12 มิ.ย. เวลา 10:55 • สุขภาพ

เวลา 10 ชั่งโมงในการตัดสินใจผ่าตัดเพื่อยืดระยะเวลาชีวิต แต่แลกมากับการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวบนโลก

“การผ่าแบบตื่น ทำไม่ได้แล้ว มี 2 ทางคือ ยุติการผ่าตัด หรือผ่าแบบดมยาสลบแล้วเอาเนื้องอกออกทั้งหมด แต่ตื่นขึ้นมาคนไข้อาจจะสื่อสารไม่ได้เลย เหมือนอยู่ตัวคนเดียว คุณจะเลือกแบบไหน ?“
เป็นคำถามจากอาจารย์หมอที่ทำให้เราช็อคมาก แต่แฟนเราที่เตรียมตัว ตั้งใจมาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะรีบตอบคุณหมอทันทีว่ายังไงก็จะผ่า เพราะเตรียมตัว (และเตรียมใจ) มาแล้วไม่ว่าจะเจออะไรก็พร้อมทั้งนั้น แต่คุณหมอเบรคเอาไว้ก่อน ขอให้คิดและตัดสินใจให้ดี และเรียกเราออกไปคุยส่วนตัวข้างนอกห้อง
ตั้งแต่ที่แฟนรักษากับคุณหมอท่านนี้มาจะ 4 ปี วันนี้เป็นวันแรกที่คุณหมอมองหน้าเราและพูดกับเรานานที่สุด ถึงแม้ว่าคุณหมอจะให้ตัวเลือกมาตัดสินใจ แต่คุณหมอฝากคำถามว่า หากเป็น worst case ที่ผ่าตัดเสร็จแล้วตื่นมาแบบไม่สามารถสื่อสารได้เลย คุณภาพชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าจะต้องอยู่ตัวคนเดียวบนโลก เราจะยื้อเขาไว้ทำไม ?
เราถามคุณหมอไปตรงๆ ว่าเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมั้ย แล้วเขาตัดสินใจยังไงกัน ? คุณหมอท่านก็แจ้งว่าส่วนใหญ่ยุติกันเพราะความเสี่ยงมันมากเกินที่จะรับไหว และให้มองหาแนวทางการรักษาอื่นๆ แทน เช่น คีโม ฉายแสง เป็นต้น
คืนนั้นเมื่อคุณหมอกลับออกไป แฟนยังยืนยันกับเราคำเดิมว่าจะผ่า ขอโอกาสนอนดูอาการ 1 คืน ระหว่างนี้คุณหมอก็ฉีดยาลดสมองบวมโดสที่สูงที่สุดเท่าที่จะให้ได้ เผื่อว่าการพูดจะดีขึ้นพอจะให้ผ่าแบบตื่นได้ บอกตามตรงว่าใจเราตอนนี้คือไปทางยุติการผ่ามากกว่า ซึ่งทางบ้านแฟนก็เห็นด้วย เพราะถ้าตัดสินใจผ่าไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นเราไม่สามารถเอากลับมาได้เลยจริงๆ
แต่ติดตรงที่แฟนเรายังรู้สึกว่าเค้าอยากผ่ามากๆ เพราะเชื่อว่าถ้าได้ผ่ามันจะดีขึ้น แต่สุดท้ายฟ้าก็ไม่เป็นใจ (หรือนี่อาจจะเป็นการเปิดทางให้ไปเจอทางออกที่ดีกว่าก็ได้) เช้าวันถัดมา อาจารย์หมอไม่ได้เข้ามาแล้ว มีเพียงคุณหมอลูกทีมเท่านั้นที่เข้ามาเยี่ยม และคอนเฟิร์มว่า เราจะยุติการผ่าตัดจริงๆ ทำให้บรรยากาศเช้าวันนี้อึมครึมมาก ไม่ใช่ด้วยอากาศ แต่ด้วยความรู้สึกของแฟนที่รู้สึกเหมือนอกหัก ผิดหวัง...ครั้งที่ 1
เรากับแฟนฮึบและตั้งต้นใหม่ว่า ไม่เป็นไร ยังมีวิธีอื่นอีก ซึ่งอาจจะดีและปลอดภัยกว่านี้ก็ได้ เราพยายามให้กำลังใจกัน ให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง
ช่วงบ่ายวันนั้นอาจารย์หมอแผนกฉายรังสีเข้ามาคุยว่าเราจะฉายรังสีได้มั้ย คุณหมอพูดแกมขำว่าไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันอีกนะเนี่ย 😂 คงเพราะไม่อยากให้บรรยากาศเครียดเกินไป และเริ่มเข้าเรื่อง เรื่องก็คือแฟนเราเคยได้รับการฉายรังสีที่สมองบริเวณนี้ไปแล้วเมื่อปี 2020 และเป็นการฉายเต็มคอร์ส คือปริมาณรังสีแบบสูงสุดและเต็มจำนวน 30 ครั้ง
หมายความว่า...การจะฉายรังสีซ้ำในครั้งนี้จะทำได้ไม่เท่าเดิมทั้งความเข้มของรังสีและจำนวนครั้งจะต้องลดลงเหลือไม่ถึงครึ่ง (เพื่อไม่ให้ทำลายเนื้อสมองจนสมองบวม สมองตาย) นั่นคืออาจจะคุมมะเร็งไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ และผลจากการฉายรังสีก็ไม่ต่างจากการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก คือการสื่อสารก็จะแย่ลงเช่นกัน ต่างแค่เวลาว่าจะเกิดขึ้นช้ากว่าเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือมีเวลาให้เตรียมใจ..
สรุปเลยก็คือ การฉายรังสี ยังทำไม่ได้ (ไม่ควรทำ) ในตอนนี้ด้วยเงื่อนไขและข้อจำกัดที่พูดไปทั้งหมด...แปลว่าตอนนี้พวกเราผิดหวังเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ได้แต่ปลอบใจกันว่า ไม่เป็นไร... ยังเหลือคีโมอีก อาจารย์หมอคีโมที่นี่เก่งมาก ต้องรักษาได้แน่ๆ พวกเราตั้งเป้าและฝากความหวังว่าคีโมจะเป็นความหวังสุดท้ายที่ช่วยแฟนได้ ยังมีความเชื่ออยู่ว่ามันต้องมีทางออกสิ(วะ) มันจะทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ หรอ
เย็นวันนั้นอาจารย์หมอแผนกอายุรกรรมที่เป็นคนให้ยาคีโมโทรมาแจ้งว่าจะลองให้คีโมดู ซึ่งเป็นคีโมแบบกินตัวเดิมที่แฟนเคยกิน ย้ำว่าเป็นการลองว่าร่างกายจะตอบสนองต่อยาดีหรือไม่ จะควบคุมโรคได้รึเปล่า...ถึงจะเป็นการลองแต่อย่างน้อยอาจารย์หมอก็ไม่ปฏิเสธว่าทำไม่ได้... ถึงจะเป็นการลองแต่เราก็หวังว่ามันจะเวิร์ค... และอย่างน้อยวันนี้พวกเราก็ไม่ต้องผิดหวังเป็นครั้งที่ 3
คุณหมอให้นอนที่โรงพยาบาลต่ออีก 1-2 วัน แถมบอกให้ไปเที่ยวปีใหม่ให้สบายใจ และหลังปีใหม่ค่อยกลับมารับยาคีโม นั่นคือนับจากวันนั้นไปอีกประมาณ 10 วันนั่นเอง
ระหว่างนี้เราและครอบครัวแฟนเร่งหาข้อมูลวิธีการรักษาแบบอื่นๆ และมีพี่ใจดีแนะนำเป็นโครงการวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งสมองด้วยการผ่าตัดและฉีดคีโมแบบเข้มข้นเข้าไปที่สมองโดยตรง น้องชายของแฟนก็ช่วยหาช่องทางติดต่อส่งให้เราประสานงาน ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าปกติคิวยาวถึงกลางปี 2025 แต่โชคดีที่มีคนยกเลิกคิวไปเลยได้คิวเร็วที่สุดวันที่ 8 มกรา ให้เข้าไปปรึกษาอาจารย์ ถ้าหากเข้าเงื่อนไขก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้
พวกเรากลับมามีกำลังใจอีกครั้งว่าอย่างน้อยๆ ตอนนี้เราก็มี 2 วิธีที่น่าจะพอช่วยได้ แฟนก็กลับมาใจชื้นและสดใสขึ้น พวกเราทุกคนวางแผน ไป countdown ต่างจังหวัดอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ได้เผื่อใจเลยว่านับต่อจากนี้อีก 10 วันพวกเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง...
10 วันที่ดูเหมือนจะไม่นานมาก กลับกลายเป็นว่ามันนานจนเราแทบจะรอไม่ได้อีกแล้ว...
26/12/24 - 12/06/25
OrNdinary.
โฆษณา