17 มิ.ย. เวลา 12:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

💥 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่บนบกอาจไม่เคยเกิดขึ้น? เมื่อหลักฐานใหม่ท้าทายทฤษฎี The Great Dying

ถ้าผมบอกว่า ‘The Great Dying’ หรือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์โลก อาจไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด... คุณจะเชื่อไหมครับ?
1
เหตุการณ์นี้คือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ปลายยุคเพอร์เมียน (end-Permian mass extinction) ที่เราเคยเชื่อกันว่าได้กวาดล้างสิ่งมีชีวิตเกือบ 90% ไปจากโลกเมื่อ 252 ล้านปีก่อน แต่เมื่อต้นปีนี้เอง เราได้รู้จักกับระบบนิเวศโบราณที่ ‘เซาท์เทาตงโกว’ ในจีน ที่ซึ่งพืชและสัตว์ฟื้นตัวกลับมาอย่างน่าทึ่งในเวลาแค่ 75,000 ปี — แค่ชั่วพริบตาในทางธรณีวิทยา
มองเผินๆ นี่อาจเป็นแค่ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ Hendrik Nowak นักบรรพชีวินวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม กลับไม่คิดแบบนั้น เขาชี้ไปที่ฟอสซิลเรณูจากแหล่งอื่นที่บอกใบ้เหมือนกันว่า ผลกระทบจาก The Great Dying ต่อโลกบนดินนั้น "เล็กน้อยหรือแค่ชั่วคราว" เท่านั้น
Nowak ถึงกับฟันธงเลยว่า ผลกระทบมันน้อยมาก (อย่างน้อยก็กับพืช) จนแทบจะเรียกว่า ‘ไม่มีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่’ บนบกเลยด้วยซ้ำ!
ข้อสรุปนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันดุเดือดครับ แต่ภาพจากหลักฐานของสิ่งมีชีวิตอีกสองกลุ่มใหญ่ ทั้งแมลงและสัตว์สี่ขา ก็เริ่มสะท้อนภาพคล้ายๆ กัน และนั่นทำให้ Spencer Lucas จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฯ นิวเม็กซิโก ตั้งคำถามที่แรงยิ่งกว่า เขาสงสัยว่าบางที...สิ่งมีชีวิตบนบกอาจ ไม่เคย เจอกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลยก็ได้
"ผมคิดว่าถ้าคุณอยู่บนบก คุณมีโอกาสรอดจากการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ได้ดีกว่าอยู่ในทะเลเสียอีก" เขากล่าว
การคิดใหม่ทำใหม่ที่อาจปฏิวัติวงการนี้ กำลังจะบังคับให้เราต้องเขียนประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกใหม่ทั้งหมด มันอาจล้มล้างความเชื่อเรื่อง "Big Five" หรือ 5 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ และที่สำคัญ มันจะเปลี่ยนวิธีที่เรามองวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพที่มนุษย์กำลังก่อขึ้นในปัจจุบันไปตลอดกาล
🌊 ไกลเกินกว่ามหาสมุทร
เหยื่อที่ดังที่สุดของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่คือไดโนเสาร์ ที่หายไปเมื่อ 66 ล้านปีก่อน แต่ความรู้ส่วนใหญ่ที่เรามีเกี่ยวกับหายนะเหล่านั้น มาจากหลักฐานของสิ่งมีชีวิตใน "ทะเล" ครับ
1
แนวคิด "Big Five" เกิดขึ้นในปี 1982 เมื่อนักบรรพชีวินวิทยาอย่าง David Raup และ Jack Sepkoski วิเคราะห์ฟอสซิลในทะเลย้อนหลังไป 500 ล้านปี และพบว่าประวัติศาสตร์ถูกขัดจังหวะด้วยการล่มสลายครั้งใหญ่ถึง 5 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปลายยุคเพอร์เมียนที่โหดที่สุดนั่นเอง
ชัดเจนว่าหายนะเหล่านี้ทำลายล้างมหาสมุทร แต่บนบกล่ะ? Mike Benton จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ย้อนความหลังว่า ตำราเรียนช่วงปลายยุค 80s ถึงกับเขียนไว้ชัดเจนเลยว่าหลักฐานการสูญพันธุ์บนบกของสัตว์สี่ขา (Tetrapods) ในยุคนั้นแทบไม่มี
Benton บอกว่าเหตุผลหลักคือการขาดข้อมูลครับ ซากสัตว์ทะเลที่ตายมีโอกาสจมลงสู่โคลนแล้วกลายเป็นฟอสซิลได้ง่ายกว่าซากบนบกมาก แต่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นักวิจัยได้ทุ่มเทขุดค้นแหล่งฟอสซิลบนบก จนได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า: มีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์สี่ขาบนบกจริง และมันสอดคล้องกับในทะเล
มันคือผลกระทบแบบโดมิโนที่เชื่อมโยงกันระหว่างบนบกและในทะเล เพราะตัวการสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรง ไม่ว่าจะจากอุกกาบาตหรือภูเขาไฟระเบิด มันจึงยากที่จะจินตนาการว่าหายนะครั้งใหญ่จะเลือกเกิดแค่ในทะเลหรือบนบกเท่านั้น
ความเชื่อมโยงนี้กลายเป็นความเข้าใจหลักของนักวิจัยส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ Lucas คือหนึ่งในคนที่ไม่เชื่อเช่นนั้น เขาตรวจสอบหลักฐานการสูญพันธุ์ของสัตว์สี่ขาบนบกช่วงปลายยุคเพอร์เมียนอีกครั้ง และสรุปว่ามีสัตว์ที่หายไปไม่ถึง 20 สกุล (genera) จากทั้งหมดหลายร้อยหรือพันสกุล
"นี่มันไม่ใช่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์สี่ขาบนบกเลย" เขาสรุปอย่างหนักแน่น
Lucas ยังไปไกลกว่านั้นด้วยการตรวจสอบ "Big Five" ทั้งหมด และพบว่าสัตว์สี่ขาบนบกแทบไม่สะเทือนเลยในทุกเหตุการณ์ แม้แต่ตอนที่ไดโนเสาร์ (ที่ไม่ใช่นก) สูญพันธุ์ เขาก็แย้งว่าสัตว์บกอื่นๆ อย่างจระเข้หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลับรอดชีวิตมาได้เป็นอย่างดี
เขาให้เหตุผลว่าสัตว์บกมีความได้เปรียบ เพราะอากาศมีความหนืดน้อยกว่าน้ำ ทำให้การอพยพหนีตายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ใช้พลังงานน้อยกว่าสัตว์ทะเลมาก
แน่นอนว่าข้อโต้แย้งนี้เจอแรงต้านมหาศาล Benton ยืนยันว่าสัตว์อย่างกอร์โกนอปเซียน (gorgonopsians) ที่มีเขี้ยวเหมือนดาบก็สูญพันธุ์ไปจริง แต่เป็นการสูญพันธุ์ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นนานเป็นล้านปี เขาบอกว่า Lucas "มองข้ามภาพใหญ่" ไปหน่อย
🐜 กรณีศึกษาจากแมลงและพืช
นอกจากสัตว์สี่ขา ยังมีหลักฐานจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มอื่นที่มาสนับสนุนแนวคิดนี้ครับ ลองดูที่ แมลง ซึ่งปัจจุบันมีนับล้านสปีชีส์ ในปี 2021 Sandra Schachat และ Conrad Labandeira สรุปว่า สัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เคยเจอกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลย
แม้ว่าแมลงบางกลุ่มจะหายไปและบางกลุ่มจะรุ่งเรืองขึ้นมาในช่วงปลายยุคเพอร์เมียน แต่ Schachat ชี้ว่าบันทึกฟอสซิลของแมลงนั้นกระจัดกระจายมาก มีช่องว่างยาวถึง 20 ล้านปี ซึ่งนานพอที่ชุมชนแมลงจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการปกติอยู่แล้ว
ที่สำคัญคือ แมลงมีความพร้อมในการเอาตัวรอดสูงมาก พวกมันมีจำนวนมหาศาล อายุขัยสั้น ทำให้ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว และเมื่อเจอวิกฤตหนักๆ พวกมันยังสามารถเข้าสู่สภาวะ "จำศีล" (Diapause) เพื่อรอจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นได้
ด้าน พืช ก็มีเรื่องราวคล้ายกันครับ Borja Cascales-Miñana และ Christopher Cleal สรุปไว้ตั้งแต่ปี 2013 ว่าการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในหมู่พืชนั้นหายากอย่างน่าประหลาด มีเพียงครั้งเดียวที่สอดคล้องกับ "Big Five" คือช่วงปลายยุคเพอร์เมียน แต่ถึงอย่างนั้น Nowak ก็ยังตั้งคำถามอยู่ดี
Nowak ยอมรับว่าป่าไม้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เขาถามกลับว่า "แล้วคุณจะเรียกนั่นว่าการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ได้เหรอ?" เขาพบว่าพืชบางชนิดอย่างสน (Conifers) แทบไม่ได้รับผลกระทบเลย
Cleal ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ว่า "ลองจินตนาการว่าเรายิงช้างทุกตัวบนโลก อีก 10 ปีต่อมา ก็จะไม่มีช้างเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าเราตัดต้นโอ๊กทิ้งทั้งหมด อีก 10 ปี เราอาจได้เห็นป่าโอ๊กใหม่ๆ เริ่มงอกขึ้นมา เพราะเมล็ดของมันยังอยู่"
🏡 แล้วเรื่องนี้มันสำคัญกับคนไทยในวันนี้ยังไง?
การถกเถียงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการไกลตัวนะครับ แต่มันสะท้อนกลับมาที่วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่หนักหน่วง, ปะการังฟอกขาวในทะเลไทย, หรือพื้นที่ป่าที่ลดลงอย่างน่าใจหาย
บทเรียนจากอดีตสอนเราว่า "ชีวิตบนบก" ทั้งพืชและสัตว์ มีกลไกการเอาตัวรอดที่น่าทึ่ง แต่กลไกเหล่านั้นอาจไม่สามารถรับมือกับ "ความเร็ว" และ "ความรุนแรง" ของการเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์สร้างขึ้นได้อีกต่อไป
การตั้งคำถามต่อประวัติศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าเราจะเพิกเฉยต่อปัจจุบัน แต่ยิ่งทำให้เราต้องหันกลับมามองอย่างจริงจังว่า สิ่งที่เรากำลังทำกับโลกใบนี้ มันรุนแรงเกินกว่าที่ธรรมชาติจะเยียวยาตัวเองได้ทันแล้วหรือยัง
🌍 การสูญพันธุ์ครั้งที่หก?
เมื่อมีข้อสงสัยว่าบนบกอาจไม่เคยมีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลย การเรียกวิกฤตปัจจุบันว่า "การสูญพันธุ์ครั้งที่ 6" จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าคิดตามไปด้วย
นักวิจัยหลายคนมองว่านี่อาจเป็น "ครั้งแรก" สำหรับสิ่งมีชีวิตบนบกด้วยซ้ำ แต่ John Wiens จากมหาวิทยาลัยแอริโซนา คิดว่านักอนุรักษ์ควร "เลิกใช้" วาทกรรมนี้ไปเลย เพราะมันอาจสร้างความเสียหายมากกว่าผลดี
ทำไมล่ะ? เพราะคำจำกัดความของ "การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่" คือการสูญเสียสิ่งมีชีวิตอย่างน้อย 75% แต่ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา เราสูญเสียสปีชีส์ที่รู้จักไปไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำ
Wiens ชี้ว่า "เราอาจสูญเสียสปีชีส์ไปครึ่งโลกในอีก 3,000 ปีข้างหน้า แล้วก็ยังพูดได้ว่า ‘เยี่ยม! เราป้องกันการสูญพันธุ์ครั้งที่ 6 ได้สำเร็จ’" การตั้งเป้าที่ง่ายเกินไปแบบนี้ เสี่ยงที่จะสร้างความชะล่าใจมากกว่าจะช่วยแก้ปัญหา
เขาเสนอว่า ถ้าเราอยากจะอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพจริงๆ เราควรตั้งเป้าป้องกันไม่ให้การสูญพันธุ์ที่เกิดจากมนุษย์เพิ่มขึ้นแค่ 0.2% ไม่ใช่รอให้ถึง 75%
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการถกเถียงนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกยาวนาน แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า เราต้องจัดการกับวิกฤตตรงหน้าอย่างเร่งด่วนที่สุด
🔖 บทความนี้มีอะไรให้อ่านเยอะเลยครับ จะเซฟเก็บไว้อ่านคนเดียวเงียบๆ หรือจะแชร์ไปชวนเพื่อนคุย ก็น่าสนใจทั้งสองแบบเลย
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ท้าทาย Big Five: หลักฐานใหม่ชี้ว่าแนวคิดการสูญพันธุ์ 5 ครั้งใหญ่ (ที่มาจากข้อมูลในทะเล) อาจไม่จริงสำหรับสิ่งมีชีวิตบนบก (พืช, แมลง, สัตว์สี่ขา) ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงกว่าที่คิด
✅ ความแกร่งของชีวิตบนดิน: กลยุทธ์การอยู่รอดเฉพาะตัว เช่น การพักตัวของแมลง, การคงสภาพเป็นเมล็ด/สปอร์ของพืช และการอพยพได้ง่ายของสัตว์บก ทำให้พวกมันทนทานต่อภัยพิบัติได้ดี
✅ การตีความหลักฐานใหม่: บันทึกฟอสซิลบนบกที่ซับซ้อนและมีช่องว่าง ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มตีความว่า ไม่เคยมีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่บนบกเกิดขึ้นจริง เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้น
✅ คำถามต่อ "การสูญพันธุ์ครั้งที่ 6": การเรียกวิกฤตปัจจุบันแบบนี้ อาจเป็นเป้าหมายการอนุรักษ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเกณฑ์ 75% นั้นสูงเกินไปจนทำให้ปัญหาดูไม่เร่งด่วนเท่าที่ควร
💖 มาช่วยกันขับเคลื่อน "Witly" กันครับ!
หากเรื่องราวของวันนี้มีประโยชน์ และทำให้คุณอยากรู้เรื่องอื่นๆ อีก ผมก็ดีใจมากเลยครับ ทุกการสนับสนุนผ่าน "ค่ากาแฟ" เล็กๆ น้อยๆ ของคุณ คือพลังสำคัญที่ทำให้ผมมีกำลังใจค้นคว้าแล้วก็เอาเรื่องราววิทยาศาสตร์น่ารู้แบบนี้มาเล่าให้ฟังกันอีกเรื่อยๆ และยังเป็นการช่วยสร้างพื้นที่ความรู้ดีๆ ให้กับสังคมของเราด้วยครับ
💬 แล้วคุณล่ะ...
หลังจากได้อ่านข้อมูลจากทั้งสองฝั่ง คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ? แนวคิดที่ว่าชีวิตบนบกอาจไม่เคยสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลย เปลี่ยนวิธีที่คุณมองวิกฤตสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไปบ้างหรือไม่?
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ในคอมเมนต์เลยครับ
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Lucas, S. G. (2021). Nonmarine Mass Extinctions. Paleontological Research, 25(4), 329-344.
2. Schachat, S. R., & Labandeira, C. C. (2021). Are Insects Heading Toward Their First Mass Extinction? Distinguishing Turnover From Crises in Their Fossil Record. Annals of the Entomological Society of America, 114, (2) 99–118.
3. Wiens, J. J., & Saban, K. (2025). Questioning the sixth mass extinction. Trends in Ecology & Evolution.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา