเห็นว่า ที่ตอนนี้คนไทยจำนวนมาก
ต้องการเห็นการใช้กำลัง เพราะไม่มีความเข้าใจ
ว่าสงครามคืออะไรมากพอ จึงยุส่ง…
…ส่วนจะมีปัจจัยการเมืองอะไรด้วยไหม ก็คิดกันดูเอาเอง….
คนไทยจำนวนมาก ที่กล้ายุให้กองทัพทำสงคราม
ไม่มีอะไรมากกว่า “เขื่อ” ว่าเราใหญ่กว่า แสนยานุภาพดีกว่า
และจะง่าย จบเร็ว ยิงสองสามตูม เขมรก็จะก้มหัวให้
แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
ถ้าเกิดสงครามเต็มรูปแบบ
สามปี ที่คนไทยได้เสพข่าวสงครามอสมมาตร
ทั้งในยูเครนและอิสราเอล
แต่ดูเหมือนไม่ได้อะไรซึมซับเข้าไปในสมองเลย
จึงออกมายุอะไรโง่ๆ ให้ทำสงครามแบบนั้น
แต่นั่น เพราะคนไทยส่วนมาก
ไม่เข้าใจคำว่า Hybrid warfare….
กรณีเกิดสงครามเต็มรูปแบบกับกัมพูชา
ในแง่แสนยานุภาพเราอาจดีกว่ามาก อันนี้จริง
แต่ในแง่การทนทานต่อความเสียหายในระยะยาว
จากสงครามต้นทุนต่ำของกัมพูชา
เรานี่แหละจะทนไม่ได้ก่อนพวกเขา !
เพราะอะไร ?
เขมรเขาไม่มีอะไรจะเสีย
และเป็นรัฐอำนาจนิยมที่ไม่แคร์ชาวบ้าน
แต่เรามีระบบเศรษฐกิจที่ต้องรักษา
มีคนที่ต้องดูแลให้มีมาตรฐานชีวิตที่ดีกว่าเขามาก
การทนต่อความสูญเสียในเรื่องต่างๆได้ มันจึงต่างกัน
ยกตัวอย่างจำลองสถานการณ์สมมุติ ก็จะเห็นชัดขึ้น….
สมมุติว่ามีสงคราม
ไทยคงใช้กองทัพอากาศที่ดีกว่ามากเล่นงานฐานที่มั่น
ของกัมพูชา บริเวณพื้นที่ขัดแย้งต่างๆ ซึ่งก็หลายจุด
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียทหารราบ
ถามว่า ตรงนั้นที่เราไปบอมบ์ มันคืออะไรในกัมพูชาล่ะ ?
ครับ มันมีแต่ป่าเขาทั้งนั้น ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจเลย
แต่ในทางกลับกัน ยิงเขา เขมรมันก็ต้องตอบโต้มา
ด้วยอาวุธพิสัยไกลจากจีน ที่พวกมีในมือ ซึ่งมันจะมาได้ไกล
พอสมควร ถึงเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนเราได้สบายๆ
แน่นอน ภาคตะวันออกไทย คือเขตเศรษฐกิจมาแต่ไหนแต่ไร
ต่อให้ไม่มีใครตาย แต่การลงทุนคงบรรลัยวายวอดแน่
คนกลัว ใครจะลงทุน
จรวด หรือกระสุนปืนใหญ่ หรือโดรนถูกๆ
ของเขมรเพียงลูกสองลูก แม้ไม่โดนอะไร หรือถูกสกัดได้
แต่มันจะทำลายเขตเศรษฐกิจของเรา ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเขา
เป็นสิบเท่า หรือร้อยเท่าจนพินาศ
ในขณะที่เราเต็มที่ก็ได้แต่ถล่มพื้นที่ป่าเขาของพวกเขา
ถามง่ายๆ คุ้มไหม ?
และชาวเขมรในไทยมีเท่าไหร่ล่ะ กล้ารับประกันได้ไหม
ถึงภัยจากการก่อการร้าย หากมีสงครามเต็มรูปแบบขึ้นมา
มันแค่วางระเบิดสร้างสถานการณ์ในสมุทรสาคร
หรือแม้กระทั่งก่อม็อบโรงงาน ให้น่ากลัวสักรอบ
ตูมเดียวเท่านั้นแหละ การท่องเที่ยวไทย การผลิต
เฟืองเศรษฐกิจตัวสุดท้ายที่พอพึ่งได้ จะวายวอดลงทันที
เนื่องจากความอ่อนไหวในใจนักลงทุน
และคนไทยเองก็จะต้องอยู่กันแบบหวาดระแวง
เศรษฐกิจก็จะยิ่งเสียหาย ไม่ต่างกับที่เคยเกิดขึ้นในหาดใหญ่
ถามอีกที ว่าคุ้มไหม คนไทยทนได้เหรอ ?
นี่แหละ คือลักษณะของ Hybrid warfare
ที่หลายคนไม่เข้าใจ เลยไปยุให้ทหารไทยสร้างสงคราม
เพียงเพราะคิดว่ามันง่ายดายในสมรภูมิ
…เชื่อผมเถอะ ทัพกัมพูชาน่ะเล็ก แต่ก็ไม่ด้อยกว่าว้า
หรือกระทั่งพวกฮามาสหรอก นี่คือกองกำลังระดับรัฐชาตินะ…
…เรื่องจะตบเขาข้างเดียว ไม่มีทางครับ….
อีกอย่าง ด้วยความเป็นประเทศใหญ่กว่าของเรา
หากใช้แสนยานุภาพส่วนที่เหนือกว่ามากๆ
เช่น กองทัพอากาศ หรือมิไซล์ฮาพูนจากเรือ
ยิงใส่เขตเมือง หรือเมืองหลวงของกัมพูชาเลย
มันมีแนวโน้มสูงมาก ที่เราจะโดนกัมพูชาร้อง
ว่าทำเกินกว่าเหตุ จนนำไปสู่การโดนเล่นงาน
ในเวทีสหประชาชาติได้
…เพราะตามปูมอดีตที่ผ่านมา ที่ประชุมสหประชาชาติ
มักมีมติหนุนชาติเล็กไว้ก่อน แล้วค่อยมาเคลียร์ทีหลังเสมอ
เนื่องจากเสียงของชาติเล็กมีจำนวนมากกว่า…
ยิ่งปัจจุบันเราห่างจากอเมริกามากขึ้น แต่กัมพูชากลับสนิท
กับจีนมากขึ้น ซึ่งสองชาตินี้มีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน
ใครๆก็รู้ แบบนี้ไทยก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะถูกโดดเดี่ยว
และเสียเปรียบมาก ในเวทีโลก….
…เมื่อมันเสี่ยงมากเกินไป ที่เราจะเล่นงานพวกเขาด้วย
แสนยานุภาพส่วนที่เหนือกว่า จึงต้องลงไปรบภาคพื้นดิน
ซึ่งนั่นจะยืดเยื้อ และสูญเสียแน่นอน สงครามปัจจุบันไม่มีง่าย
และเราก็ไม่ได้เหนือกว่าพวกเขานักในส่วนนี้…
…เมื่อเป็นแบบนี้ เรายังอยากได้สงครามจริงๆงั้นเหรอ?….
อย่างที่บอก ผมก็ไม่รู้หรอก ว่านายกเข้าใจเรื่องนี้ไหม
แต่สิ่งที่เป็น และทำอยู่ ผมคิดว่ามันก็เหมาะสมแล้ว
ที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรง ให้ถึงที่สุด ไม่ใช่นิดเดียวก็จะยิง
กับแนวทางแก้ปัญหาปัจจุบัน ผมมองว่ามันยังไม่ถึงที่สุด
ที่เราจะต้องใช้กำลัง มันยังเลี่ยงได้
- กรณี การล้ำเข้ามาขุดสนามเพลาะ ในพื้นที่ทับซ้อน
ก็ต้องยื่นคำขาดให้เวลาไปเลย 7 วัน ไม่ไปค่อยเจอกัน
อันนี้เราทำได้ เพราะถือว่าเตือนแล้ว
( ส่วนนี้การปั่นทำให้คนไทยเข้าใจผิด คือเขมรนั้นล้ำ
ตามแผนที่อังกฤษที่เราถือจริง แต่เขมรถือแผนที่ฝรั่งเศส
ดังนั้น จริงๆ ตรงนี้ยังเป็นพื้นที่พิพาท ไม่ใช่ของไทยเต็มตัว )
- กรณีศาลโลก อันนี้ปล่อยมันบ้าไปฝ่ายเดียวได้เลย
และเท่าที่ฟังผู้เชี่ยวชาญมา มันอาจไม่กล้ายื่นจริงๆด้วยซ้ำไป
เนื่องจากพวกมันเริ่มละเมิด MOU 43 ก่อนอย่างชัดเจน
กรณีต่างจากกรณีพระวิหารมาก ในแง่การรับรู้ขัอตกลง
และการยื่นคัดค้านอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกลัวไปนัก
ยื่นไป ดีไม่ดีเขมรนั่นแหละจะซวยเอง
- การกดดันไปที่เศรษฐกิจ เล่นงานผลประโยชน์
ของตระกูลฮุน ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ
คือ มันยังมีอีกหลายทาง ที่จะเล่นงานพวกเขาได้
โดยไม่ต้องใช้กระสุนให้เปลือง
ผมไม่เห็นด้วยกับการสร้างสงคราม แต่คิดว่ารัฐบาล
ต้องใช้มาตรการเหล่านี้ให้มากขึ้นกว่าที่เป็น ถ้าไม่อยากโดนด่า
เอาเนี่ย ถ้าไม่ถอนตามเส้นตาย ไม่กลบสนามเพลาะ
ก็ปิดด่านก่อนเลย…ถ้าไม่เลิกอีก ก็ต้องยิงกันล่ะ
…แต่บ่อนตระกูลฮุนเจ๊ง เดี๋ยวก็ดิ้นพราดไปเองแหละ…
ปัญหาเดียวคือ ฮุนเซนนั้นรู้ไส้รู้พุงบิ๊กๆเมืองไทยทุกฝ่ายดี
ไม่ใช่แค่ตระกูลชิน เนื่องจากเขมรถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินของ
บรรดาขี้ฉ้อไทยทั้งฝ่ายการเมือง และราชการ มานานมากแล้ว
และทุนใหญ่ทรงอิทธิพลหลายกลุ่มของเราก็หากินอยู่
บ้านเขา อย่างคนขายไก่เนี่ย ปิดด่านพวกโวยแน่…
…อย่าว่าแต่รัฐบาลไม่กล้าเลย ฝ่ายอื่นก็ใช่จะกล้า พูดไปงั้น….
…ไม่ต่างกับตอนปราบคอลฯฝั่งพม่า ที่ต้องรอจีนมาบีบหรอก…
…ในทางนึง รัฐบาลอาจน่าเห็นใจ ที่น้ำท่วมปากกับเรื่องพวกนี้
…แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ….
…ที่จริงพูดออกมาก็ได้ ถ้าไม่กลัวโลกแตก 555….
ผมไม่ได้มาให้กำลังใจ หรือเชียร์นายก รัฐบาลนะ
เพียงแต่รู้สึกว่าสังคมมันชักจะบ้าคลั่งไปใหญ่แล้ว
สงคราม ไม่ใช่เรื่องสนุก แม้ว่าคู่กรณีจะเล็กกว่ามาก…
…ใช้สมอง ศึกษาจากสิ่งที่มันเกิดขึ้นที่อื่นบ้าง…
…เห็นวิจารณ์สงครามที่อื่นกันได้เป็นคุ้งเป็นแคว …
…แต่กลับไม่เข้าใจ สิ่งที่อาจจะเกิดในบ้านตัวเอง …
…เงาดำทะมึนขนาดยักษ์หลังกัมพูชาน่ะใคร รู้บ้างรึเปล่า…
…อย่าคลั่งจนไร้สติครับ ใช้สมองกันนิดนึง….
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
