กิจกรรมทุกอย่างที่ทำตอนเรียน ไม่ว่ากิจกรรมอะไร จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวโดยตรงกับสาขาที่เรียน กิจกรรมนอกคณะ นอกมหาลัย ฯลฯ ดีทั้งนั้นค่ะลูก
มันคือ Life Simulator ที่ดีมากๆเลยนะ กิจกรรมนึงก็เหมือนเครื่องจำลองเครื่องนึงให้หนูฝึกทักษะต่างๆก่อนไปเจอโจทย์จริงในชีวิต
มีกี่เครื่อง หนูยัดตัวเองเข้าไปให้หมดทุกเครื่องเลยลูก!! กิจกรรมในคณะ-นอกคณะ / แข่งเคส / ไปเรียนแลกเปลี่ยน / แลกเปลี่ยนกลับมา ไปสมัครเป็นโฮสดูแลนร.ต่างชาติที่มาแลกเปลี่ยนที่ไทย / Internship / Work & Travel / วิชาเลือก Gen Ed คอร์สสั้น เรียนข้ามศาสตร์ / บ้านรวย ไม่ทำงานพาร์ทไทม์ก็ไปหาทำพวกงาน Volunteer ฯลฯ
การแบ่งเวลาและการดีลกับคน – สองเรื่องนี้คือประโยชน์ทางตรงที่หนูได้รับทันที ทันตาเห็น นำไปประยุกต์ใช้งานได้จริงในชีวิตจริงไม่ว่าต่อไปชีวิตเราจะเดินไปทางไหนยังไงก็ตาม ซึ่งคนที่เรียนลูกเดียว ไม่ทำกิจกรรม นับว่าพลาดโอกาสเรียนรู้สองเรื่องนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
แข่งเคส – แพ้ชนะไม่สำคัญเท่าหนูได้เรียนรู้อะไร (ศึกษาโจทย์ ศึกษาคู่แข่ง ศึกษากลยุทธ์ ทำงานเป็นทีม ฯลฯ เหล่านี้หนูน่าจะรู้อยู่แล้ว) แม้ตกรอบ หนูก็ยังสามารถถอดบทเรียนออกมา เพื่อให้รู้จุดอ่อนของตัวเอง จุดที่เราต้องพัฒนา เรียนรู้จากคนที่ชนะ รู้แพ้รู้ชนะ รู้กำหนดเป้าหมายให้สอดคล้องกับศักยภาพ ค่อยๆเพิ่มศักยภาพของตัวเอง ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ฯลฯ
ใน Resume หนูทำอะไรมามั่งระหว่างเรียน หนูใส่ไปให้หมดเลยลูก (ไม่ใช่คัดเฉพาะที่ปังๆหรือชนะเลิศ) เพราะนี่คือสิ่งที่บอกว่า หนูทำได้หลากหลาย Open Minded & High Energy
แม้ตำแหน่งงานที่หนูยื่นใบสมัคร อาจยังไม่มีตำแหน่งว่าง แต่โพรไฟล์ของหนูอาจไปเตะตาคนคัดใบสมัคร Resume ที่กิจกรรมแน่น ย่อมเตะตากว่าที่เบาโล่งโหวงเหวงอยู่แล้วค่ะ เพิ่มโอกาสได้รับการเรียกสัมภาษณ์ แม้งานในเบื้องต้นอาจไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา ตอนที่เรียกสัมฯหนูก็เรียบเรียงคำพูดให้ดีๆละกันค่ะลูก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
