Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
E
Enve Engi
•
ติดตาม
18 มิ.ย. เวลา 11:02 • หนังสือ
三寶 สามสมบัติ เขียนโดยเล่าจื้อ 2.5 พันปีก่อน สามารถคลายโกรธ คลายละโมบ คลายหลง #Naruepon Penong
1. การคลายโกรธด้วยความเมตตา (慈 : ความเมตตา) ความโกรธของคนล้วนมาจากสมมติบัญญัติของสังคม ความเข้าใจของสังคมว่าคุณต้องทำตามสมมติบัญญัติของสังคมได้ตามเกณฑ์ และต้องพัฒนาเกณฑ์ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
กำหนดบทบาทหน้าที่ คนไม่ใช่ธรรมชาติและคนไม่ใช่ผู้สร้างสรรพสิ่งและไม่สามารถกระทำได้ทุกเรื่อง
มาตรฐานกำหนดตำแหน่งให้ทำได้
ถ้าทำไม่ได้ก็โกรธ
ดังนั้นความเมตตาระหว่างบุคคลจึงสำคัญ ช่วยลดข้อพิพาท ช่วยลดการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด
#Naruepon Pengon Author
เมตตา ต่อ คนที่ควรเมตตา
(คนเมตตา ไม่ใช่คนพาล) เพื่อแสดงความปรารถนาดี มีจิตใจอันเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น แสดงความเข้าอกเข้าใจผู้ที่กำลังทุกข์ยาก
เจ็บป่วยหรือให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็น
#Naruepon Pengon
จงอย่าแสดงความเมตตา ต่อคนพาลเพราะ คนพาล คือ คนที่มีอำนาจ พึ่งอำนาจผู้อื่น คนอ่อนแอ
ที่ปราศจากความเมตตา เมื่อขาดเมตตา ก็เกิดความโกรธ ความแค้น
การเมตตา ต่อ คนพาล ย่อมนำมาซึ่งความเชื่อที่ผิด ๆ ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง
คนพาลจะเกลี้ยกล่อมผู้มีเมตตาให้คิดร้ายต่อผู้อื่น
คนพาลจะชักจูงผู้มีเมตตาให้อยากได้ของผู้อื่นมาเป็นของตน
#Naruepon Pengon
คนพาลจะพูดเรื่องไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์ พูดจาใส่ร้าย โกหก หลอกลวง หรือบิดเบือนความจริง ยุยงให้เกิดความแตกแยกกับผู้มีเมตตา
คนพาลจะชักชวนผู้มีเมตตาให้พูดจาไม่สุภาพ หยาบคาย ก้าวร้าว
คนพาลจะชักชวนผู้มีเมตตาให้ประพฤติผิดศีลปกติของสังคม
#Naruepon Pengon
ที่มา Pixabay
2. การคลายละโมบด้วยความความประหยัด
(儉 : ประหยัด)
ความประหยัดและความเรียบง่าย ความยับยั้งชั่งใจและความพอประมาณ
คำว่า "儉" ออกเสียงว่า ㄐㄧㄢ
ที่มา Pixabay
ความประหยัดในที่นี้ คือ ความพอใจในสรรพสิ่ง พอใจในธรรมชาติ
การยอมรับและเรียนรู้จากความทุกข์ ช่วยให้เรามีความสุขและความพอใจในชีวิตมากขึ้น
คือการรู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับจากมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
หรือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งจากมนุษย์และสิ่งแวดล้อมนั้นสมดุลแล้ว
ความประหยัดในที่นี้ คือความไม่หลงใหลในสรรพสิ่ง
หลงใหลในธรรมชาติ
ในการไม่มีความรู้สึกหลงใหลในบุคคล สถานที่ หรือกาลเวลา
ความประหยัดในที่นี้ คือความไม่หลงใหลหมกมุ่น
หรือมีอารมณ์อยู่ระหว่างความกระตือรือร้นกับความประหม่าเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งใหม่,
ความประหยัด จะช่วยรักษาสมดุลของหัวใจ
อยู่ระหว่างความความดีใจกับเศร้าใจ
ซึ่งสามารถวัดผลจากหัวใจเต้นเร็ว, หายใจถี่,
และมีเหงื่อออก
แสดงถึงความไม่ประหยัดของหัวใจ
หรือความไม่สมดุลของหัวใจ
#Naruepon Penong Author
คนพาลจะใช้จ่ายทรัพย์สินอย่างฟุ่มเฟือย กินทิ้งกินขว้าง ไม่แบ่งปันผู้ใด ผู้มีความประหยัดไม่ควรคบคนพาล เพราะคนพาลจะชักชวนให้ใช้จ่ายเกินความจำเป็น
#Naruepon Pengon
3. การคลายหลง
ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
(不敢為天下先)
ความอ่อนน้อมถ่อมตน
ช่วยให้สติมั่นคง
ความถ่อมตนทางปัญญา
เมื่อเผชิญปัญหาความล้มเหลว
จะเกิดความพากเพียรมากขึ้น
ความอ่อนน้มถ่อมตนทางปัญญา
จักได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้รอบรู้
และได้มิตรที่ดีช่วยแก้ปัญหา
ความหลงทำให้หยิ่งยะโส
การแก้ไขความหลง จึงควรสอนและพัฒนาตนให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ดังนี้-
ที่มา Pixabay
ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางวัฒนธรรม (Cultural Humility)
การตระหนักรู้ถึงข้อจำกัดของมุมมองทางวัฒนธรรมของตนเอง และเปิดใจเรียนรู้จากผู้อื่น
ยอมรับว่ามุมมองของตนเองไม่ได้เป็นสากล และอาจมีอคติหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นๆ
เปิดใจเรียนรู้และรับฟังประสบการณ์ของผู้อื่นที่เป็นบัณฑิตมิใช่คนพาลที่กลับผิดเป็นถูก,กลับขาวเป็นดำ โป้ปดมดเท็จ
โดยไม่ตัดสินหรือเหมารวม
ทบทวนอคติและความเชื่อของตนเองที่มีต่อวัฒนธรรมอื่นๆ
โดยเฉพาะการทำงานนานาชาติ
ความสามารถทางวัฒนธรรม (Cultural Competence) มุ่งเน้นที่การมีความรู้และทักษะในการทำงานกับผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนทางวัฒนธรรมเน้นที่การเรียนรู้และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ความถ่อมตนในครอบครัว การแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ และเข้าใจผู้อื่นในครอบครัว รวมถึงการยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากผู้อื่น แม้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
หรือเรื่องใหญ่
ควรแสดงความรับผิดชอบและขอโทษ.
รู้จักขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่คนในครอบครัวทำให้.
ไม่โอ้อวดความสามารถหรือความสำเร็จของตนเอง.
ความถ่อมตนช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีในครอบครัว.
ความถ่อมตนทางสติปัญญาของตน
คือ การตระหนักถึงขีดจำกัดของความรู้ความสามารถของตนเอง
ยอมรับว่าตนเองอาจผิดพลาด
และเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ซึ่งเป็นคุณธรรมที่สำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
รวมถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติ
●
ความถ่อมตนทางสติปัญญาไม่ใช่การดูถูกตัวเอง แต่เป็นการยอมรับว่าความรู้ของคนเรามีขอบเขต และอาจมีสิ่งที่เราไม่รู้ หรือเข้าใจผิดได้
●
บุคคลที่มีความถ่อมตนทางสติปัญญา จะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากตนเอง และพร้อมที่จะพิจารณาหลักฐานใหม่ๆ ที่อาจทำให้ต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อ
●
การมีความถ่อมตนทางสติปัญญาเกี่ยวข้องกับการปรับตัวเข้ากับข้อมูลใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ เมื่อมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
ความถ่อมตนในความรู้
(Intellectual Humility) คือ
การตระหนักถึงขีดจำกัดของความรู้และความสามารถของตนเอง
และพร้อมที่จะยอมรับว่าตนเองอาจจะผิด
หรือยังไม่รู้ในบางเรื่อง
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง.
ความถ่อมตนในความรู้
เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น
และมุมมองที่แตกต่างจากของตนเอง
โดยไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ
กล้าที่จะยอมรับเมื่อตนเองผิดพลาด
และพร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น
ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
การมีความถ่อมตนทางความรู้
ช่วยให้ผู้เรียนเปิดใจรับความรู้ใหม่ๆ และพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
การมีความถ่อมตนทางความรู้และปัญญา
เป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
ช่วยให้ผู้นำสามารถรับฟังและเรียนรู้จากทีมงานได้.
ความถ่อมตนทางความรู้แลัปัญญาไม่ได้หมายถึงการไม่มั่นใจในตนเอง หรือการไม่กล้าแสดงความคิดเห็น.
แต่เป็นการตระหนักถึงขีดจำกัดของตนเอง และพร้อมที่จะเรียนรู้จากผู้อื่น.
การมีความถ่อมตนทางความรู้แลัปัญญา
เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการหยิ่งยโส หรือการคิดว่าตนเองรู้ทุกอย่าง.
ความอ่อนน้อมถ่อมตนในทักษะ คือ การมีทัศนคติที่เปิดกว้าง
และพร้อมเรียนรู้
แม้จะมีทักษะความสามารถในระดับหนึ่งก็ตาม การรู้จักตัวเอง ยอมรับข้อจำกัดของตนเอง
และให้เกียรติผู้อื่น
รวมถึงพร้อมที่จะเรียนรู้จากผู้อื่นเสมอ
ผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนจะเข้าใจทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน
ของตนเอง
การไม่โอ้อวด:
ไม่จำเป็นต้องแสดงออกถึงความสามารถของตนเองตลอดเวลา
ให้ความสำคัญและเคารพในคุณค่าของผู้อื่น
พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ช่วยให้การทำงานเป็นทีมเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเราพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
การมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้นำ เพราะจะช่วยสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้กับทีม
ความถ่อมตนแห่งปัญญา ช่วยการพัฒนาตนเอง และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
ความถ่อมตนแห่งปัญญา คือ การยอมรับว่าความรู้ของตนเองมีขีดจำกัด
และเปิดใจกว้างที่จะเรียนรู้จากผู้อื่น
รวมถึงการตระหนักว่ามุมมองของตนเองอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป
การรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และพิจารณาอย่างรอบด้าน
การไม่กลัวที่จะยอมรับว่าตนเองผิด และพร้อมที่จะแก้ไข
การไม่ยึดติดกับความคิดของตนเอง
เปิดใจรับแนวคิดใหม่ๆ
การไม่ดูถูกหรือมองข้ามความรู้ความสามารถของผู้อื่น
การเปิดใจรับความรู้ใหม่ๆ ทำให้เราพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
การยอมรับข้อผิดพลาด และให้เกียรติผู้อื่น ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีขึ้น
การพิจารณาข้อมูลรอบด้าน ทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้หลากหลายมุมมอง
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของความเกรงขาม (Reverence
ความเกรงขาม) คือ ความรู้สึกเคารพและยำเกรงอย่างลึกซึ้ง
ความอ่อนน้อมถ่อมตนของความเกรงขาม
คือ การมีความเคารพและความยำเกรงอย่างจริงใจต่อผู้ที่อาวุโสกว่า
หรือผู้ที่มีอำนาจ
หรือต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
หรือหวาดระแวง
แต่เป็นการแสดงออกถึงความนอบน้อมและความอ่อนโยนที่มาจากใจจริง
ความอ่อนน้อม
ถ่อมตนเมื่อเผชิญกับความทุกข์ : การยอมรับและเรียนรู้จากความทุกข์ โดยไม่หลงระเริงไปกับความเจ็บปวด
หรือความทุกข์นั้น คือ การไม่ยึดติดกับความคาดหวังว่าจะสมหวัง หรือผิดหวัง เพราะสุดท้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไป
หรือแผนการของตนเองมากเกินไป, ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ดิ้นรน
ให้เกียรติและเห็นคุณค่าในผู้อื่น แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
เมื่อทำผิดพลาดในการทำงาน แทนที่จะโทษผู้อื่นหรือปฏิเสธความผิด ก็ยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น
เรียนรู้ที่จะอยู่กับความทรงจำที่ดี จะช่วยให้ผ่านพ้นความทุกข์ไปได้
ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การยอมรับความล้มเหลวและเรียนรู้จากมัน จะช่วยให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
ความถ่อมตนช่วยให้เรามีความอดทนต่อความทุกข์และความยากลำบากมากขึ้น ไม่ยึดติดกับความคาดหวัง ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้
ความถ่อมตนช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นทางจิตใจมากขึ้น และสามารถฟื้นตัวจากความทุกข์ได้เร็วขึ้น
การถ่อมตนช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นมากขึ้น
การยอมรับและเรียนรู้จากความทุกข์ ช่วยให้เรามีความสุขและความพอใจในชีวิตมากขึ้น
ที่มา Tyrone Sgambati เขียนไว้ในGreater Good
#คัมภีร์เต๋าเต๋อจิง 81 บท
#Naruepon Penong
แปลเรียบเรียงและตีความ
จงอย่าอ่อนน้อมถ่อมตนกับคนพาล
เพราะคนพาลหัวเราะเยาะ ข่มเหงรังแกคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน คนพาลไร้ความสามารถจะประเมินค่าตนสูงกว่าเรา
คนพาลใช้วาจากร้าวร้าว และประจบสอพลอใส่ร้ายคนอ่อนน้อมถ่อมตน
คนพาลมักจะโกรธคนอ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่มีเหตุผล
คนพาลจะถือตัวว่าเหนือกว่าคนอ่อนน้อมถ่อมตน
#Naruepon Pengon
รัตนสามสมบัติของเหลาจื่อ ภาคปฏิบัติ 2025
1. อ่อนน้อมถ่อมตน
ภาคปฏิบัติ คือ
การแสดงออกถึงความสุภาพ นอบน้อม และถ่อมตนในชีวิตประจำวัน ทั้งทางกาย วาจา และใจ
โดยการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนทางกายต้องเป็นไปด้วยความจริงใจ ไม่ใช่การเสแสร้ง
กิริยาท่าทางสุภาพ นุ่มนวล ไม่หยาบคาย ไม่ทำท่าทางหยิ่งยโส
การรู้จักแสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์ ใช้คำพูดที่สุภาพ อ่อนหวาน ไพเราะ น่าฟัง ไม่หยาบคาย เหมาะสมกับกาลเทศะ และบุคคลที่กำลังสนทนาด้วยเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเคารพยกย่องผู้ที่มีอาวุโสกว่า ทั้งด้านอายุ ฐานะ หน้าที่การงาน และคุณธรรมบุคคลที่ควรเทิดทูนและเป็นที่ยอมรับขององค์กร
โดยกล่าวชื่นชมยินดี เผื่อแผ่เมตตาในผลงานไม่พูดจาโอ้อวดสรรพคุณของตนเอง หรือดูถูกผู้อื่นทั้งที่ทำงานร่วมกันและมิได้ทำงานร่วมกัน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างตั้งใจ
2. กระทำด้วยเมตตาภาคปฏิบัติ
สำคัญกว่าคำพูดว่าเมตตา
"กระทำด้วยเมตตาสำคัญกว่าคำพูด" หมายถึง การแสดงออกถึงความเมตตาและความปรารถนาดีต่อผู้อื่นผ่านการกระทำนั้นมีความสำคัญและมีผลมากกว่าเพียงแค่การพูดถึงความเมตตาหรือความปรารถนาดีนั้น
การกระทำที่แสดงถึงความเมตตา เช่น การช่วยเหลือ การให้กำลังใจ หรือการแสดงความเห็นอกเห็นใจ จะสร้างผลกระทบและความรู้สึกที่ดีต่อผู้รับได้มากกว่าคำพูดที่เปล่าประโยชน์
การกระทำที่แสดงออกถึงความเมตตา เช่น การช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ การให้กำลังใจ หรือการให้อภัย เป็นสิ่งที่จับต้องได้และสร้างความรู้สึกเชิงบวกให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับ
การพูดถึงความเมตตาโดยที่ไม่มีการกระทำที่สอดคล้องกันอาจทำให้ผู้คนไม่เชื่อถือ และอาจทำให้ความสัมพันธ์เสียหายได้
การมีความเมตตาต่อตนเอง
(Self-compassion) นั้น
ไม่ต่างอะไรกับการมีความเมตตาต่อผู้อื่น
การที่เราเผชิญกับความทุกข์
หรือความหลงไหล (passion)
การเมตตา
(compassion)
ต่อเพื่อนสนิท
หรือผู้อื่น
ที่กำลังทุกข์
หรือทรมาน
-คุณสังเกตว่าเพื่อนของคุณกำลังมีปัญหาหรือรู้สึกแย่
กับตัวเอง
- คุณรู้สึกสงสารเพื่อน หรือผู้ที่กำลังทุกข์ (มากกว่าสงสารตัวเอง)
คุณจะรู้ว่าความทุกข์ ความล้มเหลว และความไม่สมบูรณ์แบบเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ร่วมกันของมนุษย์
“ถ้าโชคดี
คุณทำความเมตตาสำเร็จ”
คุณมอบความเมตตาให้เพื่อนของคุณด้วยความความรัก
ความอบอุ่น
ความเข้าใจ
และความเมตตา – รู้สึกปรารถนาที่จะช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง
ทั้งสามองค์ประกอบหลักของความเมตตา
ได้แก่
ความมีสติ
ความเป็นมนุษย์ร่วมกัน
และความเมตตา
#ที่มา Dr. Kristin Neft
การเห็นใจตนเอง
คือ เสมือนมองกระจกส่องดูตัวเองเมื่อครั้งเห็นใจเพื่อนสนิทหรือผู้อื่น
เมื่อคุณกำลังดิ้นรนทรมานหรือรู้สึกแย่กับความทุกข์ของตัวเอง คุณเท่านั้นที่จะคอยให้กำลังใจเมื่อตัวเรากำลังเผชิญกับความปัญหาในชีวิต
เมื่อเรารู้สึกแย่ในผลของการกระทำ
หรือทำพลาดไป แทนที่จะเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดด้วยทัศนคติที่
“ไม่ยอมแพ้” ด้วยคำสอนเต๋า ไม่เป็นที่หนึ่ง เพิ่มความอ่อนน้อมถ่อมตนให้มากขึ้น
ความเมตตากรุณาต่อตนเอง
คือ คุณใจดีสู้กับอุปสรรคตรงหน้า
และเข้าใจสถานการณ์ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ที่คุณกระทำ หรือมีส่วนร่วม
- สังคม หัวหน้า เพื่อนหรือใคร ?ที่เคยบอกว่าคุณควรจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ?
คุณเคารพ
และยอมรับความเป็นตัวของตัวเอง
สิ่งต่างๆ จะไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการเสมอไป คุณจะพบกับความหงุดหงิด
การสูญเสียจะเกิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป
คุณจะทำผิดพลาด คุณพบกับข้อจำกัดของตนเอง
และไม่บรรลุอุดมคติ
นี่คือสภาพความเป็นมนุษย์ และธรรมชาติ
ความจริงเพียงหนึ่งเดียว
ที่เราทุกคนต่างก็มีร่วมกัน
##ที่มา Dr. Kristin Neft
ความไม่สมบูรณ์แบบ นั้น มีตั้งแต่ อนุภาคมูลฐาน
W โบซอน และZ โบซอน คือ ความสมดุลของเอกภพชั่วคราว ดูเหมือนจะไร้มวล ถ้าไม่มี ฮิกส์ โบซอน มาปั่นป่วน เกิดอสมมาตร
(be asymmetrical)
ทำให้ W โบซอน และZ โบซอน มีมวล และสรรพสิ่งก็มีมวล เช่น มนุษย์ สัตว์ พืช ดิน น้ำ ไม้ ทอง ยกเว้น โฟตอนของแสงสว่าง
ไม่มีมวล
#Naruepon Penong
Author
การปล่อยให้ความคิดและอารมณ์ด้านลบ
พาคุณไป
คุณควรหยุดด้วยอารมณ์ด้านตรงข้าม ปรับสมดุล
และบอกกับตัวเองว่า
“ช่วงเวลานั้นมันมีอุปสรรคจริงๆ” ต่อไปมันจะง่ายขึ้น
ตัวเราจะปลอบใจตัวเองและลำดับการดูแลตัวเองให้ผ่านอุปสรรค
โดยใช้ลำดับของปัญญาในการแก้ปัญหา
#ที่มา Dr. Kristin Neft
3. การประหยัดในจิตวิญญาณภาคปฏิบัติ
คือความยินดี, ความพอใจ,
ความปลื้มใจ
ซึ่งตรงข้ามกับ"อิจฉา"
อย่ากระทำตนให้สมบูรณ์แบบ,
ดีเลิศ,
ไร้ที่ติ หรือ perfect
ก็จะไม่มีใครอิจฉาเรา
หลักการทั้งสามของเล่าจื้อ
1. ความเรียบง่าย (มีความพอดี ไม่สะสมเกินจำเป็น):
ลดความซับซ้อนในชีวิต ละทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญจริงๆ
2. การปล่อยวาง
(เพราะทุกสิ่งในโลก หรือเอกภพคนมิอาจควบคุมได้ แม้แต่ตา,หู,จูก,ลิ้น,กาย,ใจ และวิญญาณ): การคาดหวังการควบคุมทุกสิ่งทุกนำไปสู่ความผิดหวัง มากกว่าสมหวัง
การปล่อยวางความเครียด
โดยยอมรับสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง
และปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน
3. การไม่ฝืนธรรมชาติ:
การใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ เช่น การดูแลสุขภาพตามฤดูกาล เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันโรคที่พบบ่อยในแต่ละฤดู
สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและลมแดด
ระมัดระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่ม เพื่อป้องกันโรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ
พกร่ม หรือเสื้อกันฝน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากความชื้น
สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด พักผ่อนให้เพียงพอเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การทำงานตามธรรมชาติ เป็นการทำงานที่สอดคล้องกับธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพกายและใจของมนุษย์
ให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน
หรือการจัดการสิ่งต่างๆ รอบตัว การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติช่วยลดความเครียด ลดความดันโลหิต และช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจในการทำงาน
หลีกเลี่ยงการต่อต้านหรือขัดขืนธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ
#Naruepon Penong Author
ที่มา คัมภีร์เต๋าเต๋อจิง
อู่จี๋ คือ
คือ ความว่างเปล่า
ที่สัญลักษณ์ทั้งหมดปรากฏอยู่
กลไกของทั้งการเคลื่อนไหวและความสงบ
มันตั้งอยู่ก่อนความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนไหวและความสงบ ในกาลอวกาศ
(อี้จิ้ง)
ไท่จี๋ คือ เต๋า”
อู๋จี๋ คือ อี้จิ้ง
ไท่จี๋ตู คือ หยิน,หยาง
อู๋จี๋ คือ การเปลี่ยนแปลง
และอี้จิ้งแปลว่า การเปลื่ยนแปลง
จากว่าง ก็เป็นเต็ม เรียกว่าไท่จี๋ Taiji
หรือความเต็ม ความสมบูรณ์ของหยิน-หยาง Yin-Yang
หรือ เต๋า
ความไม่สมมาตรของอนุภาคมูลฐานของธรรมชาติ
ทำให้เต๋า หรือไท่จี๋เปลื่ยนแปลง
ดังนั้น จึงมีบันทึกไว้ว่า เต๋าคล้อยตามธรรมชาติ
ไท่จี๋ คือ ขอบเขตที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโลก
นับรวมถึงจุดสิ้นสุดจักรวาล
(คำว่า จักรวาล นี้มีบันทึกในคัมภีร์จวงจื่อ สาวกรุ่นหลานของเล่าจื้อ ผู้ประพันธ์ เต๋าเต๋อจิง 81 บท)
ไท่จี๋ นั้นมีมาก่อน
อู่จี๋
อู่จี๋ คือ ความว่างที่ไร้ขอบเขต
เต๋า คือ ไร้การเกิด
หรือเกิดไม่ปรากฏ
ไร้การการดับ
หรือนิรันดร์
blockdit.com
[Enve Engi] แบบจำลองมาตรฐานของอนุภาคพื้นฐานและปฏิสัมพันธ์ทฤษฎีควอนตัม “แบบจำลองมาตรฐาน” อธิบายทฤษฎี ควอนตัม รวมถึงทฤษฎีปฏิสัมพันธ์ ที่แข็งแกร่ง (โครโมไดนามิกส์เชิงควอนตัมหรือ QCD) และทฤษฎีรวมของปฏิสัมพันธ์ที่อ
“แบบจำลองมาตรฐาน” อธิบายทฤษฎี ควอนตัม รวมถึงทฤษฎีปฏิสัมพันธ์ ที่แข็งแกร่ง (โครโมไดนามิกส์เชิงควอนตัมหรือ QCD) และทฤษฎีรวมของปฏิสัมพันธ์ที่อ่อนแอ และแม่เหล็กไฟฟ้า (อิเล็กโทรวีค) แรงโน้มถ่วงรวมอยู่ในแผนภูมินี้ เนื่องจากเป็นปฏิสัมพันธ์พื้นฐานอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของ “แบบจำลองมาตรฐาน”…
จีน
ประวัติศาสตร์
แนวคิด
2 บันทึก
2
6
2
2
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย