เมื่อวาน เวลา 02:02 • ข่าวรอบโลก

ทรัมป์เรียกผู้ประท้วงว่า "ไอ้พวกสัตว์"

นิติการุณย์
มิ่งรุจิราลัย
สหรัฐฯยังมีการแบ่งแยกสีผิวเผ่าพันธุ์ เคยมีการเรียกร้องที่ทำให้สังคมอเมริกันบริสุทธิ์ด้วย 3 ขบวนการ คือ...
1.White Supremacy
2.White Nationalism และ
3.KKK หรือ Ku Klux Klan
ไม่ว่าจะเป็นขบวนการใดก็สุดโต่งในเรื่องที่แผ่นดินอเมริกันต้องเป็นของคนผิวขาวและต่อต้านการเข้าเมืองของคนผิวสีอื่น
มีความเชื่ออีกหลายอย่างซ่อนอยู่ใต้สมองของคนอเมริกันจำนวนไม่น้อย
เช่น Nordicism (เชิดชูเผ่าพันธุ์อารยันเหนือ), Neo-Confederate (ฟื้นเกียรติภูมิสมาพันธรัฐอเมริกาใหม่),
ชาติภูมินิยม, นีโอฟาสซิสต์, นีโอนาซี, ต่อต้านอิสลาม, ต่อต้านความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ
............
ผู้นำที่เป็นศูนย์รวมความสุดโต่งของคนขาวและชาตินิยมผิวขาวคือโดนัลด์ ทรัมป์
ถึงขนาดไปรบกับสถาบันที่รับนักศึกษาจีนและผู้นับถืออิสลามเข้าเรียนหนังสือ
ปฏิบัติการกับรัฐที่มีความเชื่อในเรื่องสิทธิมนุษยชนและยอมให้มีความหลากหลายของเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และศาสนา อย่างรัฐแคลิฟอร์เนีย
1
อังคาร 10 มิถุนายน 2025 ผมอ่านข่าวของเอพี ซึ่งตอนอ่านครั้งแรกไม่เชื่อ ถึงขนาดต้องไปไล่อ่านจากสำนักข่าวอื่น เช่น รอยเตอร์
ที่รายงานเรื่องทรัมป์ไปพูดที่ค่ายทหารฟอร์ต แบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยทรัมป์พูดว่า...
“These are animals, but they proudly carry the flags of other countries.”
“พวกมันเป็นพวกสัตว์ โบกธงของประเทศอื่นอย่างความภาคภูมิใจ”
ทรัมป์พูดว่า “ไอ้พวกประท้วงเหล่านั้นมันต้องการให้กองกำลังต่างชาติรุกรานสหรัฐฯ”
เมื่อมีคนถามถึงการถอนกำลังของทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติที่ทรัมป์ส่งเข้ามาประจำการในนครลอสแอนเจลิส
ทรัมป์บอกว่า...“ไม่มีกรอบเวลาในการถอน”
.............
เสาร์ 7 มิถุนายน 2025 ทรัมป์ลงนามคำสั่งเคลื่อนทหารกองกำลังพิทักษ์ชาติ 2,000 นายเข้าไปที่ลอสแอนเจลิส
2
พอถึงวันจันทร์ที่ 9 เพิ่มทหารเป็น 4,000 นาย ทั้งที่มีคนค้านว่าทหารจะทำให้ลอสแอนเจลิสเหมือนสมรภูมิสงคราม
ยิ่งค้านยิ่งทำให้ทรัมป์เดือดดาล ลงนามสั่งเคลื่อนกำลังนาวิกโยธินเข้าไปอีก 700 นาย เพื่อใช้ปราบปรามผู้ประท้วง รวมทั้งปราบปรามผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ทรัมป์เคยด่าเซเลนสกี ประธานาธิบดีอูเครน ที่ประกาศ Martial Law หรือกฎอัยการศึกที่ให้ทหารควบคุมประเทศแทนรัฐบาลพลเรือน
ระงับสิทธิเสรีภาพของประชาชน ควบคุมสื่อ กำหนดเคอร์ฟิวส์ และห้ามเลือกตั้ง
1
นิ้วชี้ทรัมป์ใช้ชี้ด่าเซเลนสกีนั้น อีก 3 นิ้วกลับเข้ามาชี้ตัวเอง เพราะขณะที่เขียนเปิดฟ้าส่องโลกฉบับนี้ ทรัมป์บอกว่าตนอาจจะประกาศ Insurrection Act หรือรัฐบัญญัติการก่อกบฏที่ใช้มาตั้งแต่ ค.ศ.1807
2
ให้อำนาจประธานาธิบดีส่งกองทัพเข้าไปปราบปรามได้ทั่วประเทศ (สหรัฐฯเคยใช้กฎหมายนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อ ค.ศ.1992)
คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยเลิกเชื่อถือทรัมป์ มองว่าทรัมป์เป็นไอ้กลับกลอก ไม่อยู่กับร่องกับรอย
คนเรานะครับ ไม่เชื่อถือศรัทธากันแล้วก็ไม่มีความเกรงใจ
ทรัมป์โกรธเรื่องนี้มาก เพราะตัวเองพูดอะไรออกไปไม่มีคนเชื่อ แต่ไม่รู้จะไปโทษใคร อีลอน มัสก์ มัสก์ก็ลาออกไปแล้ว โยนความผิดใส่มัสก์ไม่ได้
ทรัมป์มองหาเหยื่อเพื่อที่จะทุ่มความผิดไปใส่ ก็ไปเจอผู้นำของประเทศที่มีพรมแดนประชิดติดกัน คือผู้นำเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์ม
พอคิดได้ว่าจะต้องใช้นางไชน์บาว์มเป็นเหยื่อ (แทนตัวเอง) ทรัมป์ก็แหกปากบอกชาวโลกว่านางไชน์บาว์มอยู่เบื้องหลังการประท้วงและการก่อจลาจล
“นางคริสตี โนเอม (รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ) กระซิบใส่หูข้าพเจ้าว่านางไชน์บาว์มอยู่เบื้องหลัง...
2
...ข้าพเจ้าเชื่อนางโนเอมว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะผู้ประท้วงจำนวนไม่น้อยถือธงชาติเม็กซิโก”
ทรัมป์ต้องการไล่คนเม็กซิกันออกจากสหรัฐฯ แต่หลายฝ่ายออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนียดำเนินไปได้ด้วยแรงงานเม็กซิกัน
การที่ทรัมป์ออกมาดูหมิ่นถิ่นแคลนและเรียกคนประท้วงว่า ‘สัตว์’ ทำให้เกิดความเดือดดาลไปทั่ว
นางไชน์บาว์มออกมาพูดให้กำลังใจคนเม็กซิกันในสหรัฐฯว่า...
“รัฐบาลเม็กซิโกพร้อมปกป้องและดูแลแรงงานชาวเม็กซิกัน ซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนธุรกิจของสหรัฐฯและเลี้ยงดูครอบครัวในเม็กซิโก”.
โฆษณา