ทหาร ...มี...ไว้ ....ทำไม?
บันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีไทยจุดชนวนความขัดแย้ง ส.ส. 8 รายลาออกอย่างเป็นทางการ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศแจ้งว่า ส.ส. 8 รายของพรรคภูมิใจไทยได้ลาออกอย่างเป็นทางการ จากประเด็นร้อนหลังจากมีการเผยแพร่คลิปเสียงพูดคุยระหว่าง
นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร หรือเรียกสั้น ๆ ว่า นายกฯ อิ๊งค์ กับจอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า ฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศไทย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต่อมา 20 มิ.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก จำนวน 8 คน ประกอบด้วย
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
2. น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
3. นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
4. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
5. น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
6. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
7. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
8. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งหมดได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2568 ความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.2568 ตามความในมาตรา 170 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การที่พรรคที่ใหญ่เป็นอันดับสองในรัฐบาลผสมที่นำโดย พรรคภูมิใจไทย ประกาศเมื่อวันที่ 18 ว่าจะถอนตัวจากรัฐบาลผสมที่นำโดย นายกฯ อิ๊งค์
และเรียกร้องให้“นายกฯ อิ๊งค์” รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากบันทึกเสียงดังกล่าว
ที่สำคัญในคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา จะได้ยินเสียงนายกฯอิ๊งเรียกชื่อชายที่เป็นล่ามว่า “พี่ฮวด” แต่ พี่ฮวดคนนี้ ไม่ใช่เพียงล่ามธรรมดาๆนะครับ
นายฮวด หรือ พี่ฮวด ไม่ได้เป็นล่ามธรรมดา แต่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชา เคยมีตำแหน่งเป็น ผอ.เขตเมืองพนมเปญ พูดภาษาไทยได้คล่อง และเป็นที่ไว้ใจของสมเด็จฮุนเซนและนายทักษิณ
นายฮวด ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงล่ามเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ฮุนเซนเคยจัดให้ดูแล คนเสื้อแดงที่ลี้ภัยไปอยู่กัมพูชาในอดีตนั่นเอง
ในวันที่ 19 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น นายกฯ อิ๊งค์ ได้กล่าวขอโทษประชาชนชาวไทยกรณีบันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์รั่วไหล
วันที่ 20 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาได้ยื่นคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ ตามลำดับ
โดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาการสนทนาของ นายกฯ อิ๊งค์ กับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน สงสัยว่ามีการละเมิดรัฐธรรมนูญและบรรทัดฐานทางจริยธรรม
นั่นคือเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น คณะกรรมการจริยธรรมการเมือง ประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลและคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ
เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรออกจากตำแหน่ง
ด้วยสาเหตุเพราะเธอถูกสงสัยว่าจัดการข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเนื้อหาการสนทนาทางโทรศัพท์กับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน ฮุน เซน
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จึงได้จัดงานแถลงข่าวในวันเดียวกัน
เพื่อขอโทษชาวไทยสำหรับการรั่วไหลของเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเธอกับฮุน เซน โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้น
แต่ย้ำว่าเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการเจรจา จนพรรคการเมืองใหญ่อันดับสองในรัฐบาลผสมต้องประกาศถอนตัว
จะเห็นได้ว่า การบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศไทย
ส่งผลให้วันที่ 18 พรรคการเมืองใหญ่อันดับสองในรัฐบาลผสม
เรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากการบันทึกการสนทนาดังกล่าว
สื่อกัมพูชาและไทย ต่างรายงานการบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับฮุนเซน ซึ่ง แพทองธาร ชินวัตร ขอให้ฮุนเซนช่วยคลายความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ
ต่อมาฮุนเซนได้ยืนยันผ่านโซเชียลมีเดียว่าได้พูดคุยกับนายกเมื่อไม่นานนี้
สอดคล้องกับ แพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงข่าวในช่วงบ่ายของวันที่ 18 โดยยอมรับว่าการบันทึกการสนทนาดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
แต่ย้ำว่าเธอเพียงพยายามแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่าง 2 ประเทศเท่านั้น
นอกจากนี้ เธอยังกล่าวอีกว่าการสนทนาดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ควรจะถูกเปิดเผย
แล้ว....จากผลงานดังกล่าว จะชักนำให้ แพทองธาร ชินวัตร ต้องไปต่อที่ไหน?
ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ บิดาของเธอ ถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งจากการรัฐประหาร
สมชาย ลุงของเธอ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ป้าของเธอ ถูกศาลรัฐธรรมนูญปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกรัฐประหารเช่นกันหลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่ง และไม่สามารถกลับประเทศได้จนถึงขณะนี้
หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะตกอยู่ภายใต้คำสาปของนายกรัฐมนตรี.,ที่ทุกคนในครอบครัวนี้ต้องถูกบังคับให้ลาออก
เกมอำนาจระยะยาวระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและกองทัพในประเทศไทยจะได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความวุ่นวายนี้หรือไม่???
แพทองธาร ชินวัตร ยังค่อนข้างอายุน้อย มีประสบการณ์น้อย และดูเหมือนไม่มีความสามารถในการปกครอง ซึ่งครั้งนี้ได้ทำให้เกิดความขัดแย้ง(อีกครั้ง)
แม้ว่าเธอจะประสบความสำเร็จบางอย่างในช่วงปีที่ผ่านมาตั้งแต่เธอเข้ารับตำแหน่ง แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดันในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะเป็น เงินเดจิตัล เงินหมื่น ความวุ่นวายจากเหตุการณ์บันทึกเสียง
ไม่ว่าเรื่องราวจะคลี่คลายลงอย่างเหมาะสมหรือไม่
และสามารถหาทางประนีประนอมกับกองทัพและกองกำลังอนุรักษ์นิยมในประเทศในเกมการเมืองได้หรือไม่
นี่ถือเป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่สำหรับรัฐบาล แพทองธาร
ขณะที่ ฮุนเซนกำลังหาเสียงให้กับฮุน มาเนต ลูกชายของเขา แพทองธาร ชินวัตร กลับไม่ได้ใส่ใจต่อผลประโยชน์อธิปไตยของประเทศมากพอ และได้เปิดเผยความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศให้ต่างประเทศได้รับทราบ
เธอไม่ได้เจรจาจากจุดยืนของประเทศ แต่กำลังเจรจากับคนรู้จัก
เมื่อสถานการณ์พัฒนาไป ณ ตอนนี้....เมื่อแพทองธาร ชินวัตร เผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก การยุบรัฐบาลจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แม้ ...เหตุการณ์การบันทึกภาพ เสียง
และเหตุการณ์ดังกล่าวเผยให้เห็นถึงความไม่เป็นผู้ใหญ่ของนักการเมืองไทยรุ่นใหม่
พวกเขาต่างไม่มีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองภายในอย่างเต็มที่
และแม้ว่าเธอจะทำผิดต่อตนเองจากทั้งภายใน และไม่สามารถ "แสวงหาความสมบูรณ์แบบระหว่าง 2 ประเทศ "จากภายนอกได้
แต่กลับจะทำให้ตนเองอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
![[ชตระกูล ศรีสวัสดิ์] มิตรภาพ 30 ปี สิ้นสุดลงแล้ว ! .
ฮุนเซนประกาศเลิกเกี่ยวข้องกับตระกูลทักษิณแล้ว พร้อมที่จะเปิดโปงความลับของทักษิณกับยิ่งลักษณ์ หลังโดนนายกแพรทองธารโต้กลับอย่างหนัก](https://t1.blockdit.com/photos/2025/06/68594270a99547649547ecc4_800x0xcover_eHuIhzDi.jpg)
ณ ตอนนี้... "แพทองธาร ชินวัตร ....แทบไม่มีไพ่ให้เล่น อีกแล้ว"
ที่ผ่านมา ...ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรากฐานทางเศรษฐกิจที่ดีในคาบสมุทรอินโดจีน
แต่...ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมภายนอกของประเทศไทยในภูมิภาค เปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับอดีต ประเทศต่างๆ
เช่น เวียดนามและกัมพูชา ที่ได้เข้าสู่ช่วงของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว (ซึ่งมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของลัทธิชาตินิยมภายในประเทศ)
ซึ่งสร้างแรงกดดันและความไม่แน่นอนให้กับสภาพแวดล้อมโดยรอบของประเทศไทยได้มากขึ้น
จนเกิดข้อพิพาทระหว่างชายแดนหลายครั้ง สุดท้าย ฮุนเซนก็ประกาศ พร้อมจะเปิดโปงความลับของทักษิณกับยิ่งลักษณ์ในไม่ช้านี้...
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
