10 มิ.ย. เวลา 02:24 • หนังสือ

The Everyday Stoic: Simple Rules for a Good Life

Stoic ในชีวิตประจำวัน: กฎง่ายๆ เพื่อชีวิตที่ดี
หลักสโตอิกนำเสนอเส้นทางสู่ ชีวิตที่ดี หรือที่เรียกว่า Eudaimonia ซึ่งแปลว่า ความเบ่งบานของมนุษย์ (human flourishing) นี่คือเป้าหมายสูงสุดของปรัชญาสโตอิก ชีวิตที่ดีตามหลักสโตอิกไม่ได้หมายถึงการพยายามเติมเต็มความปรารถนาให้มากที่สุด แต่ได้มาจากการใช้ชีวิตตามแนวทางที่ชัดเจนและเรียบง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป
แนวทางสู่ Eudaimonia ได้รับการอธิบายว่าเป็น "สามเหลี่ยมแห่ง Eudaimonia" (Eudaimonic Triangle)
ซึ่งประกอบด้วยการกระทำสามข้อหลัก:
การรับผิดชอบ (Take Responsibility): การยอมรับและรับผิดชอบต่อขั้นตอนที่เราเลือกดำเนินการหลังจากเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่หลวง
การมุ่งเน้นสิ่งที่ควบคุมได้ (Focus on What You Can Control): สโตอิกเชื่อว่าโลกภายนอกส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราอย่างแทบทั้งหมด เช่น เวลาเกิด เวลาตาย โรคภัยไข้เจ็บ โชค เหตุการณ์ใหญ่ระดับโลก หรือการกระทำของผู้อื่น
สิ่งที่เราควบคุมได้อย่างแท้จริงคือ ความคิดเห็น การกระทำ การเลือก และแรงจูงใจของเราเอง รวมถึงอุปนิสัยของเรา
แม้จะรู้สึกว่ามีสิ่งที่เราควบคุมได้น้อย แต่การรู้ขอบเขตที่จำกัดนี้ก็เป็นสิ่งที่ปลดปล่อยได้ การมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ควบคุมได้ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาและพลังงานไปกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับแนวคิด Amor Fati (รักในชะตากรรม) ซึ่งคือการยอมรับสิ่งที่ชีวิตมอบให้ และเลือกวิธีตอบสนองต่อมัน
•การใช้ชีวิตด้วยความเป็นเลิศหรืออเรเต้ (Live with Arete or Excellence): อเรเต้ มักถูกแปลว่า ความเป็นเลิศหรือความดีงาม
ในบริบทของสโตอิก หมายถึง ความเป็นเลิศที่ได้จากการปฏิบัติตาม คุณธรรมหลักสี่ประการ: ปัญญา ความยุติธรรม ความกล้าหาญ และความพอประมาณ การดำเนินชีวิตตามคุณธรรมเหล่านี้จะนำพาเราไปสู่เส้นทางแห่ง Eudaimonia โดยธรรมชาติ และช่วยให้ค้นพบ ความสงบภายในและความสุข นิทานเปรียบเทียบของเฮราคลีส (Heracles) แสดงให้เห็นว่าการเลือกเส้นทางแห่งคุณธรรม (Arete) ซึ่งยากลำบากนั้น ดีกว่าเส้นทางแห่งความชั่ว (Vice) ที่ดูง่ายและน่าพึงพอใจ การตัดสินใจเลือกทางที่ดี (Arete) เหนือแรงกระตุ้นเชิงลบคือสิ่งที่สำคัญ
ความสุขตามหลักสโตอิก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก เช่น ทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง ตำแหน่งงาน หรือแม้แต่บุคคลอื่น เพราะสิ่งภายนอกเหล่านั้นสามารถถูกพรากไปได้ และหากความสุขของเราผูกติดอยู่กับสิ่งเหล่านั้น เมื่อมันจากไป เราก็จะสูญเสียความสุขไปด้วย
แทนที่จะพึ่งพาสิ่งภายนอก ควรมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เป็นของเราเอง ซึ่งไม่สามารถถูกขโมยได้ เช่น ปัญญา เหตุผล ความซื่อสัตย์ และความรักในความจริง ความสุขจึงเป็นเรื่องภายใน (an inside job) คนที่พอใจกับสิ่งที่มีน้อย เช่น ไดโอจีเนส นักปรัชญาซีนิก (Diogenes the Cynic) ก็อาจมีความสุขและมั่งคั่งกว่าคนที่มีทุกอย่าง แต่ยังคงปรารถนาสิ่งอื่นอีก ทรัพย์สินและความมั่งคั่งอาจเป็นอุปสรรคต่อเส้นทางสู่ Eudaimonia ได้ เนื่องจากนำมาซึ่งสิ่งล่อใจให้หลงระเริงในความฟุ่มเฟือยและความโลภ
หลักการของสโตอิกสอนว่า ไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมแบบใด ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอย่างมาร์คัส ออเรลิอุส (Marcus Aurelius) หรือทาสอย่างเอปิคเตตัส (Epictetus) ทุกคนมีสิทธิ์และโอกาสเท่าเทียมกันในการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของสโตอิก เพราะมันขึ้นอยู่กับ อุปนิสัย ของตนเองเท่านั้น
อุปนิสัยคือสิ่งที่เราควบคุมได้ และเราต้องทำงานเพื่อปรับปรุงมันทุกวัน การมุ่งเน้นไปที่การกระทำและอุปนิสัยของเรา ทำให้เรารู้สึกว่า เรา "ชนะเสมอ" (always winning) ไม่ว่าผลลัพธ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร
แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด เช่น การเป็นนักโทษ
มนุษย์ก็ยังมีเสรีภาพขั้นสุดท้าย คือ เสรีภาพในการเลือกทัศนคติและการกระทำของตนเอง เราสามารถใช้ความท้าทายและความยากลำบากในชีวิตเป็น เครื่องมือหรือวัตถุดิบในการสร้างและพัฒนาอุปนิสัย ของเราให้แข็งแกร่งขึ้น แทนที่จะปล่อยให้มันทำให้เราล้มลง การเลือกทำสิ่งที่ดีแม้จะเป็นเรื่องยากในตอนแรก จะช่วยเสริมสร้างอุปนิสัยของเรา และเมื่อทำซ้ำๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยที่ดี ซึ่งทำให้เส้นทางแห่งคุณธรรมง่ายขึ้นในระยะยาว
หลักการสโตอิกให้แนวทางปฏิบัติที่ช่วยนำทางชีวิตไปสู่ ชีวิตที่ดี หรือ Eudaimonia
และช่วยเหลือในด้านต่างๆ ดังนี้ครับ:
1.ช่วยให้มีความสุข สงบ และเป็นคนที่ดีขึ้น หลักการเหล่านี้ช่วยให้ผู้ฝึกฝนมีความสุขขึ้น สงบขึ้น เป็นคนที่ดีขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และมีความเข้าใจมากขึ้น
มันช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้ที่นำไปปฏิบัติได้
2. มอบเส้นทางสู่ความเบ่งบานของมนุษย์ (Human Flourishing) สโตอิกเชื่อว่ามีเส้นทางที่ชัดเจนและเรียบง่ายสู่ความสุข ซึ่งเรียกว่า Eudaimonia หรือความเบ่งบานของมนุษย์
ซึ่งไม่ได้มาจากการเติมเต็มความปรารถนาให้มากที่สุด แต่มาจากการใช้ชีวิตตามหลักการ
3. ให้โครงสร้างในการใช้ชีวิตที่ดี หลักการสโตอิกให้ "สามเหลี่ยมแห่ง Eudaimonia" เป็นโครงสร้างที่เรียบง่ายในการใช้ชีวิตที่ดีและสามารถเริ่มต้นได้ทันที
สามเหลี่ยมนี้ประกอบด้วยการกระทำ 3 ข้อหลักคือ รับผิดชอบ มุ่งเน้นสิ่งที่ควบคุมได้ และ ใช้ชีวิตด้วยความเป็นเลิศ (Arete) การยึดมั่นในหลักสามข้อนี้ช่วยให้พบ ความกลมกลืนภายใน และ ความสุขที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน
4. ช่วยให้มุ่งเน้นสิ่งที่สำคัญและควบคุมได้ สโตอิกสอนให้มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้อย่างแท้จริง เช่น ความคิดเห็น การกระทำ การเลือก แรงจูงใจ และอุปนิสัยของเราเอง
การรู้ว่าโลกภายนอกส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรานั้นเป็นสิ่งที่ ปลดปล่อย ได้ การมุ่งเน้นสิ่งที่ควบคุมได้ช่วยให้ ไม่เสียเวลาและพลังงาน ไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และช่วยให้มุ่งเน้นไปที่ สิ่งสำคัญ เช่น อุปนิสัยของตนเอง ได้
5. ช่วยให้ยอมรับและตอบสนองต่อชะตากรรมอย่างเหมาะสม (Amor Fati) หลักการ "รักในชะตากรรม" (Amor Fati) สอนให้ยอมรับสิ่งที่ชีวิตมอบให้
และเลือกวิธี ตอบสนอง ต่อมัน เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เหตุการณ์ภายนอกส่งผลต่อเราอย่างไร และเราจะทำหรือไม่ทำอะไรต่อไป
6. ส่งเสริมการพัฒนาอุปนิสัยที่ดี การใช้ชีวิตด้วยคุณธรรมหลักสี่ประการ (ปัญญา ความยุติธรรม ความกล้าหาญ และความพอประมาณ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเลิศ (Arete)
ช่วยให้ พัฒนาอุปนิสัย และนำไปสู่เส้นทางแห่ง Eudaimonia การทำสิ่งที่ดี แม้จะเป็นเรื่องยากในตอนแรก ก็ช่วย เสริมสร้างอุปนิสัย และเมื่อทำซ้ำๆ จะกลายเป็นนิสัยที่ดี ทำให้การดำเนินชีวิตตามคุณธรรมง่ายขึ้น
7. ช่วยให้ค้นพบความสงบภายในและความสุขที่แท้จริง การใช้ชีวิตตามคุณธรรมนำมาซึ่ง ความสงบภายในและความสุข
ความสุขตามหลักสโตอิกไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอกที่ควบคุมไม่ได้และอาจถูกพรากไปได้ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นของเราเอง เช่น ปัญญา เหตุผล ความซื่อสัตย์ และความรักในความจริง ซึ่งไม่สามารถถูกขโมยไปได้ ความสุขจึงเป็นเรื่องภายใน (an inside job)
8. ให้รากฐานและทิศทางในชีวิต สโตอิกให้ รากฐาน และ ทิศทาง ที่ชัดเจน
เป็นเหมือน แสงสว่าง ที่เราสามารถมองหาได้เสมอ ไม่ว่าชีวิตจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม การยึดมั่นในเส้นทางนี้ (ทำตามคุณธรรม มุ่งเน้นอุปนิสัย) ช่วยให้แน่ใจว่าเรากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง
9. สอนให้ใช้ความท้าทายเป็นเครื่องมือ สโตอิกมองว่าความท้าทายและความยากลำบากในชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราล้มลง แต่เป็นเหมือน เครื่องมือ วัตถุดิบ หรือเชื้อเพลิง ที่เราสามารถนำมาใช้ สร้างและพัฒนาอุปนิสัย ของเราให้แข็งแกร่งขึ้น
ความยากลำบากสอนให้เราเรียนรู้และได้รับ ปัญญาและความทรหด
10. ช่วยให้ "ชนะเสมอ" เมื่อเรามุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้ นั่นคือ การกระทำและอุปนิสัยของเรา
ไม่ว่าผลลัพธ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร เราก็รู้สึกว่า เรา "ชนะเสมอ" เพราะเราได้พยายามทำในส่วนที่เราควบคุมได้ดีที่สุดแล้ว
11. ช่วยให้ไม่หลงไปกับสิ่งล่อใจภายนอก สโตอิกชี้ให้เห็นว่าความมั่งคั่ง ชื่อเสียง หรือสิ่งภายนอกอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุปนิสัยที่ดีได้ เนื่องจากนำมาซึ่งสิ่งล่อใจให้หลงระเริงในความฟุ่มเฟือยและความโลภ
หลักสโตอิกช่วยให้ ไม่ยึดติด กับสิ่งเหล่านั้น และทำให้โลกภายในของเรา สงบและมีสมาธิ
12. เน้นย้ำเสรีภาพขั้นสุดท้ายของมนุษย์ แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด มนุษย์ก็ยังมี เสรีภาพขั้นสุดท้าย นั่นคือ เสรีภาพในการเลือกทัศนคติและการกระทำของตนเอง
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวเราเสมอและไม่สามารถถูกพรากไปได้
13. มอบแบบพิมพ์เขียวสู่ชีวิตที่ดี หลักสโตอิกให้ "พิมพ์เขียว" หรือ แบบแผน ที่ดีสำหรับชีวิต
และมี แบบฝึกหัดที่สามารถปฏิบัติได้ เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้น
โดยสรุป หลักการสโตอิกช่วยเหลือเราโดยให้แนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและมุ่งเน้นสิ่งที่ควบคุมได้ภายในตัวเรา เพื่อนำไปสู่ความสุข ความสงบ และการพัฒนาอุปนิสัยที่ดี ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของปรัชญานี้
โดยสรุป หลักสโตอิกให้ รากฐานและทิศทาง ที่ชัดเจนสู่ Eudaimonia
ช่วยให้ผู้ฝึกฝนสามารถพัฒนาตนเองให้มีความสุข สงบ มั่นใจ มีความเมตตา และเป็นคนที่ดีขึ้น มันคือกระบวนการ "ปั้นแต่ง" ตัวตนของเรา (shaping the block) ให้เป็นสิ่งที่เราอยากจะเป็นและภูมิใจ ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวสำหรับชีวิตที่ดีที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องในปัจจุบัน
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์
อ่านเพิ่มเติมที่ https://medium.com/p/18adcf8e4250
โฆษณา