Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หัวบาง คางดก
•
ติดตาม
15 มิ.ย. เวลา 03:09 • ประวัติศาสตร์
นครวัด
ถอดรหัส ‘เขมร’...เมื่อมรดก ‘ขอม’ เป็นแค่สิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้าย
พวกเขายึดเหนี่ยวอยู่กับแค่ 'ก้อนหิน' ที่เรียงกันเป็นปราสาท แต่กลับทำลาย 'จิตวิญญาณ' ที่สร้างมันขึ้นมาจนหมดสิ้น
หัวบาง คางดก
ประวัติศาสตร์ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นด้วยข้อเท็จจริงเสมอไป แต่มักจะถูกฉาบทาด้วย "เรื่องเล่า" ที่ผู้ชนะประสงค์จะให้คนรุ่นหลังจดจำ ชาติต่างๆ ทั่วโลกล้วนมีตำนานก่อร่างสร้างตัว แต่มีไม่กี่ชาติที่ตำนานนั้นตั้งอยู่บนการ "ทำลาย" อู่อารยธรรมเดิมของตนเอง แล้วสวมรอยอ้างสิทธิ์อย่างหน้าชื่นตาบาน เฉกเช่นประวัติศาสตร์ฉบับทางการของ "รัฐเขมร" สมัยใหม่ ที่วันนี้เราจะมาขุดลึกลงไปถึงรากที่กลวงโบ๋ของมัน
เรื่องทั้งหมดต้องเริ่มต้นที่ชายชื่อ "แตงหวาน" หรือ "ตรอซ็อกผแอม" บุคคลที่ตำราเรียนของพวกเขาเชิดชูในฐานะปฐมกษัตริย์ แต่สำหรับนักประวัติศาสตร์ที่ไม่อินไปกับนิทานปรัมปราแล้ว เขาคือสัญลักษณ์แห่งการล่มสลาย คือจุดเริ่มต้นของยุคเสื่อม และคือ "ฆาตกร" ผู้ปิดฉากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมอย่างแท้จริง
#นิทานช้างเสี่ยงทาย กลบเกลื่อนความจริงที่โหดร้าย
ลองนึกภาพตามเรื่องเล่าที่พวกเขาพร่ำสอนกันมา: ทาสในสวนหลวงพลั้งมือสังหารกษัตริย์ผู้เป็นเทวราช แล้วช้างมงคลก็เดินดุ่มๆ มาคุกเข่าให้ กลายเป็นอันว่าได้กษัตริย์องค์ใหม่มาปกครองบ้านเมือง... เราต้องสติวิปลาสไปแล้วหรืออย่างไรถึงจะเชื่อเรื่องเล่าที่ดูหมิ่นสติปัญญากันถึงเพียงนี้?
ความจริงที่ซ่อนอยู่ใต้พรมแห่งความศักดิ์สิทธิ์จอมปลอมนี้คือ การรัฐประหารที่เลือดเย็น การกระทำของนายแตงหวานไม่ใช่แค่การปลงพระชนม์กษัตริย์ แต่คือการทุบทำลายระบอบ "เทวราชา" ซึ่งเป็นเสาหลักค้ำจุนอารยธรรมขอมมานับร้อยปี เมื่อเทวราชสิ้นชีพด้วยคมหอกของทาส ความศักดิ์สิทธิ์ที่เคยค้ำจุนจักรวรรดิก็พลันมลายสิ้น กษัตริย์องค์ต่อๆ มาที่สืบสายจากฆาตกรจึงไม่เหลือบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ใดๆ อีกเลย เป็นได้เพียง "ผู้ปกครอง" แต่ไม่ใช่ "เทวราชา" อีกต่อไป
#สมองไหลสู่สยาม จุดเริ่มต้นของการทิ้งร้างนคร
เมื่อสิ้นกษัตริย์ขอมองค์สุดท้าย บรรดาขุนนาง ราชครู สถาปนิก และผู้มีองค์ความรู้ชั้นสูง ซึ่งเป็น "ดีเอ็นเอ" ของอารยธรรมขอม ก็สิ้นที่พึ่ง พวกเขาไม่สามารถยอมรับการปกครองของอดีตทาสผู้ล้มล้างราชวงศ์ได้ จึงพากันอพยพหนีตายระลอกใหญ่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งกรุงศรีอยุธยา นี่ไม่ใช่แค่ภาวะ "สมองไหล" ธรรมดา แต่มันคือการ "ย้ายอารยธรรม" เลยก็ว่าได้
นครธมเหลืออะไร? ก็เหลือแต่เพียงกลุ่มอำนาจใหม่ที่ไร้ซึ่งภูมิปัญญาในการบริหารจัดการมหานครอันซับซ้อน ระบบชลประทาน "บาราย" ที่เปรียบดั่งหัวใจและมันสมองของอาณาจักร กลับกลายเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของพวกเขาจะดูแลรักษา เมื่อน้ำซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตและความมั่งคั่งกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ มหานครที่เคยรุ่งเรืองก็ค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ การตัดสินใจทิ้งเมืองพระนครจึงไม่ใช่การย้ายเมืองตามยุทธศาสตร์ แต่คือการ "หนี" จากมรดกที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ตนจะรับไหว หนีจากความซับซ้อนไปสู่ความเรียบง่ายตามสติปัญญาที่มี
#มรดกที่ถูกลืม และสัญลักษณ์ชาติที่ฝรั่งหยิบยื่น
น่าสมเพชที่เมืองพระนครถูกทิ้งร้างจนป่ากลืนกินนับร้อยปี มันถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของชนรุ่นหลังที่เรียกตัวเองว่า "เขมร" จนกระทั่งฝรั่งตาน้ำข้าวอย่าง อ็องรี มูโอต์ ต้องดั้นด้นเข้าไป "ค้นพบ" ให้ในปี 1860 เหมือนต้องให้คนนอกมาชี้ขุมทรัพย์ในสวนหลังบ้านของตัวเอง
และที่เจ็บแสบที่สุดสำหรับสยามประเทศของเราก็คือ ดินแดนเสียมราฐและนครวัดนั้นอยู่ในความดูแลของเรามาตลอด จนกระทั่งถูกอำนาจปืนเรือของฝรั่งเศสบีบคั้นให้ต้องจำใจยกให้ไปตามสนธิสัญญาปี 1907 เท่ากับว่า มรดกโลกที่พวกเขาเอามาประดับธงชาติทุกวันนี้ คือสิ่งที่เจ้าอาณานิคม "คืนให้" หลังจากที่ไปบีบมาจากสยามอีกทอดหนึ่ง ช่างเป็นที่มาของความภาคภูมิใจที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียนี่กระไร
ทุกวันนี้ รัฐเขมรสมัยใหม่พยายามอย่างยิ่งที่จะบอกโลกว่าตนคือผู้สืบทอดแห่งนครวัด แต่การกระทำกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง พวกเขายึดเหนี่ยวอยู่กับแค่ "ก้อนหิน" ที่เรียงกันเป็นปราสาท แต่กลับทำลาย "จิตวิญญาณ" ที่สร้างมันขึ้นมาจนหมดสิ้น สัญลักษณ์แห่งอำนาจที่แท้จริงและต่อเนื่องอย่างเครื่องราชกกุธภัณฑ์ รวมทั้ง "พระแสงหอกลำแพงชัย" ก็รักษาไว้ไม่ได้ ปล่อยให้สูญหายไปในกลียุคที่พวกเขาสร้างกันขึ้นมาเอง จนต้องทำของปลอมขึ้นมาใช้แทน
เมื่อรากเหง้าแห่งอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงได้สูญสลายไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะเหลือเพียง "ปราสาทหิน" เป็นสิ่งเดียวที่พอจะใช้เกาะเกี่ยวเพื่อยืนยันตัวตนในเวทีโลกได้
ดังนั้น ก่อนที่เราจะเคลิบเคลิ้มไปกับภาพความยิ่งใหญ่ของนครวัด โปรดอย่าลืมถามคำถามสำคัญว่า...ผู้ที่อ้างตนเป็นเจ้าของมรดกในปัจจุบันนั้น มีความสามารถและความเข้าใจที่จะสร้างมันขึ้นมาได้เองหรือไม่? ...คำตอบนั้นสะท้อนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่พวกเขาไม่อยากจดจำนั่นเอง
ขอบคุณภาพ พระแสงหอกลำแพงชัย จาก facebook page สยามพหุรงค์ โดย หนุ่มรัตนะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4314870898549682&id=780950968608377&set=a.780955428607931
ประวัติศาสตร์
กัมพูชา
ข่าวรอบโลก
บันทึก
3
3
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย