[Whatthethis] 🤫 คุณเป็น Interrupter หรือเปล่า? สำรวจตัวเองให้รู้ทัน ก่อนทำลายบทสนทนา! เคยไหมครับที่กำลังคุยเพลินๆ แต่จู่ๆ ก็มีคนพูดสวนขึ้นมาแบบไม่ทันให้เราพูดจบประโยค? หรือบางทีคุณอาจจะเป็นคนนั้นเสียเองที่เผลอพูดแ

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

10 มิ.ย. เวลา 03:00 • สุขภาพ

🤫 คุณเป็น Interrupter หรือเปล่า? สำรวจตัวเองให้รู้ทัน ก่อนทำลายบทสนทนา!

เคยไหมครับที่กำลังคุยเพลินๆ แต่จู่ๆ ก็มีคนพูดสวนขึ้นมาแบบไม่ทันให้เราพูดจบประโยค? หรือบางทีคุณอาจจะเป็นคนนั้นเสียเองที่เผลอพูดแทรกคนอื่นบ่อยๆ โดยไม่รู้ตัว? พฤติกรรมการ "ขัดจังหวะการพูด" หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Interrupter" เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ มันอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์และการสื่อสารของเราได้โดยไม่รู้ตัว

วันนี้เราจะมาสำรวจตัวเองกันว่า คุณมีแนวโน้มที่จะเป็น Interrupter หรือเปล่า? และทำไมพฤติกรรมนี้ถึงเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจตามมาครับ

คุณเข้าข่าย Interrupter หรือเปล่า? ลองเช็กตัวเอง!

ลองตอบคำถามเหล่านี้ตามความเป็นจริงดูนะครับ

1. คุณมักจะพูดแทรกเมื่อมีคนพูดไม่ทันจบประโยคหรือไม่?

( ) บ่อยมาก

( ) บางครั้ง

( ) ไม่ค่อย

2. คุณรู้สึกกระสับกระส่ายหรือไม่สบายใจเมื่อต้องรอให้คนอื่นพูดจบ?

( ) ใช่

( ) บางที

( ) ไม่ใช่

3. คุณรู้สึกว่าคุณ "รู้" หรือ "เดา" ได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ และจึงพูดสรุปไปก่อนหรือไม่?

( ) บ่อยมาก

( ) บางครั้ง

( ) ไม่ค่อย

4. คุณมักจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อให้เข้ากับเรื่องที่คุณสนใจหรืออยากพูดหรือไม่?

( ) บ่อยมาก

( ) บางครั้ง

( ) ไม่ค่อย

5. หลังจากพูดแทรกไปแล้ว คุณเคยถูกคนอื่นบอกว่า "ยังพูดไม่จบเลย" หรือ "ฟังฉันให้จบก่อนสิ"?

( ) เคยบ่อยๆ

( ) เคยบ้าง

( ) ไม่เคย

-----

ถ้าคุณตอบ "บ่อยมาก" หรือ "ใช่" ในหลายข้อ มีความเป็นไปได้สูงที่คุณอาจมีพฤติกรรมเป็น Interrupter ครับ!

ทำไมเราถึง "ขัดจังหวะ" คนอื่น? (ในมุมจิตวิทยา)

การขัดจังหวะไม่ได้เกิดจากเจตนาไม่ดีเสมอไปนะครับ บางครั้งมันก็มีสาเหตุทางจิตวิทยาที่ซ่อนอยู่

1. ความกระตือรือร้นและตื่นเต้น

บางคนอาจตื่นเต้นกับหัวข้อสนทนามาก จนอดใจไม่ไหวที่จะแสดงความคิดเห็นหรือแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองทันที

2. Impulsivity (การขาดการยั้งคิด)

สำหรับบางคน การขัดจังหวะอาจเกิดจากการควบคุมตนเองได้ไม่ดีพอ หรือมีความยากลำบากในการรอจังหวะในการสนทนา (ซึ่งอาจพบได้ในผู้ที่มีภาวะ ADHD)

3. Conversational Dominance (การครอบงำการสนทนา)

บางคนอาจต้องการควบคุมทิศทางของบทสนทนา หรือรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจที่จะพูดแทรกเมื่อไหร่ก็ได้

4. ความเข้าใจผิดว่าเป็นการร่วมวง

ในบางวัฒนธรรมหรือกลุ่มคน การพูดเสริมหรือขัดจังหวะเล็กน้อยอาจถูกมองว่าเป็นการแสดงความสนใจหรือร่วมวงสนทนา แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจกลายเป็นการขัดจังหวะที่ไม่เหมาะสมได้

5. การขาด Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ)

บางคนอาจไม่ได้รับรู้ถึงผลกระทบที่การขัดจังหวะของตนเองมีต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย ทำให้ไม่เข้าใจว่าพฤติกรรมนี้สร้างความรำคาญหรือบั่นทอนกำลังใจได้

-----

ผลกระทบจากการเป็น Interrupter ที่คุณอาจไม่เคยรู้

แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การเป็น Interrupter บ่อยๆ สามารถสร้างผลกระทบเชิงลบได้ทั้งกับตัวเราเองและคนรอบข้าง

- ทำลายความสัมพันธ์

คนรอบข้างอาจรู้สึกไม่ได้รับความเคารพ ไม่ได้รับฟัง หรือรู้สึกรำคาญ ทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดและอาจถอยห่างออกไป

- ปิดกั้นการสื่อสาร

เมื่อรู้ว่าพูดไปก็อาจถูกขัดจังหวะ คนที่ถูกขัดจังหวะบ่อยๆ อาจเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็น หรือไม่พูดอะไรเลย ทำให้การสื่อสารไม่ราบรื่นและอาจพลาดข้อมูลสำคัญ

- ลดทอนความน่าเชื่อถือ

การพูดแทรกบ่อยๆ อาจทำให้คุณดูเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ หรือไม่ใส่ใจผู้อื่น ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของคุณได้

- พลาดโอกาสในการเรียนรู้ เมื่อคุณเอาแต่พูดแทรก คุณก็อาจจะพลาดโอกาสที่จะได้รับฟังข้อมูลใหม่ๆ มุมมองที่แตกต่าง หรือการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น

-----

ปรับพฤติกรรม จาก Interrupter สู่ผู้ฟังที่ดี

การตระหนักรู้คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีแนวโน้มที่จะเป็น Interrupter ลองฝึกฝนตามคำแนะนำเหล่านี้ดูนะครับ

1. ตั้งสติและหายใจเข้าลึกๆ

ก่อนจะพูด ให้เวลาตัวเองหายใจเข้าลึกๆ และนับ 1 ถึง 3 ในใจ เพื่อให้มีเวลาคิดและยั้งตัวเอง

2. ฝึกฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening)

ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูดจริงๆ พยักหน้า หรือส่งเสียงตอบรับเล็กน้อยเพื่อแสดงว่าคุณกำลังฟังอยู่

3. รอสัญญาณให้จบประโยค

สังเกตการหยุดพักหายใจ การลดระดับเสียง หรือภาษากายของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าเขาจะจบประโยค

4. ใช้เทคนิค "สะท้อนกลับ"

ถ้ามีอะไรอยากพูดจริงๆ ให้รอจังหวะ แล้วอาจเริ่มด้วยการพูดสรุปสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก่อน เช่น "ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณกำลังจะบอกว่า..." แล้วค่อยพูดในส่วนของคุณ

5. ขออนุญาตพูด

หากจำเป็นต้องพูดแทรกจริงๆ เช่น มีข้อมูลสำคัญเร่งด่วน ลองพูดว่า "ขอโทษนะครับ ขออนุญาตแทรกนิดหนึ่งได้ไหมครับ?"

6. ฝึกตั้งคำถามปลายเปิด

แทนที่จะรีบเสนอความคิดเห็น ลองถามคำถามที่กระตุ้นให้อีกฝ่ายได้พูดอธิบายมากขึ้น เช่น "คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างครับ?" หรือ "คุณมีมุมมองอื่นอีกไหมครับ?"

การเป็นผู้ฟังที่ดีคือทักษะสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การตระหนักรู้และพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขัดจังหวะ จะช่วยให้คุณเป็นคนที่น่าคุยด้วยมากขึ้น และสร้างบทสนทนาที่มีคุณภาพยิ่งขึ้นครับ!

โฆษณา

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

🤫 คุณเป็น Interrupter หรือเปล่า? สำรวจตัวเองให้รู้ทัน ก่อนทำลายบทสนทนา!

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน