Procter & Gamble (P&G) เจ้าของกระดาษชำระ Charmin ที่เราคุ้นเคย ถูกฟ้องในสหรัฐฯ ว่าโฆษณาผลิตภัณฑ์ว่า "ยั่งยืน" และ "รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม" ทั้งที่แอบใช้เยื่อไม้จากป่าบอเรียลในแคนาดา ซึ่งเป็นป่าที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและช่วยดูดซับคาร์บอนจำนวนมหาศาล เท่ากับว่าสิ่งที่โฆษณาไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นเลย

แบรนด์แฟชั่น Fast Fashion เจ้าใหญ่อย่าง ASOS, Boohoo และ Asda (ผ่านแบรนด์ George) ในอังกฤษ ถูกหน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะมีการใช้คำโฆษณาเช่น "eco-friendly," "sustainable," หรือ "responsible" บนเสื้อผ้าคอลเลกชัน "รักษ์โลก" แต่กลับไม่มีข้อมูลสนับสนุนชัดเจน หรือระบุสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลอย่างละเอียด ทำให้คนซื้อเข้าใจผิดว่าเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ

สายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ ถูกองค์กรสิ่งแวดล้อมฟ้องร้อง เพราะแคมเปญ "Fly Responsibly" ที่โปรโมตให้ผู้โดยสารชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) เพื่อบินแบบรักษ์โลก ศาลพบว่าการโฆษณานี้ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด เพราะการชดเชยคาร์บอนในรูปแบบที่ KLM นำเสนอ ไม่ได้ช่วย "ลบล้าง" มลพิษจากการบินได้ทันที และอาจไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงของการลดก๊าซเรือนกระจก

แบรนด์แฟชั่น Ultra-Fast Fashion อย่าง Shein เปิดตัวคอลเลกชัน "EvoluSHEIN" โดยอ้างว่าเป็นแฟชั่นที่ยั่งยืน แต่ก็ถูกตรวจสอบอย่างหนักในอิตาลี เพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนและเพียงพอ เช่น สัดส่วนของเส้นใยรีไซเคิลที่ใช้จริง, กระบวนการผลิต หรือวิธีการจัดการกับสินค้าที่ใช้แล้ว ซึ่งยิ่งทำให้คนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโมเดลธุรกิจ Fast Fashion ของ Shein มากขึ้นไปอีก

Coca-Cola เคยให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 25% ภายในปี 2025 แต่ผู้บริโภคและนักเคลื่อนไหวกลับพบว่าบริษัท ลบคำมั่นนี้ออกจากเว็บไซต์ไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีคำชี้แจงอะไรเลย การกระทำนี้ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก และตั้งคำถามถึงความจริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ระดับโลกนี้

สายการบิน Qantas ของออสเตรเลียชวนผู้โดยสารชดเชยคาร์บอนผ่านแคมเปญ "Fly Carbon Neutral" แต่ก็ถูกตั้งคำถามว่าโครงการชดเชยคาร์บอนเหล่านี้ได้ผลจริงแค่ไหน และข้อมูลเกี่ยวกับกลไกการชดเชยนั้นน่าเชื่อถือพอหรือเปล่า ทำให้ผู้บริโภคสับสนและสงสัยว่าเงินที่จ่ายไปนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงหรือเปล่า