7 มิ.ย. เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์

พิธีฮัจญ์ หนึ่งในหน้าที่ของชนมุสลิมที่สร้างรายได้มหาศาลให้ซาอุดิอาระเบีย

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ที่ซาอุดิอาระเบียก็เริ่มคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจำนวนมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกที่มีแรงกายและทุนทรัพย์เพียงพอให้เดินทางมาประกอบหนึ่งในศาสนกิจที่สำคัญของชาวมุสลิมที่เชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าอะไรหลาย ๆ อย่างเพียบพร้อมแล้วก็ควรจะมาอย่าง พิธีฮัจญ์ ที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จัก
แน่นอนว่าพิธีฮัญจ์เป็นพิธีที่มีจุดหมายมุ่งไปที่นครเมกกะในซาอุดิอาระเบีย และด้วยความเชื่อและความศรัธทาที่นำทางชาวมุสลิมให้เดินทางมานี้ก็นับว่าส่งผลดีต่อซาอุดิอาระเบียในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะกับด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่เกิดจากการใช้จ่ายของเหล่าผู้แสวงบุญ All About History ในสัปดาห์นี้จะขอพาไปรู้จักกับพิธีฮัจญ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้มากขึ้น และจะพาไปดูกันว่าพิธีฮัจญ์ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของซาอุดิอาระเบียอย่างไร
⭐ ซาอุดิอาระเบียโดยสังเขป จากกำเนิดอิสลามถึงรวมชาติซาอุดิอาระเบีย
ถึงแม้ว่าซาอุดิอาระเบียจะไม่ได้มีสถานะความเป็นรัฐชาติมาเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคโบราณ หากแต่ถือกำนิดขึ้นมาครั้งแรกในศตวรรษที่ 18 แต่ถึงอย่างนั้นพื้นที่ในบริเวณคาบสมุทรอาระเบียนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความเก่าแก่โบราณมานานกว่าซาอุดิอาระเบีย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้นับว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นต้นกำเนิดศาสนาอิสลาม โดยที่เมืองเมกกะที่ชาวมุสลิมเดินทางมาประกอบพิธีฮัจญ์ ก็เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของนบีมูฮัมหมัดด้วย
นบีมูฮัมหมัดได้เผยแพร่คำสอนในช่วงปี 610 ซึ่งก็แพร่หลายในพื้นที่เล็ก ๆ ก่อนที่จะขยายกว้างใหญ่ไพศาล หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือในส่วนของรัฐกาหลิบรอชิดูน ซึ่งมีปฐมกาหลิบซึ่งเป็นสนิทและมีสถานะเป็นญาติกับนบีมูฮัมหมัด รัฐกาหลิบรอชิดูนสามารถขยายดินแดนได้กว้างขวางไปจนถึงแอฟริกาตอนเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ของอียิปต์ ซึ่งความกว้างขวางของรัฐกาหลิบรอชิดูนก็ได้ขยายความนิยมของศาสนาอิสลามเข้าไปด้วย
พื้นที่ของคาบสมุทรอาระเบียได้กลายเป็นพื้นที่ของอาณาจักรอิสลามหลายต่อหลายรัฐมาหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นอับบาซียะฮ์ หรือมาจนถึงยุคจักรวรรดิออตโตมัน
ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่สุลต่านเซลิมที่ 1 ได้มาพิชิตเมกกะ แต่ถึงอย่างนั้นพื้นที่ตรงนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยการปกครองในระดับท้องถิ่น จากชนเผ่าอาหรับต่าง ๆ ทำให้หลาย ๆ ครั้งมีการเกิดขึ้นของกลุ่มชนเผ่าเหล่านั้นที่คิดจะตั้งอาณาจักรเล็ก ๆ ขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็คือในส่วนของราชวงศ์ซาอุด ที่ได้ตั้งรัฐซาอุดิที่ 1 ขั้นมาภายใต้ร่มเงาของออตโตมัน และได้มีการสงครามกับอาณาจักรอาหรับเล็ก ๆ อื่น ๆ จนกระทั่งถูกออตโตมันกลับมาฮุบพื้นที่คืนอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับซาอุดิอาระเบียในปัจจุบันนั้น ได้ตั้งขึ้นมาใหม่อีกทีหนึ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากเหตุการณ์กบฎอาหรับที่นำมาซึ่งอิสรภาพของรัฐน้อยใหญ่ในคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งจากการสนับสนุนของฝ่ายพันธมิตรก็ได้นำมาสู่การรวมชาติของซาอุดิอาระเบียเป็นผลสำเร็จ จากรัฐเล็ก ๆ หลายรัฐเช่น ฮิญาซ นัจญด์ อะซีร เป็นต้น
⭐ พิธีฮัจญ์จากเบื้องบุราณ ถึงปัจจุบัน
พิธีฮัจญ์เป็นพิธีที่มีแนวคิดข้องเกี่ยวกับการแสวงบุญอย่างหนึ่ง โดนแนวคิดการแสวงบุญในศาสนาอิสลามนั้นกล่าวกันว่าเกิดขึ้นมาโดนนบีอิบรอฮีม ซึ่งเล่ากันว่านบีอิบรอฮีมได้ทิ้งลูกเมียคือ ฮาญัร และ อิสมาอิล ไว้ที่ทะเลทรายในเมกกะตามพระประสงค์ของพระเจ้า แน่นอนว่ากลางทะเลทราย น้ำ เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง ฮาญัรก็ได้วิ่งหาน้ำไปทั่วจนกระทั่งวิ่งกลับมาหาอิสมาอีลที่กำลังตะกุยขุดทรายอยู่แล้วก็มีน้ำพุพุ่งออกมา
และนั่นเองก็ได้ดึงดูดให้ชนเผ่าต่าง ๆ เดินทางมายังเมกกะเพื่อตั้งถิ่นฐาน ซึ่งต่อมานบีอิรอฮีมกับนบีอิสมาอีลก็ได้ช่วยกันก่อสร้างฐานของ “บ้าน” หรือ กะอ์บะฮ์ขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์การสร้างกะอ์บะฮ์นี้ปรากฎอยู่ในอัลกุรอาน เช่นในซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 127 เป็นต้น โดยหลังจากที่นบีอิบรอฮีมวางศิลาสีดำลงที่มุมกะอ์บะฮ์แล้ว ก็ได้รับสารจากพระเจ้าให้ไปประกาศข่าวถึงการจาริกแสวงบุญนี้
1
อันที่จริงแล้วการมาแสวงบุญที่เมกกะเป็นอะไรที่มีมาก่อนที่จะมีศาสนาอิสลามเสียอีก ซึ่งในก่อนยุคอิสลาม กะอ์บะฮ์ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายแสวงบุญ ซึ่งสันนิษฐานกันว่าเป็นของศาสนาอับราฮัมกันมาก่อน ก่อนที่ในยุคต่อมา คือในยุคของนบีมูฮัมหมัดจะมีการนำเอาการแสวงบุญนี้มารวมเป็นส่วนหนึ่งของวัตรปฏิบัติในศาสนาอิสลามด้วย
รูปแบบของพิธีฮัจญ์ในปัจจุบันนี้เป็นอะไรที่สืบทอดมาจากเมื่อครั้งที่นบีมูฮัมหมัดได้ประกาศพระศาสนา ในครั้งหนึ่งกะอ์บะฮ์เคยกลายมาเป็นที่บูชาของกลุ่มศาสนิกพหุเทวนิยม ซึ่งได้ปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้าองค์เดียวเหมือนกับศาสนาในกลุ่มอับราฮัม ซึ่งนบีมูฮัมหมัดก็ได้ทำการทำลายรูปเคารพของเทพเจ้าพหุเทวนิยมนั้นสิ้น เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นพระเจ้าองค์เดียวตามความคิดดั้งเดิมที่กะอ์บะฮ์ถูกสร้างขึ้นมาตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และนั่นเองก็ได้มีชนชาวมุสลิมเดินทางมาอยู่บ่อยครั้ง และนบีมูฮัมหมัดเองก็ได้มาแสวงบุญครั้งสุดท้ายที่นี่ พร้อมกับมอบคำสอนสุดท้ายเอาไว้ และนั่นเอง นับจากนั้นเป็นต้นมา พิธีฮัญจ์ก็ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งเสาหลักของศาสนาอิสลามที่ชาวมุสลิมปรารถนาที่จะเดินทางมา
การเดินทางถึงเมกกะในอดีตไม่ได้เรียบง่าย หรือง่ายดายมากนัก ในอดีตอย่างเช่นในยุครัฐกาหลิบการแสวงบุญจะเกิดจากการรวมกลุ่มกันในเมืองใหญ่ก่อน จากนั้นจึงค่อยตั้งเป็นกองคาราวาน เดินทางมายังเมกกะ ซึ่งผู้นำรัฐจะต้องเป็นผู้ที่ดูแลและสนับสนุนเงินทุนให้แก่ผู้ที่มาแสวงบุญ ซึ่งในช่วงของรัฐกาหลิบอับบาซิยะฮ์ ก็ได้มีการสร้างถนนตรงมายังเมกกะเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้แสวงบุญด้วย ซึ่งเส้นทางแสวงบุญนี้ก็ได้มีการบำรุงและพัฒนาเพิ่มเติมมาเรื่อย ๆ
พอล่วงมาในสมัยออตโตมัน การมาแสวงบุญอาจจะไม่ได้รับเม็ดเงินทุนสนับสนุนจากรัฐมากอย่างที่เคยเป็นเมื่อครั้งสมัยรัฐกาหลิบ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ปกครองก็ยังคงเล็งเห็นถึงความสำคัญโดยการตั้งหน่วยอารักขากองคาราวานไปฮัจญ์ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในระหว่างการเดินทาง และคอยปกป้องช่วยเหลือผู้แสวงบุญจากอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเส้นทางการเดินทางไปเมกกะจะจัดขึ้นอยู่หลายเส้นทาง เช่นเส้นทางอียิปต์ที่เดินทางจากกรุงไคโร เส้นทางซีเรียที่เดินทางจากดามัสกัส หรือเส้นทางอิรักที่เดินทางจากกูฟา เป็นต้น
⭐ ฮัจญ์กับเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการแสวงบุญ
พอเวลาเปลี่ยนผ่านและมีพัฒนาการมากขึ้น การเดินทางมาฮัจญ์ก้สะดวกขึ้นตามไป เจ้าของพื้นที่ที่กะอ์บะฮ์ตั้งอยู่อย่างซาอุดิอาระเบียก็ค่อนข้างได้รับผลประโยชน์จากการเดินทางเข้ามาในประเทศของคณะแสวงบุญหลากหลายช่องทาง
การแสวงบุญก็อาจจะนับว่าเป็นการท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าเมื่อมีการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอยก็ย่อมเกิดขึ้นมามากมาย โดยปกติแล้วเรารู้จักซาอุดิอาระเบียในฐานะของเศรษฐีบ่อน้ำมันมากกว่า แต่ในขณะเดียวกัน สื่อบางสำนักก็รายงานถึงตัวเลขมูลค่าที่เกิดขึ้นจากช่วงพิธีฮัญจ์ว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับซาอุดิอาระเบียเฉลี่ยสูงถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
โดยได้มีการเฉลี่ยถึงค่าใช้จ่ายในการมาฮัจญ์แต่ละครั้งของแต่ละคนว่าอยู่ที่ราว ๆ 3,000 ไปจนถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายของผู้ที่มาประกอบพิธีฮัญจ์ก็มีทั้งค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทาง ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ และค่ารักษาพยาบาล (อากศที่ร้อนจัดของซาอุดิอาระเบียได้ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ที่เดินทางมามาก) ซึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้ดีมาก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้แสวงบุญที่เมกกะเกินล้านคนติดต่อกันหลายปี ทางซาอุดิอาระเบียเล็งเห็นถึงมูลค่าที่เกิดขึ้นจากพิธีฮัญจ์ และนี่เองก็ได้ทำให้เกิดการวางแผนขึ้นมาว่าทางการคาดหวังที่จะมีจำนวนผู้แสวงบุญทะลุเป้าที่ 30 ล้านคนให้ได้ภายในปี 2030 และคาดหวังว่าจะมีมูลค่าที่เกิดขึ้นจากการแสวงบุญนี้ถึง 350 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อประชาชนและภาคธุรกิจของประเทศภายในปี 2032 ด้วยซาอุดิอาระเบียจะสามารถได้รับตัวเลขดังคาดหวังเอาไว้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนและยังคงต้องติดตามวางแผนให้ดีกันต่อไป…
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #เศรษฐกิจ #อิสลาม #ซาอุดิอาระเบีย #ข่าวต่างประเทศ #ศาสนา #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
อ้างอิง:
Hijjah, Dhul. The Compelling History of Hajj Pilgrimage. on Greentech Apps Foundation.
Uddin, Rayhan. Hajj: When is it, how did it start, and other key questions explained. on Middle East Eye
โฆษณา