10 มิ.ย. เวลา 01:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🏛️ ไม่ใช่แค่ที่บูชา? วิหาร 5,000 ปี อาจเป็นโรงเรียนสอนดาราศาสตร์การเดินเรือ

คุณเคยจินตนาการถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนในยุคโบราณไหม? เมื่อ 5,000 ปีก่อน ในยุคที่แสงไฟจากเมืองยังไม่บดบังดวงดาว ผู้คนจะมองเห็นกลุ่มดาวชัดเจนราวกับเป็นแผนที่นำทาง และที่มอลตา มีวิหารหินขนาดมหึมาที่อาจไม่ใช่แค่สถานที่ประกอบพิธีกรรม แต่เป็น "โรงเรียน" สอนการเดินทางโดยใช้ดวงดาว!
เราจะพาคุณย้อนเวลาไปสัมผัสเรื่องราวสุดอัศจรรย์ ที่อาจพลิกความเข้าใจเดิมๆ ของคุณเกี่ยวกับภูมิปัญญาของคนโบราณไปตลอดกาล
🧭 ปริศนาการวางทิศของวิหารโบราณ
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพวิหารโบราณที่โอ่อ่า แต่คุณรู้ไหมว่าวิหารหิน 7 แห่งบนหมู่เกาะมอลตาที่สร้างขึ้นระหว่าง 3800 ถึง 2300 ปีก่อนคริสตกาล ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แม้ส่วนใหญ่จะหันหน้าไปทางทิศใต้หรือตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งนักวิจัยอย่าง Huw Groucutt จากมหาวิทยาลัยมอลตา (University of Malta) เชื่อว่าวิหารเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการทำพิธีกรรม สังเกตจากซากโครงกระดูกจำนวนมหาศาลที่พบในวิหารบางแห่ง (บางแห่งมีกระดูกมนุษย์มากกว่า 220,000 ชิ้น!) ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานที่เหล่านั้นอาจใช้ในการจัดเลี้ยงหรือบวงสรวง
แต่วิหาร Mnajdra กลับถูกวางทิศไว้อย่างแม่นยำจนน่าทึ่ง โดยแสงอาทิตย์จะส่องเข้ามาเต็มพื้นที่วิหารในช่วงวันครีษมายันและศารทวิษุวัตพอดี ปรากฏการณ์นี้จึงจุดประกายคำถามสำคัญว่า อะไรคือเบื้องหลังการวางทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์นี้?
🌌 จากลมและแสงอาทิตย์ สู่ดวงดาวนำทาง
นักวิจัยเคยเสนอสมมติฐานมากมายเพื่ออธิบายการวางทิศของวิหารเหล่านี้ Fabio Silva จากมหาวิทยาลัยบอร์นมัท (Bournemouth University) สหราชอาณาจักร ระบุว่าอาจเป็นไปได้ว่าวิหารถูกสร้างขึ้นแบบสุ่ม เพื่อรับแสงแดดให้ได้มากที่สุด หรือแม้แต่เพื่อหลีกเลี่ยงลมแรง แต่เมื่อ Silva และ Tore Lomsdalen จากมหาวิทยาลัยมอลตา (University of Malta) ได้ทำการวัดโครงสร้างหิน 32 แห่ง และใช้แบบจำลองทางสถิติเพื่อทดสอบสมมติฐานเหล่านี้ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก!
พวกเขาพบว่า "ไม่มีปัจจัยทางบกใดๆ ที่อธิบายการวางทิศทางของวิหารเหล่านี้ได้เลย" แต่สิ่งที่พวกเขาค้นพบกลับน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะวิหารหลายแห่งหันไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการขึ้นและตกของดาวฤกษ์สำคัญทางใต้ เช่น ดาว Hadar (ส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวคนครึ่งม้า) ดาว Gacrux (ส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวกางเขนใต้) และดาว Avior (ส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวกระดูกงูเรือ)
ดาวเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าถูกใช้ในการนำทางโดยวัฒนธรรมโบราณหลายแห่ง!
⛵ วิหารคือ "เรือหิน" ที่ฝึกนักเดินเรือ
Silva อธิบายว่า "ทางเดินที่ไม่มีหลังคาภายในวิหาร เปรียบเสมือนห้องจำลองที่สมบูรณ์แบบของการอยู่กลางทะเล มันเปิดโล่งให้เห็นท้องฟ้าได้เต็มที่ ขณะที่ผู้เรียนยังคงปลอดภัยอยู่บนบก" ประตูวิหารจะทำหน้าที่เป็นกรอบสำหรับส่วนหนึ่งของขอบฟ้าที่ดาวนำทางสำคัญเหล่านี้ขึ้นหรือตก
อย่างไรก็ตาม Huw Groucutt ยังคงมองว่าวิหารที่หันไปทางใต้ส่วนใหญ่อาจสร้างขึ้นเพื่อให้รับแสงแดดได้สูงสุดและลดการเผชิญหน้ากับลมเหนือที่รุนแรง ถึงแม้ว่าบางวิหารจะสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงปัจจัยทางดาราศาสตร์ก็ตาม “เราต้องสำรวจทางเลือกทั้งหมดเท่านั้นที่จะทำให้เราเข้าใจวัตถุประสงค์ของวิหารในมอลตาโดยรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น” Silva สรุป
🏠 แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับประเทศไทย?
แม้ว่าเรื่องราวนี้จะเกิดขึ้นที่มอลตา แต่แนวคิดเรื่องการใช้ดวงดาวเพื่อการนำทางและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโลกรอบตัวนั้นเป็นสิ่งที่อารยธรรมทั่วโลกต่างมีร่วมกัน ในประเทศไทยเองก็มีการศึกษาเกี่ยวกับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่เกี่ยวกับการใช้ดวงดาวในการทำเกษตรกรรม การเดินเรือ หรือแม้แต่การกำหนดฤกษ์ยาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ในทุกวัฒนธรรมต่างพยายามทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากท้องฟ้ามาโดยตลอด
เรื่องราวจากมอลตาจึงเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ตอกย้ำถึงความฉลาดเฉลียวของบรรพบุรุษเรา และชวนให้เราย้อนกลับมามองว่าองค์ความรู้ที่เรามีในปัจจุบัน อาจมีรากฐานมาจากความพยายามสังเกตและเรียนรู้จากธรรมชาติของคนในอดีต
🎯 สรุปง่ายๆ
✅ วิหารโบราณที่มอลตาอายุกว่า 5,000 ปี อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สอนการนำทางด้วยดวงดาว
✅ การศึกษาใหม่พบว่าการวางทิศของวิหารเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางบก แต่สัมพันธ์กับการขึ้นและตกของดาวสำคัญที่ใช้ในการเดินเรือ
✅ แนวคิด "เรือหิน" ของชาวโพลินีเซียถูกนำมาเปรียบเทียบเพื่ออธิบายวัตถุประสงค์ของวิหารเหล่านี้
✅ นักวิจัยยังคงถกเถียงกันถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของวิหาร แต่ความเป็นไปได้นี้เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความรู้ทางดาราศาสตร์ของคนโบราณ
✅ การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับดวงดาวในอดีต ทำให้เราเห็นถึงรากฐานของภูมิปัญญาและวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
หากเรื่องราวของวันนี้มีประโยชน์ แล้วทำให้คุณอยากรู้เรื่องอื่นๆ อีก ผมก็ดีใจมากเลยครับถ้าคุณจะช่วยสนับสนุน "ค่ากาแฟ" เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ผมมีกำลังใจค้นคว้าแล้วก็เอาเรื่องราววิทยาศาสตร์น่ารู้แบบนี้มาเล่าให้ฟังกันอีกเรื่อยๆ และยังได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทุกคนได้รู้เรื่องสนุกๆ มากขึ้นด้วยครับ
💬 แล้วคุณล่ะครับ เคยรู้เรื่องวิหารโบราณกับดวงดาวนำทางแบบนี้มาก่อนไหม? คุณคิดว่าคนโบราณเขาฉลาดและล้ำหน้ากว่าที่เราคิดมากแค่ไหน? มาคุยกันในคอมเมนต์เลย!
💡 ถ้าเรื่องราววันนี้จุดประกายความคิด หรืออยากเก็บไว้ทบทวนทีหลัง ลองกดบันทึกโพสต์นี้ไว้ได้เลยนะ! หรือถ้าอยากให้เพื่อนๆ ได้รู้ด้วย ลองแชร์ไปที่ Story ของคุณได้เลยครับ 😊
🔎 แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
1. Silva, F., & Lomsdalen, T. (2025). Ancient temples as schools for celestial navigation. Archaeological and Anthropological Sciences. http://doi.org/pn7d

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา